น้ำตาของหญิงสาวในโลกสีสวย

เรื่อง : สันติสุข กาญจนประกร

ภาพ : อนุช ยนตมุติ

 หญิงสาวร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ดูเหนื่อยและอ่อนล้า

เมื่อปราศจากเสียงเพลง แสงแฟลช แสงไฟ กิ๊บซี่-วนิดา เติมธนาภรณ์ ก็ไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นทั่วไป

เธอสาว สวย น่ามอง นั่นคือพรวิเศษที่ธรรมชาติมอบให้แก่ขวบวัยนี้

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากเธอจะใช้พรวิเศษข้อนี้ กรุยทางเพื่ออนาคตที่ตัวเองวางไว้

อยากรวย อยากมั่นคง เธอยอมรับ

ตรงไปตรงมาขนาดนี้ จะแปลกยังไง

อยากรวย อยากมั่นคง แต่เอาฉากบางอย่างมาบังหน้า นั่นสิแปลก

เชื่อ ทำ ไม่ฟูมฟาย และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ อย่างน้อยๆ ก็ควรมีความกล้าหาญบางอย่างที่เราควรยกย่อง

ดีแต่ขายเรือนร่าง ไร้สมอง ทำให้สังคมมัวหม่น ลูกสาวใครอย่าทำตามเด็ดขาด

อ้าว! เมื่อเธออยู่ในเกม เกมที่ใครก็ไม่รู้กำหนดให้เธอเล่น แล้วเธอดันเล่นมันได้ดีเสียด้วย ถ้าจะโทษ คงไม่ยุติธรรมนักที่จะตราหน้าผู้หญิงตัวเล็กๆ ให้เป็นจำเลยแต่เพียงผู้เดียว

บอกแล้วว่าเธอก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง

ที่ต่าง คือเธอพร้อมจะพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา

1.

ชี้ตัวถามเลยก็ได้ วัยรุ่นคนไหนไม่รู้จัก เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ อย่าว่าแต่วัยรุ่นเลย ถามผู้หลักผู้ใหญ่ดูสิ (ที่คอยตั้งหน้าตั้งตาวิพากษ์วิจารณ์เกิร์ลกรุ๊ปวงนี้) น้อยคนที่จะตอบปฏิเสธ

ไม่ดัง แล้วจะให้เรียกว่าอะไร

ส่วนดังแล้วดีไหม คุณภาพหรือเปล่า ใครจะมาตัดสินดีล่ะ

“ทุกคนก็อยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด ถูกไหม” กิ๊บซี่ตั้งคำถาม

“ครีเอทีฟก็อยาก คนแต่งเพลงก็อยาก คนลงทุนก็อยาก เราก็มีส่วนของเรา ถ้ามันไม่ขัดความรู้สึกจริงๆ เราก็เชื่อเขา เพราะเราไม่ได้เชี่ยวชาญในศาสตร์ที่เขาทำ จะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ ทำเองได้หมด ก็ไม่ต้องจ้างกัน ถ้าแค่ชอบ ไม่ชอบ บางทีเราเชื่อเขาบ้างก็ได้”

เชื่อเขาบ้างก็ได้ – ฟังคล้ายไม่มีจุดยืน ไม่อินดี้ (อินดี้แล้วอย่าเข้าค่ายใหญ่นะเอ้า) ไม่เท่ แต่ทุกชีวิตล้วนมีรายละเอียดแตกต่างกัน กิ๊บซี่ก็มีเหตุผลของเธอ

“ไม่ได้ชอบทุกเพลงที่แต่งออกมา ไม่เอาเพลงนี้โปรโมตได้ไหม อีกเพลงดีกว่า หรือเพลงนี้จะอยู่ในอัลบั้มเลยเหรอ แต่ถ้าภาพรวมดี คนอื่นในวงชอบ ผู้ใหญ่มองว่าดี มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่เราคนเดียวแล้ว ต้องผ่านไป ไม่มีทางถูกใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไร ชีวิตหรืองาน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องฝืนความรู้สึกมาก เพราะโดยส่วนตัวเอาความรู้สึกวัดอยู่แล้ว คือถ้าไม่ชอบก็จะไม่ทำ

“การใช้ชีวิตเป็นสัตว์สังคมไม่มีทางถูกใจเราไปซะหมด เป็นไปไม่ได้เลย ไปถ่ายแฟชั่น ไม่ชอบผมทรงนี้เลย ไม่ชอบสไตล์เสื้อ ซึ่งคนเราชอบไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต้องตระหนักคือ การเคารพตัวเองและเคารพคนอื่นด้วย ต้องให้เกรียติกัน มันเป็นหน้าที่ของเขา ทุกคนก็พยายามทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด เราก็ต้องทำส่วนของเราให้ดี”

2.

ภาพยนตร์เรื่อง นางไม้ และ แฟนเก่า ส่งให้กิ๊บซี่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เธอบอกว่า ชีวิตช่วงนี้ถือว่างานชุกที่สุด

“ช่วงนี้งานเยอะมาก เยอะที่สุดในชีวิตแล้ว เหนื่อยแต่มีความสุข เป็นโอกาสที่ดี งานที่ทำออกมาได้ผลตอบรับดี เป็นทางบวกต่อภาพลักษณ์ของเรา มีสิ่งดีๆ ตามมาหลายอย่างจากการเล่นหนังทั้งสองเรื่อง คนจำนวนหนึ่งที่ไม่เคยฟังเพลงเรา ก็ได้รู้จักเรา เรียกว่ามากกว่าที่คิดไว้ เพราะไม่ได้คิดอะไรไว้เยอะ”

ใครจะเชื่อ สมัยคิดเข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ เธอโดนสินค้าปฏิเสธในการถ่ายโฆษณากว่า 50 ชิ้น

“เหนื่อยมาก มากเสียจนเรียกว่ากระเสือกกระสน จุดแรกๆ เป็นแบบนั้น กว่าจะมายืนตรงนี้ได้ เหนื่อยเสียจนแม่พูดว่าหยุดเถอะ เราก็ร้องไห้ ทำให้รู้เลยว่า ชีวิตมันไม่ง่าย เด็กๆ บางคนอาจไม่ต้องดิ้นรนขนาดนั้น”

ที่ต้องดิ้นรน เธอตอบตัวเองชัด เพราะอยากมีเงิน

“เด็กอายุขนาดนั้นจะไปทำงานอะไรได้ ถูกไหม มันเป็นโอกาส กิ๊บเป็นคนที่ชอบดิ้นรน อยากมีอะไรด้วยตัวเอง ไม่ชอบขอพ่อแม่ เลยทำให้มองว่าต้องมุ่งมั่น มีโอกาสก็ทำ ยิ่งประสบความสำเร็จเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี แล้วไปชิลล์ๆ ตอนหลัง ไม่หยุดรอ คว้าตลอด คนบางคนมีโอกาสทุกวัน บางคนมีครั้งเดียวในชีวิต ผ่านไปแล้ว ผ่านเลย ตอนเด็กๆ จึงไม่เกี่ยง เต็มที่ ทำอะไรได้ก็ทำ”

ตอนเป็นเด็กหญิงกิ๊บซี่ เอ่อ…เธอบอกว่าเด็กหญิงกิ๊บเฉยๆ อาชีพไหนจะได้เงินดีเท่าอาชีพในวงการบันเทิง

“อย่างที่บอก ตอนเด็กๆ คืออยากหาเงินได้ด้วยตัวเอง ก็ต้องเป็นดาราสิ ไม่ดียังไง เป็นดาราในวงการ ได้แต่งตัวสวยๆ คิดอะไรได้ไม่เยอะหรอก แค่อยากเลี้ยงตัวเอง อะไรก็ตามที่เราจะมี เช่น รถ โทรศัพท์ บ้าน ของสวยๆ งามๆ มันต้องมีด้วยตัวเอง ใครจะมาว่าอะไรเราล่ะ ก็เราหาเอง”

3.

เมื่อแต่ละชีวิตมีเนื้อหาที่แตกต่าง ความสำเร็จของนักเขียนบางคนอาจหมายถึงรางวัลบนเวทีประกวด นักคิดอาจหมายถึงสัจธรรมที่สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ กระทั่งนักพรตนักบวชอาจหมายถึงโลกภายในที่ปราศจากกิเลสตัณหา

“ความสำเร็จของกิ๊บซี่คืออะไรเหรอ ก็มีหน้าที่การงานที่ดี มั่นคง อยู่ในระดับที่พอใจ ดูแลตัวเองได้อย่างดี ดูแลครอบครัวได้ ความสำเร็จมันมีหลายระดับนะ การมาเป็น เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ก็สำเร็จอย่างหนึ่ง สำเร็จที่คนรู้จัก คนยอมรับ สำเร็จที่สามารถมีอัลบั้มต่อไปได้อีก

“อย่างที่เราเรียกว่า ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งมันก็ประมาณหนึ่ง ถามว่าได้กว่านี้อีกไหม มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก ขึ้นอยู่ที่โอกาสด้วย กิ๊บมองว่าโอกาสสำคัญมาก ความสามารถยังไม่สำคัญเท่าโอกาสเลย บางคนเก่ง แต่ไม่มีจังหวะ ก็เก่งอยู่ที่บ้าน”

ดังแล้ว คนรู้จักแล้ว รวยแล้วด้วย เราสงสัยว่า ความหมายของชีวิตเรื่องความสำเร็จในชีวิตเธอเคลื่อนไปบ้างไหม

“เรื่องงานยังสำคัญสุด” เธอว่า

“กิ๊บเหนื่อยมาก แต่พอมีคนให้ทำงาน เราก็จะกระตือรือร้นสุดๆ มองว่า ถ้าจะต้องเหนื่อยกว่านี้อีก…ก็ยินดี ถามว่าชอบทำงานไหม ถ้าอยู่ดีๆ มีเงินใช้อยู่แล้ว ไม่ชอบก็ได้ กิ๊บมุ่งมั่นมากกับเรื่องการสร้างเนื้อสร้างตัว อยากประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ถามว่าทุกวันนี้สำเร็จหรือยัง ยังหรอก เพราะยังไม่มั่นคง ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แม้จะมีชื่อเสียงแล้ว

“ที่บอกว่ายังไม่มั่นคง หมายถึงสำหรับอนาคต ยังต้องอีก จะดังได้มากกว่านี้อีกไหม หาเงินได้เยอะกว่านี้อีกไหม เพื่อต่อยอดอย่างอื่น จุดมุ่งหมายในตอนนี้ไม่ใช่แค่หาเงินได้แล้ว อยากมั่นคง ให้ครอบครัวมั่นคง ดูแลคนอื่น ดูแลแม่ จากแค่หาเงินธรรมดา มันก็ซีเรียสขึ้น อยากสบายเพื่อให้คนรอบข้างพึ่งเราได้”

4.

เราถามเธอว่า ถ้ามัวแต่หาเงินหาทอง แล้วตัวตนที่แท้จริงล่ะ จะค้นหาเจอบ้างไหม คำตอบของกิ๊บซี่น่าคิดทีเดียว

“เป็นตัวของเราตลอด กิ๊บเป็นคนที่ไม่ว่าจะทำอะไร ชั้นก็จะเป็นอย่างนี้ ทำไมล่ะ ตัวตนที่แท้จริงของเรามันแย่มากเหรอ ถึงต้องมานั่งปิดบัง มันเลวร้ายมากเหรอ ถึงต้องพยายามไปเสนออีกแบบ กิ๊บมองว่าความจริงคือสิ่งสำคัญ ตัวจริงก็คือตัวจริง อะไรก็ตามที่ไม่จริง มันคือของปลอม วันหนึ่งมันก็จะไม่ใช่ แต่ถ้าเราเป็นเราในแบบนี้ ใครจะชอบ ชอบมากชอบน้อย เราไม่ต้องไปเปลี่ยน ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น”

“แต่มีบางความคิดที่บอกว่า ช่วงวัยหนุ่มสาวควรหาความมั่นคงเป็นสิ่งสุดท้าย แต่ควรหาความหมายให้ชีวิต” เราเสนอความเห็น

“นี่แหละ คือความหมายของชีวิตกิ๊บ” เธอย้ำ

“ความสุขสบายในอนาคต ความมั่นคงของตัวเองและครอบครัว กิ๊บรู้ดีว่าอะไรทำให้กิ๊บมีความสุขได้ ก็คือสิ่งเหล่านี้ เรามีความสุขที่ทำงานได้ หาเงินได้ ไม่เดือดร้อนใคร ใช้เงินตัวเอง ดูแลคนอื่นได้ กิ๊บแบ่งส่วนได้ ไม่ยอมให้อะไรมายึดพื้นที่ชีวิตของเราไปทั้งหมด นี่คือความหมายของชีวิต พอใจแล้ว”

5.

ช่วงท้ายๆ ของการพูดคุย แววตาของหญิงสาวบนโซฟาดูล้าโรย เงินน่ะสำคัญ แต่เวลาเหนื่อยๆ อะไรจะดีไปกว่าเตียงนอนนุ่มๆ

“เวลาเหนื่อยคิดถึงเตียงมากๆ แต่ก็คิดถึงอนาคตด้วย ถ้าไม่ยอมเหนื่อย แล้วอนาคตไม่มีอะไร เดี๋ยวจะจ๋อย ซึ่งจริงๆ ก็อยากหยุดพักบ้าง”

บางคราวเธอก็ร้องไห้

“เหนื่อยมากเลย ถ้ามีเรื่องกระทบใจนิดหนึ่งก็ไปแล้ว ร้องไห้ ทำไมชีวิตมันต้องถึงขนาดนี้ ไม่สบายเลยนะ คนอื่นมองว่าสบาย”

“ก็น่าจะสบาย” เราว่า

“มันสูญเสียความเป็นส่วนตัว ชีวิตเราไม่ใช่ของเรา อย่างเดือนนี้ ลงตารางไว้ทุกวันแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง ขยับตัวไปไหนไม่ได้ ชั้นไม่อยากไปวันนี้ได้ไหม แต่มันไม่ได้”

“เคยคิดบ้างไหมว่าเราก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในเกมธุรกิจ” เราถาม

“เราเป็นสินค้าของเขา แล้วเราก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มันจะขายดีไหม ขึ้นอยู่กับการโปรโมต ไม่เสียใจหรอก ดีออก ไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนไม่ดี เราไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย มีนิสัยเหมือนผู้ชาย ไม่จุกจิก นั่นนี่ ร้องห่มร้องไห้ กระแสข่าวไม่ดีก็มานั่งเครียด ติดยา ทำแท้ง มั่วผู้ชาย เราก็หัวเราะ เห็นเหรอ ฝันหรือเปล่า ไม่คิดมากหรอก แต่คิดมากเรื่องชีวิตตัวเอง เอาที่สำคัญดีกว่า”

6.

แน่นอน, มีดัง ย่อมมีดับ เธอเตรียมรับความรู้สึกชนิดนี้ไว้อย่างไร

“มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น เราทำอะไรไม่ได้ ไม่พยายามไปใส่ใจกับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ใครจะอยู่ไปตลอดชีวิต ไม่มีทาง เร็วหรือช้าเท่านั้น สิ่งที่ทำได้คือทำให้ดีที่สุด รักษามันไว้เท่าที่เราทำได้ นอกเหนือจากนี้ ไม่ได้แล้ว เราแค่ตัวเล็กๆ ไปเปลี่ยนวิถีโลกได้เหรอ ถามว่ารู้สึกดีกับมันไหม ไม่หรอก แต่ทำอะไรกับมันได้ล่ะ”

ก่อนดึงตัวไปถ่ายรูป ช่างภาพหนุ่มกระเซ้าเธอว่ารู้จัก จอลลี แบร์ ไหม

กิ๊บซี่งง

เขาขยายความต่อว่า ในขนมเจลลีหลากสียี่ห้อนั้น มีอยู่สีหนึ่งที่คนจะชอบและหยิบขึ้นมากินก่อนเสมอ เขาถามว่า เธอรู้สึกไหมว่า ในวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ เธอคือขนมสีนั้น

“หมายถึงดังสุดใช่ไหม อาจเป็นเพราะข่าวไม่ดี หรือคาแร็คเตอร์กิ๊บดูแรง ไม่รู้ว่าทำไมต้องเขียนถึงเราในทางลบตลอด คนที่จะมาคุยกับเรา ต้องเป็นคนคิดได้ คิดหน่อยสิ ด้วยภาพลักษณ์แบบชั้นใส่กระโปรงสั้น แปลว่าชั้นโง่เหรอ ไม่มีโง่ ไม่มีฉลาดหรอก แค่คิดน้อย คิดมาก เท่านั้นเอง”

“เวลาเจอปัญหา ใช้อะไรเป็นตัวตัดสินใจ” เราถามข้อสุดท้าย

“ความรู้สึก” เธอตอบทันที

“สำคัญกว่าเหตุผล ทำแล้วไม่ดี แต่พอใจ ก็ทำ บางทีบนโลกมันตัดสินยากมากว่าดีหรือไม่ดี พูดได้ไงว่าคนนี้ดี คนนี้ไม่ดี อย่างพอใจจะคบกับใคร นั่นคือดีแล้ว เขาอาจเป็นคนไม่ดี แต่ดีกับกิ๊บ แล้วทำไม อะไรคือดีวะ นิสัยดี จริงเหรอ คนดีเหรอ อะไรคือคนดี เอาอะไรมาวัด”

ถึงเวลาต้องถ่ายรูปจริงๆ แล้ว เสียงชัตเตอร์จากกล้องดิจิตอลดังเป็นระยะ พร้อมๆ กับแสงแฟลชที่สว่างวาบ กิ๊บซี่โพสท่าแบบมืออาชีพ ระหว่างไม่มีแสงแฟลชแสงไฟ เธอคุยกับเราว่าง่วงนอนจนตาแทบปิด

ไม่ต่างอะไรจากเด็กวัยรุ่นทั่วไป เหนื่อย ก็เริ่มงอแง

ต่างจากลีลาเด้งๆ ตอนอยู่บนเวทีโดยสิ้นเชิง

ไม่รู้สิ บนเวทีมันก็เป็นแค่เกม เกมที่ใครก็ไม่รู้กำหนดให้เธอเล่น แล้วเธอดันเล่นมันได้ดีเสียด้วย

*************************

(หมายเหตุ : ตีพิมพ์ กันยายน 2552)

Author

สันติสุข กาญจนประกร
อดีตบรรณาธิการเครางาม ปลุกปั้นและปล้ำ WAY มาในยุคนิตยสาร นักสัมภาษณ์ที่ไม่ยอมให้ข้อสงสัยหลงเหลือในประโยคพูดคุย เรียบเรียงถ้อยคำความหล่อบนบรรทัดด้วยทักษะแบบนักประพันธ์ หลังออกไปบ่มเพาะความคิด สันติสุขกลับมาพร้อมรสมือและกลิ่นกายที่คุ้นชิน และแน่นอน ทักษะด้านการเขียนที่ผ่านการเคี่ยวกรำมาย่อมแม่นยำกว่าเดิม

Author

อนุชิต นิ่มตลุง
อาชีพเก่าคือคนขายโปสการ์ดภาพถ่ายขาวดำยุคฟิล์ม จับกล้องดิจิตอลรับเงินเดือนประจำครั้งแรกที่นิตยสาร a day weekly เมื่อปี 2547 ถ่ายงานหลากหลายรูปแบบทั้งงานสตูดิโอ ภาพข่าว สารคดี มีความสามารถพิเศษสั่งตัวแบบได้ตั้งแต่พริตตี้ คนงานทุบหินแถวหิมาลัย ไล่ไปจนถึงงานที่ถูกใครต่อใครหยิบยืมไปใช้สอยบ่อยๆ อย่างภาพถ่ายนักวิชาการที่ไม่น่าจะถ่ายรูปขึ้น นอกจากทำงานให้ WAY อย่างยาวนาน ยังเป็นเจ้าของกิจการเครื่องหนัง Dog's vision อันลือลั่น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า