สารคดีชีวประวัติของ เชอเกียม ตรุงปะ คุรุทางจิตวิญญาณผู้เผยแผ่พุทธศาสนาแนวทิเบตศึกษาสู่ชาวตะวันตก ฉายภาพความเป็นมนุษย์มากกว่าความเป็นสิ่งเหนือมนุษย์ กล้องถ่ายภาพยนตร์บังคับมุมมองของเรา มีอะไรที่เกิดนอกเฟรม ไมโครโฟนบังคับสิ่งที่เราได้ยิน มีถ้อยคำไหนอีกบ้างที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ หลายคนอาจจะสงสัย แต่ถ้าสงสัยไปเสียขนาดนั้นเราคงไม่อาจเชื่อได้แม้กระทั่งประสาทสัทผัสของตนเอง
โลกแห่งปรากฏการณ์ ถูกผูกกุมด้วยอำนาจของวิทยาศาสตร์ และนั่นคือสิ่งที่คุณจะต้องยอมรับ
แต่ในขณะที่คุณมองเห็น คุณได้แฝงฝังความรู้สึกนับถือหรือรักใคร่ชอบพอไว้ด้วยหรือเปล่า ในขณะที่คุณเพ่งจ้อง คุณได้ประทับการตัดสินหมิ่นแคลนกระทั่งความจงเกลียดจงชังไว้ด้วยใช่ไหม
สารคดีชีวประวัติของเชอเกียม ตรุงปะ พยายามอย่างซื่อตรงในการฉายภาพดิบๆ (ส่วนมากจะเป็นการตั้งกล้องคุยกับลูกศิษย์ ตัดสลับกับภาพถ่ายเก่า และนั่นทำให้เราประหลาดใจ – แม่สาวฮิปปี้คนนั้นกลายเป็นคุณป้าในวันนี้ หนุ่มผมยาวคนนั้นกลายเป็นอาจารย์ในวันนี้ ฯลฯ) แต่ภาพเหล่านั้นไม่ได้ครอบคลุมและตอบ ‘ทุกสิ่ง’ ที่คุณอยากรู้หรอก พนันได้เลยว่าต่อให้สารคดีเรื่องเยี่ยมแค่ไหนก็มิสามารถ
บุคคลสาธารณะที่เป็นตัวเองอย่างเต็มร้อย ทั้งดื่มเหล้าเมา จีบลูกศิษย์สาว และคบกับพวกเธออย่างเปิดเผย ภรรยาของเขาร้องไห้รับไม่ได้ (แน่นอน ตรุงปะมีภรรยา และในวาระนั้นหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวตัวมหึมาว่า ‘สาว 19 หนีตามไปแต่งกับพระ’) ตรุงปะเพียงตอบว่า “ความสัมพันธ์ของเรานั้นลึกซึ้งมากกว่าแค่เรื่องทางเพศ และขอให้เธอมั่นใจในสายสัมพันธ์นี้…อีกอย่างหนึ่ง ฉันเป็นสามีตามแบบแผนไม่ได้หรอก”
เอาล่ะ หายใจเข้าช้าช้าอีกสักครั้ง อย่าเพิ่งประทับรอยย้ำของความหมิ่นแคลน เราเป็นผู้ชม มิใช่ตุลาการ
พระตามแบบแผนคือผู้ทรงศีลและน่านับถือด้วยความบริสุทธิ์แห่งศีล แล้วตรุงปะในบทบาทของการเผยแผ่ศาสนาพุทธล่ะ?
ผมคิดว่าเคมีในกายผมกำลังป่วนปั่น เคมีแบบชาวพุทธนั้นกำลังตั้งคำถามอย่างฉงนสนเท่ห์ แบบแผนกำลังถูกทุบทำลาย นั่งเงียบๆ ในโรงภาพยนตร์มืดมิด แล้วเฝ้าดูชีวิตของ Bad Boy แห่งวงการพุทธศาสนาตรงหน้า
เราอาศัยอยู่ในโลกของปรากฏการณ์ มันสามารถอธิบายด้วยเหตุและผล มันสามารถรับรู้ด้วยหน้าต่าง 6 บานของเรา แต่โลกนี้ไม่ได้กลมๆ แป้นเป็นผลส้มธรรมดาเท่านั้น มันยังมีความ เป็น ผลส้ม
เชอเกียม ตรุงปะหน้าตาแบบนั้น บุคลิกนิสัยอย่างนั้น สารคดีเรื่องนี้ทำได้เพียงเท่านี้ ภาพที่ฉายไม่ได้ให้ความกระจ่าง เราไม่ได้รู้จักตรุงปะมากขึ้นหรอก ความฉงนยังคงอยู่ในใจเรา Crazy Wisdom อาจไม่ได้ บ้า อย่างความหมายของคำ แบบแผนของชีวิตอาจเป็นเรื่องที่บ้ากว่า มองไปรอบๆ ตัวสิ…
แล้วลองดูชีวิตต่างๆ ในช่วงเวลานั้นสิ (เรากำลังมองผ่านกล้องอยู่นะ อย่าลืม) ฮิปปี้ บุปผาชน เสรีภาพ เสียงดนตรี สันติภาพ หนุ่มสาวเรียงรายกระจัดกระจายบนพื้นหญ้า ความรัก เซ็กส์ มนุษย์ยิ้มหัวเราะหัวใคร่ให้กันคล้ายสัตว์โลกที่เป็นมิตร
อุดมคติหรือ? ฝันเฟื่องหรือ? มันก็แค่สภาพแวดล้อมที่ไม่ได้มีแบบแผนเช่นปัจจุบันนี้ แต่สัตว์โลกเหล่านั้นก็ยังดุ่มเดินไปบนเส้นทางหนึ่งที่ยอกย้อนและเต็มไปด้วยความสับสน คุรุทางจิตวิญญาณปรากฏขึ้นในอารยธรรมตะวันตก และท่านชอบดื่มเสียด้วย! เพียงความคิดไม่สามารถช่วยสัตว์เหล่านั้นได้ ยิ่งคิดมากกลับคิดไม่ตก ยิ่งใช้ชีวิตกลับยิ่งสงสัยว่าชีวิตคืออะไร
ยิ่งใคร่ครวญว่าเราควรจะนับถือใครเรากลับไม่เหลือความนับถือให้ใครอีกเลย
เชอเกียม ตรุงปะเสียชีวิตในปี 1987 ด้วยวัย 47 ปี สาเหตุนั้นสะสมจากปัญหาด้านสุขภาพ (อุบัติเหตุทางรถยนต์ในวัยหนุ่ม – เมาแล้วขับ หรือขับแล้วเมา เราไม่แน่ใจ) และการดื่มอย่างหนักในตลอดหลายปีที่ผ่านมา
พิธีศพจัดอย่างยิ่งใหญ่ ปรากฏบุคคลสำคัญ ทั้งลามะชั้นผู้ใหญ่ผู้มาประกอบพิธี เจ้าชายจากสิกขิม เหล่าศิษย์ แขกทั้ง 3,000 คนร่วมไว้อาลัย พิธีกรรมนั้นขรึมขลัง แต่ก็ไม่สะเทือนเท่าน้ำตาของนักเรียนคนหนึ่ง ในวันที่เอ่ยถึงอาจารย์ “เขาเป็นเพื่อนที่ดี” เขากล่าวพลางคลี่ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา
ท้องฟ้ากระจ่างในวันเผาศพนั้นเกิดเถ้าที่สะท้อนแสงเป็นสีรุ้ง กล้องภาพยนตร์จับภาพให้เราได้เห็น และจับภาพแขกเหรื่อที่พึมพัมเบาๆ พลางเงยหน้ามองท้องฟ้า มันสวยและอาจจะมีความหมายอะไรบางอย่าง แต่ศิษย์คนหนึ่งพูดว่า “อื้อ เห็นแล้ว สวยดี… ก็แค่ปรากฏการณ์น่ะ”