หากไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นสารคดี เราอาจนึกว่ามันคือหนังที่กำกับและเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด หนังสั่นคลอนความหมายของคำบางคำที่เคยตั้งมั่นอยู่ในหัว ขณะดูรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นขวดยาที่ถูกจับเขย่าตลอดทั้งเรื่องเพื่อไม่ให้นอนก้น
เพราะเข้าฉายในปีเดียวกัน เราจึงอดเปรียบเทียบสารคดีเรื่องนี้กับ Sicario ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นบริเวณเส้นพรมแดนสหรัฐและเม็กซิโกเหมือนๆ กัน
หาก Sicario มีคิวบู๊ที่ดุเดือด และตัวละครหลักโดดเด่นเหนือมนุษย์ที่น่าจดจำ Cartel Land คงเป็นสารคดีที่ดูแล้วเหมือนเรื่องแต่งมากที่สุด ทั้งที่มันคือ ‘เรื่องจริง’
หนังเล่าเรื่องราวคู่ขนานของชายสองคนที่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าดีต่อประเทศชาติ คนหนึ่งคือชาวอเมริกันผู้สูญเสียวัยเด็กที่กล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเอง เขาตั้งกลุ่ม Arizona Border Recon ดูแลคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย และสุดท้ายก็ต้องเข้ามาช่วยจัดการปัญหาลักลอบค้ายาในแอริโซนา อีกคนเป็นผู้ก่อตั้งกองกำลังป้องกันตนเอง (Autodefensas) รัฐมิโชอากัง (Michoacán) ในเม็กซิโก หน่วยงานใต้ดินที่ประชาชนให้ความไว้ใจมากกว่ารั้วของชาติ
สิ่งที่ทั้งคู่ทำ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐ เรียกง่ายๆ ว่ามันคือศาลเตี้ย แต่เพราะรัฐหรือทางการ ไม่มีโอกาสรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างที่พวกเขาและชาวบ้านต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากหวังแต่จะพึ่งรัฐ คงไม่ทันการณ์ อย่างที่ ทิม เนเลอร์ โฟลี ยืนยันว่า ถ้าคุณโทร 911 จากจุดที่เขาอยู่ เจ้าหน้าที่จะมาถึงที่เกิดเหตุในหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ขณะที่ผู้นำกองกำลังป้องกันตนเอง โฆเซ มิเรเลส ก็ต้องพกปืนไว้ข้างกายตลอดเวลา
การค้ายาเสพติดคือปัญหาที่ฝังรากลึกในเม็กซิโก แต่จริงๆ แล้วคนที่สอนวิธีการต่างๆ แก่พวกเขา รวมทั้งกำลังซื้อส่วนใหญ่ก็มาจากประเทศเพื่อนบ้านทางตอนบนนั่นเอง หากคุณไม่คุ้นเคยกับสภาพบ้านเมืองและวิกฤติการณ์ที่ชาวเม็กซิโกต้องประสบในแต่ละวันมาก่อน Cartel Land น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีมาก และอาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าคุณคุ้นเคยกับภาพศพที่แขวนเรียงรายกันในที่สาธารณะ หรือภาพหัวศพที่นำมาจัดวางอย่างตั้งใจ คำกล่าวที่ว่า “แถวนี้แม่งเถื่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้” ดูเหมาะเจาะกับที่นี่เหลือเกิน
ฟังเผินๆ คำว่า ศาลเตี้ย (vigilante) เป็นคำที่ฟังแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่เมื่อมีการตอกย้ำบ่อยครั้งในหนัง เรากลับต้องหันมาปรับความหมายในหัวเสียใหม่ ศาลเตี้ยคือสิ่งผิดกฎหมายแน่ๆ แต่มันผิดไหม ถ้าประชาชนจะลุกขึ้นมาปกป้องตนเอง ในอาณาบริเวณที่อำนาจรัฐไม่สามารถให้การคุ้มครองพวกเขาได้
หนังเรื่องนี้ทำให้เราไม่กล้ากะพริบตา เพราะทึ่งกับงานภาพที่สวยประณีต และกลัวจะพลาดช็อตสำคัญไป แต่พอจ้องจอไม่กะพริบก็อาจพบกับความลายตา เพราะบางฟุตเตจ (ย้ำว่าบางฟุตเตจ) ผู้กำกับและทีมพาตัวเองเข้าไปในเขตปะทะกันระหว่างกองกำลังป้องกันตนเอง กับแก๊งค้ายาอัศวินเทมพลาร์ (Knight Templar) ที่ไม่อาจอาศัยแค่เพียงความกล้า เพื่อให้ได้ภาพแบบที่ปรากฏบนจอ
อีกโมเมนต์ที่ดีมากๆ ของหนังเรื่องนี้คือการเห็นประชาชนร่วมกันแสดงพลังเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่พวกเขาต้องการ เป็นช็อตที่ช่วยชุบชูจิตใจที่อ่อนล้าและเหี่ยวแห้งจากการบ้านการเมืองของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
เป็นความจริงใจของคนทำสารคดีที่ไม่ได้เผยให้เราเห็นเฉพาะมุมบวกของขบวนการใต้ดินนอกกฎหมายเท่านั้น แต่เสียงจากฝั่งที่ไม่เห็นด้วย หรือคลื่นใต้น้ำที่ทำให้กองกำลังเสียกระบวนก็ถูกตีแผ่และได้รับการบอกเล่าให้เราตัดสินมันด้วยตัวเอง
เรื่องบางเรื่องเหมาะจะใช้ fiction ในการเล่าเรื่อง ขณะที่ Cartel Land เลือกใช้คุณสมบัติของความเป็นเรื่องจริงที่กระแทกใจ ถือเป็นการใช้จุดแข็งของสารคดีที่สามารถจับใจคนดูได้ไม่แพ้เรื่องแต่ง ยังไม่นับพลังล้นเหลือของเรื่องที่ส่งผ่านมาถึงคนดูจนอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างหลังเอนด์เครดิตจบลง
เพราะมนุษย์ทุกคนสามารถพูดอะไรที่นำมา quote ต่อได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่หน้าหรือหลังกล้อง แต่ตลอด 98 นาทีของ Cartel Land ที่คุณรับรู้ได้คือความสดและจริงจนน่ากลัว ที่จะทำให้ลืมความรู้สึกตอนได้ยินมันจากปากพวกเขาไม่ลง
——————————
Cartel Land / ผ่าแดนนรก
หนังสารคดีระห่ำเดือดเจ้าของรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม + กำกับภาพยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังซันแดนซ์ รางวัล Courage Under Fire จาก International Documentary Association และหนึ่งในโผผู้ลุ้นเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีหน้า! ผลงานโปรดิวซ์ของแคธริน บิเกโลว์ (ผู้กำกับหญิงเจ้าของออสการ์จาก The Hurt Locker)