เอ๋ย...ท้องทุ่งกว้างลิบลับยิบยับฝัน
เธอตระเวนล่องไปใต้ตาวัน
ในแสงจันทร์เธอลองลิ้มชิมรสทิพย์...
ดอกความฝันดั้นหญ้าขึ้นมาอวด
แข่งแทงพรวดจากพุ่มหญ้าท้าคนหยิบ
เธอกอบเก็บดอกฝันอันพรายพริบ
ในโอบริบสวมกอดตลอดทาง...
เอ๋ย...เธอเชื่อในความฝัน
จะนำครรไลถึงรุ้งของรุ่งสาง
เธอใช้เขา – เจ้าความฝันดั้นด้นทาง
และจะสร้างมวลสำเร็จ เด็ดทั้งมวล
เธอล่องไปในสายธารที่ผ่านทุ่ง
ผ่านโค้งคุ้งขอบขลิบธารอันผันผวน
เรือล่องธารพานแตกแหลกกระบวน
เธอได้หวนร้องไห้ในชั้นนั้น
บนสรวงฟ้าสาดส่องต้องผืนโลก
สะท้อนโศลกความจริงที่นิ่งมั่น
เธอมิอาจวิ่งแค่ทุ่งมุ่งแค่นั้น
มิเงยสู่สรวงสวรรค์เปี่ยมสัจจา
ชีวิต...ใช่พิชิตสำเร็จได้ในพายฝัน
สิ่งสำคัญการลงมือคือความกล้า
สิ่งสำคัญการลงมือคือศรัทธา
พร้อมอย่าล้าผสานเงื่อนไขในความจริง
อันเหลี่ยมมุมจากความจริงกลิ้งอยู่รอบ
เธอผันขอบความฝันสรรสรรพสิ่ง
ขบกับเฟืองเรืองไพเราะเสนาะพริ้ง
ฝันกับจริงเคลื่อนขับสดับกัน...
หรือเธออาจกลับแดนสรวงเป็นห้วงทุ่ง
สายตามุ่งมองดูดาว ส่วนเท้านั่น...
เหยียบติดดินประดิษฐ์งานสารพัน
แต่งานนั้นฝันกับจริงเป็นสิ่งเดียว!
“จำเพื่อลืม ดื่มเพื่อเมา เหล้าเพื่อโลก
สุขเพื่อโศก หนาวเพื่อร้อน นอนเพื่อฝัน
ชีวิตนี้ มีค่านัก ควรรักกัน
รวมความฝัน กับความจริง เป็นสิ่งเดียว”
มนต์สวรรค์ จินดาแสง
*ผู้ประพันธ์ได้แรงบันดาลใจจากบทดังกล่าวใน ‘รุไบยาท’ ของ ‘โอมาร์ คัยยัม’ สำนวนแปล ‘แคน สังคีต’