แปลและเรียบเรียง : กำพล พกนนท์
วิกฤติโลกร้อนบังคับให้มนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเห็นแก่ตัว หันมาเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งปัจจัยหลายๆอย่างก็ไม่ได้เอื้ออำนวยพฤติกรรมใฝ่ดีของเราเท่าไหร่ เป็นต้นว่า ต้องลดการใช้พลังงานและปล่อยมลพิษในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งในทางเศรษฐกิจและการเมืองนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ทัศนคติของผู้คนในสังคม ศาสนา หรือในทางคมนาคมเอง นอกจากปั่นในน้ำหรือในอากาศ ก็ยังมีอย่างน้อยอีก 5 แห่งที่เหล่าน่องเหล็กปั่นไปไม่ได้
1. ทางหลวงข้ามรัฐ สหรัฐอเมริกา
แม้ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเป็นตัวตั้งตัวตีเรียกร้องให้ชาติอื่นๆในโลกร่วมกันหาทางจัดระบบการจราจรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แต่อเมริกามีกฏหมายห้ามปั่นจักรยานบนทางหลวงเชื่อมแต่ละรัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถยนตร์ส่วนบุคคล และป้องกันอุบัติเหตุแก่ผู้ใช้รถจักรยาน กรณีตัวอย่างเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นที่จอห์นสัน คันทรี่ รัฐไอโอวา ซึ่งมีกฏห้ามนักปั่นทุกประเภทใช้ถนนที่ทางรัฐกำหนดให้เป็นพื้นที่สำหรับชุมชนเกษตรกรตรงสู่ตลาดค้าส่งตลอดทั้งเส้นทาง โดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยเช่นกัน
จากสถิติการใช้จักรยานบนถนนของชาวอเมริกันในปี 2007 พบว่า มีน่องเหล็กที่กลายเป็นผีเฝ้าทางหลวง 698 ศพ ขณะที่ผู้ใช้รถยนตร์ส่วนบุคคลเสียชีวิตกว่า 43,313 ศพ
2. เกาหลีเหนือ เฉพาะสุภาพสตรี
ช่วงกลางทศวรรษ 90s คิม จ็อง-อิล ผู้นำอันเป็นที่รักของชาวเกาหลีเหนือในขณะนั้น ประกาศสั่งห้ามผู้หญิงปั่นจักรยานโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดถึง 30,000 วอน เน้นการปรับมากกว่าขังคุกที่แน่นขนัด ขณะที่กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของเจ้าของจักรยานเป็นผู้หญิง ทำให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
พอมาถึงรุ่นลูก คิม จอง อุน ได้ผ่อนคลายกฎโดยอนุญาตให้ผู้หญิงปั่นจักรยานได้ เมื่อคราวขึ้นตำแหน่งหมาดๆ แต่เมื่อต้นมกราคมที่ผ่านมา เขาตัดสินใจออกกฎห้ามสตรีปั่นจักรยานอีกครั้ง โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคอยลาดตระเวนตรวจตราไม่ให้ผู้คนทำผิดกฎ และไม่เพียงห้ามผู้หญิงขี่จักรยานเท่านั้น แต่ยังห้ามไม่ให้พวกเธอซ้อนท้าย และควบคุมน้ำหนักสัมภาระที่ซ้อนท้ายไม่ให้มากเกินไปอีกด้วย
3. ซาอุดิอาระเบีย เฉพาะสุภาพสตรีอีกเช่นกัน
ในประเทศที่มีแหล่งน้ำมันมากกว่าแหล่งน้ำจืดอย่างซาอุดิอาระเบีย พวกผู้ชายสามรถซื้อรถสปอร์ตได้เหมือนของเล่น แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิง ซึ่งถูกห้ามทั้งขับรถและปั่นจักรยานบนทางสาธารณะ
หล่านักบวชในประเทศประณามจักรยานว่าเป็น “อาชาแห่งซาตาน” เคยมีข่าวว่าสตรีชาวซาอุฯ คนหนึ่งถูกจับขณะขับรถ และโดนโบย 10 ที ก่อนปล่อยตัวกลับไป
ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศเดียวในโลกที่ห้ามสตรีทั้งชาวซาอุฯและต่างชาติขับรถ ข้อห้ามนี้ทำให้ครอบครัวต้องจ้างคนขับรถประจำบ้าน แต่หากไม่มีกำลังทรัพย์มากพอจ่ายค่าจ้างเดือนละกว่าหมื่นบาท ก็จะต้องอาศัยไหว้วานญาติผู้ชายขับรถพาสตรีไปทำงาน ไปเรียน ซื้อของหรือพบแพทย์ แม้จะไม่มีกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรห้ามผู้หญิงขับรถ แต่ข้อห้ามนี้มาจากมุมมองทางศาสนาและขนบประเพณีที่ว่า จะต้องควบคุมเสรีภาพในการเดินทางไปไหนมาไหนของสตรี เพื่อไม่ให้พวกเธอเสี่ยงต่อการกระทำบาป
4. อิหร่าน เฉพาะสุภาพสตรีอีกเช่นกัน
ในประเทศอิหร่านนั้นมีความแตกต่างจากซาอุดิอาระเบียตรงที่อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถได้ แต่ก็เหมือนกับซาอุดิอาระเบียตรงที่ ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงปั่นจักรยาน เพราะกลุ่มอนุรักษ์เอ็ดเรื่องท่าคร่อมจักรยานของผู้หญิงว่าดูไม่เหมาะสมและดูสะดุดตาเกินไป
ผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดอย่างอายะตุลลอฮ์ อาลี โคมัยนี เคยประกาศว่า “ผู้หญิงต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดแรงดึงดูดต่อคนแปลกหน้า ดังนั้นการปั่นจักรยานหรือการขี่มอเตอร์ไซค์ของผู้หญิงในที่สาธารณะจึงถือเป็นสิ่งต้องห้าม”
ทั้งนี้ผู้หญิงสามารถปั่นจักรยานได้ในเฉพาะพื้นที่ๆทางการกำหนดไว้เท่านั้น และไม่สามารถปั่นในสวนสาธารณะได้
5. คุณหนูผู้ไม่อาจปั่น
โรคอ้วนดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเด็กเล็กในซีกตะวันตกที่โตมากับขนมหวาน น้ำอัดลมและอาหารจานด่วน ขณะที่พ่อแม่พยายามหาทางออกแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวคือ ให้ออกกำลังกายปั่นจักรยานขณะไปโรงเรียน แต่ปัญหาก็คือเด็กๆ ถูกห้ามปั่นไปโรงเรียน ด้วยเหตุผลของความปลอดภัยและโรงเรียนเองก็ไม่มีพื้นที่พอจะจัดเก็บจักรยาน หลายโรงเรียนในอังกฤษและสหรัฐอเมริกาถึงกับใช้วิธีส่งจดหมายไปหาผู้ปกครองเรื่อง “ห้ามปั่นจักรยานเด็ดขาด”
………………………………………………
ที่มา : www.treehugger.com