วันนี้ช็อปปิงที่ไหน?… ซื้ออะไรดี?… มีโปรโมชันอะไรบ้าง? คำถามที่พบเจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันของใครหลายๆ คน ยิ่งในยุคบริโภคนิยมที่ความต้องการครอบครองสินค้าเพิ่มมากขึ้นและผู้คนขยันจับจ่ายใช้สอย การหักห้ามใจจึงเป็นเรื่องยาก
วันศุกร์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนในทุกๆ ปี หรือ ‘Black Friday’ เป็นเทศกาลหลังวันขอบคุณพระเจ้าที่เหล่านักช็อปทั่วโลกตั้งตารอคอย บรรดาสินค้าต่างๆ พากันลดราคา 50-80% เทศกาลนี้ทำให้นักช็อปหลายๆ คนซื้อของกันอย่างขาดสติเพียงเพราะโปรโมชันที่ล่อใจ แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่จำเป็นเลยก็ตาม
ในประเทศไทยเองแม้จะไม่มีวันขอบคุณพระเจ้า และไม่มีเทศกาล Black Friday แต่ร้านค้าออนไลน์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ก็พากันการจัดเทศกาลโปรโมชันถี่ยิบทุกๆ เดือน เช่น 11.11 ที่ผ่านมา หรือ 12.12 ที่กำลังจะถึง และยังมีโปรโมชันลดราคาสินค้ากระหน่ำทั้งช่วงกลางเดือน ปลายเดือน ไปถึงช่วงสิ้นปี
การเพิ่มขึ้นของการบริโภคนี้ชวนให้เกิดคำถามว่า เป็นไปได้ไหมที่ในหนึ่งวันเราจะออกไปนอกบ้านโดยไม่ซื้ออะไรเลย? จึงนำมาสู่การรณรงค์ให้ผู้คนมีสติและตระหนักถึงการบริโภคที่มากเกินไป ภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า ‘Buy Nothing Day’ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน
จุดเริ่มต้น #BuyNothingDay
Buy Nothing Day เป็นวันสากลที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดยศิลปิน เท็ด เดฟ (Ted Dave) และได้รับการสนับสนุนจากนิตยสาร Adbusters ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โดยเป็นวันที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านเทศกาล Black Friday หนึ่งในวันที่ผู้คนช็อปกระจายกันอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้น Buy Nothing Day จึงก่อตั้งขึ้นโดยมีความหมายเชิงสัญลักษณ์เพื่อเรียกร้องให้ผู้คนตั้งสติก่อนช็อป
แคมเปญนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์บังคับห้ามซื้อ หากแต่ต้องการให้ตระหนักถึงการบริโภคที่มากเกินไปเสียมากกว่า โดยให้ผู้คนไตร่ตรองถึงพฤติกรรมบริโภคที่ผ่านมา ลดการบริโภคสินค้าที่ไม่จำเป็น และเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น
เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า Buy Nothing Day เพียง 1 วัน ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมการบริโภคของคนทั้งโลกได้ในทันที อย่างที่ผู้จัดแคมเปญนี้ยอมรับว่า “Buy Nothing Day ไม่ใช่การเปลี่ยนนิสัยภายใน 1 วัน แต่เป็นการเริ่มต้นความมุ่งมั่นในการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน เพื่อการบริโภคที่น้อยลงและลดการผลิตสินค้าที่ไม่จำเป็น”
หลังจาก Buy Nothing Day เกิดขึ้นได้ไม่นานนักก็มีแคมเปญที่คล้ายๆ กันเริ่มปรากฏขึ้นในสหรัฐ สหราชอาณาจักร อิสราเอล ออสเตรีย เยอรมนี นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และนอร์เวย์ ปัจจุบันมีมากกว่า 65 ประเทศที่มีส่วนร่วมกับแคมเปญลักษณะนี้
แคมเปญ Buy Nothing Day นับเป็นอีกวันที่เตือนหลายๆ คนให้มีสติและตระหนักถึงการจับจ่ายใช้สอย โดยไม่จำเป็นต้องซื้อให้น้อยลง แต่ควรคิดก่อนซื้อ