เรื่องและภาพ : โอปอล์ ประภาวดี
1
หากจะลงสถานีนครปฐม ได้กลิ่นขี้หมูลอยลมมาเมื่อไร โปรดจงเตรียมตัว เตรียมสัมภาระและมั่นใจได้ว่า การเดินทางของคุณมาถึงจุดหมายแล้ว – –
ฉันมานครปฐมอีกครั้ง เพื่อ ‘ฆ่า’ เวลา, ‘ฆ่า’ ความทรงจำ, และ ‘ฆ่า’ ความจอมปลอมแห่งมโนสำนึกของตัวเอง – – มาเพื่อเบิ่งตามองนครปฐมและโลกนี้อย่างที่มันเป็น! ไม่ใช่อย่างที่ ททท.ได้สร้างม่านลิเกขึงกั้น ‘นครปฐม’ ไว้กวักมือเรียกนักท่องเที่ยว หรือภาพนครปฐมที่ฉันได้เคยสร้างมายาไว้ในใจ…
เปล่า! ฉันไม่เคยหารายได้โดยการรับจ้างจัดฉาก เขียนพล็อตเรื่อง หรือร่วมมือกระทำการใดๆ กับ ททท. เพื่ออะเมซิ่งนครปฐม แต่นับวันฉันชักจะหงุดหงิดและรำคาญจริตมายาที่ ททท.เที่ยวเนรมิตดินแดนใดในประเทศนี้ให้เป็นเมืองลิเกเข้าไปทุกวัน – – และรำคาญตัวเองที่ชอบดัดจริตเคลิ้มเคลิบไปกับม่านมายาคติที่ใจตัวเองจัดไว้ …ก็เท่านั้น!
ความทรงจำผุดพรายมาว่า รู้จักนครปฐมครั้งแรกก็จากโทรทัศน์ขาว – ดำ สมบัติอันเลอค่าที่สุดในบ้าน ภาพโฆษณาที่มีผู้ชายคนหนึ่งออกมายืนยันคุณภาพของผงซักฟอกด้วยการไปเยือนเมืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และบอกว่า แม่บ้าน “เมืองส้มโอหวาน ข้าวสารขาว และลูกสาวสวย” แห่งนี้ ใช้ผงซักฟอกยี่ห้อนั้น
…ครั้นเจริญวัยขึ้นทั้งทางร่างกายและสมอง เมื่อหวนคิดถึงโฆษณาชิ้นนี้อย่างจริงจัง ฉันก็ตระหนักได้ว่า สังคมไทยเรานั้นอำนาจของความเป็นชาย คือที่สิ่งที่จะช่วยคอนเฟิร์มความน่าเชื่อถือในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของผงซักฟอก หรือคุณภาพของจังหวัด แม้ว่าผู้หญิงจะเป็นคนขยี้ผ้าอยู่ทุกวันแต่มันก็ไม่น่าเชื่อถือหากไม่มีผู้ชายคนนั้นมาบอก, หรือแม้แต่คำขวัญ ก็เป็นการตีตราโดยรสนิยมแบบผู้ชายว่าจังหวัดนี้น่าเที่ยวเพราะมี ‘ลูกสาวสวย’
แต่โลกทั้งโลกก็เป็นอย่างนี้มิใช่หรือ…Mr.โลก!
2
และเมื่อมีโอกาสได้เดินทาง (ที่ไม่ใช่การนั่งรถผ่าน แต่หมายถึงการได้ลงไปทำความรู้จัก) ไปนครปฐม ครั้งแรก คือปฐมบทแห่งการร่วมเดินทางกับคน (เคย) รัก
รถไฟขบวนนั้นหวานฉ่ำจนตาพร่า อะไรบ้างหนอที่มองเห็น …ทุ่งดอกบัว หญ้า และนาเขียว องค์พระสีอิฐมลังเมลือง ควันธูป กลิ่นเทียน ชวนให้ดื่มด่ำกับความศรัทธาในพุทธศาสนาและความรัก
ในวัยวันนั้นคำอธิษฐานที่คลานไปขอจากองค์พระก็หนีไม่พ้นเรื่องน้ำเน่าเกี่ยวกับความมั่นคงในความรัก ที่เราจะรักษามันไว้จวบวันตาย… และโดยที่เราไม่ทันตาย พิโธ่เอ๋ย…! ความรักมันหน้าด้านต่อองค์พระ ผิดคำสัญญาแย่งตายไปเสียก่อนเรา จากองค์พระเรานั่งสามล้อวนเวียนชมเมือง นครปฐมมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน จนฉันคร้านจะจดจำ หากอยากรู้ลึกรู้จริง ขอเชิญเดินไปห้องสมุด เรื่องราวเกี่ยวกับนครปฐมมีให้ค้นได้ไม่รู้เบื่อ
ฉันแค่เพียงขอบอกว่าผืนดินละแวกลุ่มน้ำท่าจีน- แม่กลอง (รวมถึงสุพรรณบุรี กาญจนบุรี) แห่งนี้คือต้นธารแห่งดินแดนสุวรรณภูมิในอดีต แค่นี้ก็คงยั่วให้ทั้งนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี นักต่อนัก ฯลฯ อยากจะทำความรู้จักกับนครปฐมขึ้นมาบ้างกระมัง… (สุวรรณภูมิที่ไม่ใช่ ผืนดินที่เป็น โค – ตะ – ระ แห่งการคอรัปชั่นปันผลประโยชน์จากท่าอากาศยานที่ก่อปัญหาปวดสมองไม่รู้จบแห่งนั้น – -)
3
มานครปฐมอีกหนด้วยรถไฟขบวนเดิม, เที่ยวเวลาเดิม
ทว่า…แว่นสีชมพูจากความรักตกแตกไปนานแล้ว ฉันจึงมองเห็นเพื่อนร่วมขบวนมากมายแม้การบริการของ รฟท. ห่างไกลจากคำว่า ‘มีคุณภาพ’ หลายปีแสง แต่เมื่อแลกกับค่าโดยสารราคาถูก ระยะทางจากสถานีบางกอกน้อย – สถานีนครปฐม จึงยังคงเป็นเส้นทางหลักของคนไร้บ้าน (Homeless) จำนวนหนึ่ง ที่อาศัยเส้นทางนี้ในการเก็บขวดพลาสติก กระป๋องเบียร์ ฯลฯ เพื่อนำมาแลกเป็นอาหารในการยังชีพ
ส่วนระยะทางจากสถานีนครปฐม – บางกอกน้อย ยังเป็นเส้นทางหลักในการขนพืชผลทางการเกษตรนานาชนิดของชาวสวนตั้งแต่นครปฐมจนถึงตลิ่งชัน ที่จุอยู่ในกระบุง กระจาดเหล่านั้น มีตั้งแต่ชมพู่ ฝรั่ง ดอกบัว ข้าวหลาม หมาก พลู มะม่วง ฯลฯ ถึงกรุงเทพฯ ก็เตร็ดเตร่ไปวางขายกันตามสะดวกตามย่านต่างๆ ใครใคร่ค้า – ค้า, เพียงแต่ว่าระวังเทศกิจหน่อยแล้วกัน…
ที่นครปฐม…พระปฐมเจดีย์สีอิฐยังคงมลังเมลือง แต่ไม่เด่นเหมือนเดิม ก็ทั้งตึก ทั้งเสาโทรศัพท์เครือข่ายต่างๆ เรียงรายสลอนท้าทายบารมีขององค์พระอยู่โน่นไง…!, ส่วนรถสามล้อถีบแทบไม่มีแล้ว ฉันจึงใช้บริการสามล้อเครื่อง แต่จะอย่างไรร้านรวงต่างๆ ในเมืองนครปฐมยังคงคึกคักและมีชีวิตชีวาเป็นบ้า
ถ้าไม่เรื่องมากกับการกิน ที่นี่มีอาหารสารพัดชนิดให้เลือกชิม โดยเฉพาะพวกที่มีส่วนผสมของหมู ไม่ว่าจะเป็นข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ลูกชิ้นหมู กุนเชียงหมู เพราะที่นี่มีการเลี้ยงหมูกันมากที่สุดในประเทศ ถามว่าร้านไหนอร่อย บ้าสิ! นี่ไม่ใช่ชิมไปบ่นไป มาตรฐานรสชาติของใครก็ของใคร จะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารชนิดใดจะถูกปากใคร…
หากมีเงินและเวลามากพอก็ลองเตร็ดเตร่เที่ยวชม วัด วัง บ้านเรือน และวิถีชีวิตผู้คนสองฟากฝั่งแม่น้ำท่าจีนลองดู
บางที ความจริงที่ไม่ถูกตบแต่งจนเกินควร (เพราะทุกความจริงล้วนถูกตบแต่ง) ก็อาจทำให้การเดินทางรื่นรมย์มากขึ้น…
เตร็ดเตร่ทั้งวันจนพลบค่ำฉันกลับไปที่สถานีรถไฟ, พอเสียงหวูดดังลั่น ฉันรีบวิ่งเบียดฝูงชนขึ้นรถเพื่อแย่งที่นั่งริมหน้าต่าง,อะไรบ้างที่เห็นจากหน้าต่างรถไฟ
นั่น! หมาขี้เรื้อนข้างทางไปแอบรื้อสัมภาระของคนไร้บ้าน ซึ่งกำลังปูแผ่นพลาสติกเตรียมเป็นที่นอน, ส่วนแม่ค้าคนนั้นก็กำลังหอบตะกร้าใส่ผลไม้ที่เหลือจากขายไปแบ่งให้คนไร้บ้าน…
รถไฟแล่น, พระปฐมเจดีย์เล็กลงเรื่อยๆ จนลับสายตา…
ข้อเขียนชิ้นนี้อาจไม่โรแมนติกแบบการเดินทางของนักเดินทางช่างฝัน (และฟูมฟายทางอารมณ์) ไม่มีการแนะนำถิ่น กิน เที่ยว อย่างที่จารีตของข้อเขียนเดี่ยวกับการเดินทางควรทำ
ช่างปะไร ฉันไม่ใช่ไกด์นำเที่ยวอยู่แล้ว
ฉันเพียงแต่อยากจะบอกว่า หากคุณอยากเดินทางแบบธรรมดาๆ สนใจความคึกคัก รักความดิบเถื่อนเลื่อนเปื้อนของชีวิต ชอบกินผลไม้นานาชนิดที่แม้จะมีหนอนไช (และอารยะประเทศที่กำลังจะตัดสินใจทำ FTA ก็คงปฏิเสธไม่อนุญาตให้นำเข้า) แต่คนในประเทศเราก็กินกันได้ อยู่กันได้ และคุณอยากลองชิม
เอ่อ…หากคุณไม่รังเกียจคราบไคลแห่งความจนและกลิ่นขี้หมู ว่างๆ ก็ลองหาโอกาส ‘ตีตั๋ว’ แล้วกระโดดขึ้นรถไฟมาลงที่นี่
สถานีนครปฐม…!!
หมายเหตุ : ตีพิมพ์ในคอลัมน์ All way นิตยสาร WAY ฉบับที่ 6 มีนาคม 2550