ข้าวของต่างๆ ที่อยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นของใช้หรือของกิน ที่ได้มาตรฐาน ล้วนระบุวันหมดอายุไว้ในบรรจุภัณฑ์ทั้งสิ้น
จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญและผู้ผลิตต่างๆ บ่งบอกว่าวันหมดอายุเหล่านี้เป็นเพียงกำหนดเวลาอุปโภค/บริโภคที่เหมาะสมไว้คร่าวๆ เท่านั้น ทั้งนี้อายุการใช้งานยังขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้บริโภคด้วย โดยเฉพาะของกินแต่ละชนิดก็มีวิธีเก็บรักษาต่างกัน ทั้งเก็บในที่เย็น ที่แห้ง หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดส่วนใหญ่เก็บไว้ในที่แห้งและอุณหภูมิคงที่จะดีที่สุด ส่วนอุปกรณ์เสริมความงามและทำความสะอาดร่างกาย หลังจากพ้นวันหมดอายุไปแล้ว ก็ยังสามารถใช้ได้อยู่แต่ประสิทธิภาพจะลดลง
หมวดอาหาร
เบียร์ : (ยังไม่เปิดขวด) 4 เดือน
น้ำตาลทรายแดง : ไม่มีวันหมดอายุ ถ้าเก็บในภาชนะที่กันความชื้น วางไว้ในที่เย็นและแห้ง
ชอกโกแลตแท่ง : 1 ปีหลังวันที่ผลิต
กาแฟ แบ่งเป็น
แบบเมล็ด : 3 สัปดาห์ในถุง และสามารถเก็บได้นานกว่าเมื่อเก็บในถุงสูญญากาศ (หลังจากนี้ สี รสอาจจะเปลี่ยนแต่ยังบริโภคได้อย่างปลอดภัย / คำเตือน : ควรบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด)
แบบบด : 1 สัปดาห์ในภาชนะที่ปิดอย่างดี
กาแฟสำเร็จรูป
ยังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ : มากที่สุด 2 ปี / เปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว : มากที่สุด 1 เดือน
เส้นพาสต้าอบแห้ง : 12 เดือน
ผักแช่แข็ง : ยังไม่เปิดหีบห่อ 18-24 เดือน / เปิดแล้ว 1 เดือน
น้ำผึ้ง : ไม่มีวันหมดอายุ
น้ำผลไม้บรรจุขวด (แอปเปิ้ลและแครนเบอร์รี่) : 8 เดือนนับจากวันผลิต กรณียังไม่เปิดขวด / 7-10 วัน สำหรับขวดที่เปิดแล้ว
ซอสมะเขือเทศ : 1 ปี กรณียังไม่เปิดขวด (หลังจากนี้ สีและรสอาจเปลี่ยน แต่ยังสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย คำเตือน : ควรบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด) / 4-6 เดือน สำหรับขวดที่เปิดแล้ว (หลังจากนี้ สีและรสอาจเปลี่ยนแต่ยังสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย /คำเตือน : ควรบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด)
เมเปิลไซรัป (แท้และสังเคราะห์) : 1 ปี
มาร์ชเมลโลว์ : 40 สัปดาห์ กรณียังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ / 3 เดือน สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่เปิดแล้ว
มัสตาร์ด : 2 ปี (หลังจากนี้ สีและรสอาจเปลี่ยนไปแต่ยังรับประทานอย่างปลอดภัย /คำเตือน : ควรบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด)
น้ำมันมะกอก : 2 ปีนับจากวันผลิต (หลังจากนี้ สีและรสอาจเปลี่ยนไป แต่ยังรับประทานอย่างปลอดภัย /คำเตือน : ควรบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด)
เนยถั่ว (ธรรมชาติ) : 9 เดือน
ข้าว (ขัดขาว) : 2 ปีนับจากวันผลิต
น้ำสลัดบรรจุขวด : 12 ปี หลังจากวันที่ระบุว่า best by กรณียังไม่เปิดขวด / 9 เดือน ถ้าเปิดขวดแล้วและเก็บไว้ในตู้เย็น
โซดา : 9 เดือน หลังจากวันที่ระบุว่า best by กรณียังไม่เปิดขวดหรือกระป๋อง / ควรรับประทานทันที ถ้าเปิดกระป๋องหรือขวดแล้ว
ซอสสเต็ก : 33 เดือน (หลังจากนี้ สีและรสอาจเปลี่ยนไป แต่ยังรับประทานอย่างปลอดภัย /คำเตือน : ควรบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด)
ซอสทาบาสโก : 5 ปี ถ้าเก็บในที่เย็นและแห้ง
ชาถุง (ลิปตัน) : ควรบริโภคภายใน 2 ปีหลังจากเปิดบรรจุภัณฑ์
ทูน่ากระป๋อง : 1 ปีหลังจากวันที่ซื้อ กรณียังไม่เปิดกระป๋อง / 3-4 วัน ถ้าเปิดแล้วและไม่ได้เก็บในกระป๋อง
ซอสถั่วเหลือง : 2 ปี กรณียังไม่เปิดขวด / 3 เดือน ถ้าเปิดขวดแล้ว (หลังจากนี้ สีและรสอาจเปลี่ยนไป แต่ยังรับประทานอย่างปลอดภัย /คำเตือน : ควรบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด)
น้ำส้มสายชู : 42 เดือน
ไวน์ขาวและไวน์แดง : 3 ปีหลังจากวันบรรจุขวด กรณียังไม่เปิดขวด / 1 สัปดาห์ในตู้เย็นและปิดด้วยจุกคอร์ก ถ้าเปิดขวดแล้ว
หมวดผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้าน
สเปรย์ปรับอากาศ : 2 ปี
แบตเตอรี่(ถ่าน)อัลคาไลน์ : 7 ปี
แบตเตอรี่(ถ่าน) ลิเทียม : 10 ปี
ผลิตภัณฑ์ล้างจานแบบผงและน้ำ : 1 ปี
ผงซักฟอก,น้ำยาซักฟอก : 9 เดือน – 1 ปี กรณียังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ / 6 เดือน ถ้าเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว
น้ำมันเครื่อง : 2-5 ปี กรณียังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ / 3 เดือน ถ้าเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว
สีสเปรย์(กระป๋อง) : 2-3 ปี
หมวดผลิตภัณฑ์เสริมความงาม /ดูแลร่างกาย
สบู่ก้อน : 18 เดือน – 3 ปี
ครีม/เจลอาบน้ำ : 3 ปี
โลชั่น : 3 ปี
ครีมนวดผม : 2-3 ปี
ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่น : 2 ปี กรณียังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ / 1-2 ปี ถ้าเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว
ครีมรอบดวงตา : 3 ปี กรณียังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ / 1 ปี ถ้าเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว
ครีมบำรุงผิวหน้า ที่มีส่วนผสมของครีมกันแดด (SPF) ให้ดูที่วันหมดอายุ แต่ถ้าไม่ผสม อายุใช้งานอย่างน้อย 3 ปี
ครีมรองพื้น (oil-based) : 2 ปี
ครีมรองพื้น (water-based) : 3 ปี
เจลแต่งผม : 2-3 ปี
สเปรย์แต่งผม : 2-3 ปี
ลิปบาล์ม : 5 ปี กรณียังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ / 1-5 ปี ถ้าเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว
ลิปสติก : 2 ปี
มาสคาร่า : 2 ปี กรณียังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ / 3-4 เดือน ถ้าเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว
น้ำยาบ้วนปาก : 3 ปีนับจากวันที่ผลิต
ยาทาเล็บ : 1ปี
น้ำยาล้างเล็บ : ไม่มีวันหมดอายุ
น้ำหอม : 1-2 ปี
แชมพู : 2-3 ปี
ครีมโกนหนวด : 2 ปีหรือมากกกว่านั้น
**************************************************
(หมายเหตุ : ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บและวิธีการใช้งานของแต่ละบุคคล)
ที่มา : time.com