20 ธันวาคม บนเครื่องของสายการบิน Korean Air ขณะที่ผู้โดยสารชั้นบิสิเนสคลาสกำลังนั่งอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีนายคนหนึ่งออกอาการคลุ้มคลั่ง เพราะดื่มวิสกี้ไปสองช็อตครึ่ง…(เอง) ลุกขึ้นมาโวยวาย แอร์โฮสเตสที่รี่เข้ามาช่วยพูดคุยดีๆ ก็ถูกกระชากผม ด่าหยาบๆ และผู้โดยสารข้างๆ กำลังจะถูกทำร้าย
โชคดีของ Korean Air ที่ ริชาร์ด มาร์กซ์ เป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเครื่อง
ทันทีที่ประสบเหตุ นักร้องหนุ่มใหญ่ ‘Right Here Waiting’ อยู่นิ่งไม่ไหว ต้องลุกไปช่วยจับนายขี้เมาคนนั้นมัดติดกับที่นั่ง หลังพนักงานบนเครื่องพยายามแล้วพยายามอีก แต่ผู้โดยสารรายนี้ก็ดิ้นหลุดได้ตั้งสามรอบ
คลิปวิดีโอเหตุการณ์วันนั้นเป็นไวรัลบนโลกไซเบอร์ ริชาร์ด มาร์กซ์ โพสต์ข้อความวิจารณ์การทำงานของพนักงานบนเครื่องว่าถูกฝึกมาอย่าง ‘ไม่ได้เรื่อง’ ไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ร้ายแรง และไม่สามารถจัดการกับผู้โดยสารเมาอาละวาดได้ ตามมาด้วย เดซีย์ ฟูเอนเตส ภรรยาของนักร้องดัง ที่ถ่ายรูปลงอินสตาแกรม พร้อมเขียนว่า พนักงานพวกนี้ไม่รู้แม้กระทั่งจะมัดนายคนนี้ไว้กับที่นั่งยังไง
ในที่สุด ผู้โดยสารที่เปิดเผยชื่อว่า ลิม วัย 30 กว่าๆ ก็ถูกจับออกมาปิดหน้าปิดตา สวมแว่นดำ แถลงข่าวขอโทษ – จบ
แต่กับสายการบิน นี่คือเรื่องใหญ่
27 ธันวาคม Korean Air ได้ประกาศมาตรการใหม่เพื่อรักษาความปลอดภัย ตามคู่มือลูกเรือใหม่ พนักงานต้อนรับสาวจะถูกฝึกให้รับมือผู้โดยสารไม่พึงประสงค์ ทั้งการควบคุมตัวให้อยู่กับที่นั่ง จับมัด และฝึกยิง tasers – ปืนช็อตไฟฟ้า (stun gun) ซึ่งได้รับอนุญาตให้นำมาใช้ได้ทันที เพราะเป็นเครื่องมือที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดในการระงับเหตุไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นได้บนเครื่อง
นอกจากนี้ Korean Air ยังเพิ่มจำนวนพนักงานต้อนรับชาย จากเดิมที่มีอัตราส่วนเพียง 1 ใน 10 ของผู้หญิง และต่อไปนี้เครื่องบินของสายการบินทุกลำจะต้องมีพนักงานชายอย่างน้อยหนึ่งคน
จากข้อมูลของรัฐบาลเกาหลี การกระทำผิดบนเครื่องบินของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตลอดห้าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องฉาว ‘nut rage’ บน Korean Air ที่สนามบิน JFK เป็นข่าวดังเมื่อปี 2014 เมื่อ ฮีเทอร์ โช รองประธานสายการบิน Korean Air เองนั่นแหละ ออกอาการหงุดหงิด เมื่อพนักงานเสิร์ฟถั่วแมคแคเดเมียแทนอาหารผู้โดยสารชั้นหนึ่ง เธอปรี๊ดแตก ลุกขึ้นโวยวาย สั่งให้เปิดประตูเครื่อง แล้วไล่หัวหน้าพนักงานออกไป – แล้วเธอก็ทำให้ตัวเองต้องติดคุกห้าเดือนจากข้อหาก่อกวนการบิน เพราะต้นเหตุที่ดูไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่
อ้างอิงข้อมูลจาก: news.sky.com
ibtimes.co.uk
Author
