Power morcellator คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง โดยเฉพาะการผ่าตัดเนื้องอกในมดลูก ซึ่งเครื่องมือชิ้นนี้จะถูกสอดผ่านแผลขนาดเล็กบริเวณหน้าท้อง เพื่อเข้าไปบดและปั่นชิ้นเนื้อให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ง่ายต่อการดูดออกมา
แต่เมื่ออุปกรณ์ดังกล่าวถูกนำไปใช้ในคนไข้หญิงที่มีมะเร็งในผนังมดลูก (uterine sarcoma cancer) แอบแฝงอยู่และยังไม่มีการตรวจพบ เท่ากับว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะทำการบดและปั่นชิ้นเนื้อมะเร็งให้กระจายไปทั่วบริเวณช่องท้องและกระดูกเชิงกราน
ในปี 2013 หลังการผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกด้วยวิธีส่องกล้อง และใช้อุปกรณ์ปั่นย่อยชิ้นเนื้อ power morcellator ที่ Boston’s Brigham and Women’s Hospital แพทย์หญิงเอมี รีด วิสัญญีแพทย์วัย 42 ปี ถูกตรวจพบว่า มีการกระจายตัวของมะเร็งไปทั่วช่องท้อง
หลังตรวจพบมะเร็ง เธอเข้ารับการผ่าตัด ฉายรังสี และทำคีโมบำบัดหลายครั้ง แต่ก็ยังพบว่ามีก้อนเนื้ออยู่บริเวณกระดูกสันหลัง ทำให้แพทย์หญิงรีด และสามี นายแพทย์ฮูแมน นูร์คาชม์ เรียกร้องให้มีมาตรการที่จะช่วยป้องกันคนไข้จากกรณีความผิดพลาดของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพราะหากมีวิธีจัดการปัญหาเร็วกว่านี้ ก็มีโอกาสช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเธอและคนไข้หญิงอีกนับร้อยลงได้
นายแพทย์ฮูแมน นูร์ชาชม์ ศัลยแพทย์ทรวงอก สามีของแพทย์หญิงเอมี รีด กล่าวว่า กระบวนการนี้ไม่สนใจว่าเนื้อเยื่อส่วนไหนเป็นสาเหตุของมะเร็ง และไม่ว่าจะมีการตรวจพบหรือไม่พบมะเร็งก็ตาม ไม่ควรให้มีกระบวนการบดชิ้นเนื้อเกิดขึ้นในร่างกายคน
องค์การอาหารและยาสหรัฐ (U.S. Food and Drug Administration: FDA) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับการแพร่กระจายของมะเร็งในปี 2014 โดยระบุว่า เครื่องมือชนิดนี้อาจทำให้เกิดผลร้ายระยะยาวกับตัวผู้ป่วย และปลายปี 2014 FDA ได้ออกข้อบังคับให้ติดคำเตือนบนฉลากของ power morcellator แต่นั่นก็เป็นเพียงคำเตือนที่ไม่ใช่ข้อห้าม power morcellator จึงยังถูกใช้ในการผ่าตัดบางกรณี
ด้านผู้ผลิต power morcellator รายใหญ่ที่สุด ได้แนะนำให้บรรดาแพทย์หยุดใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ รวมถึงทำการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ของตัวเองจากท้องตลาด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็ยังมีการใช้ power morcellator ของผู้ผลิตรายย่อยในการผ่าตัด เพราะศัลยแพทย์บางคนยังเชื่อว่า power morcellation เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการผ่าตัด เนื่องจากแผลเล็ก ประหยัดเวลาพักฟื้น รวมถึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ พวกเขาเชื่อว่า การแพร่กระจายของชิ้นส่วนมะเร็งเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ โดย power morcellation ถูกใช้เป็นสัดส่วนถึง 16 เปอร์เซ็นต์ของขั้นตอนการผ่าตัดมดลูกทั้งหมด ซึ่งนายแพทย์วิลเลียม ไมเซล ตัวแทนทีมนักวิทยศาสตร์จากศูนย์อุปกรณ์การแพทย์และรังสีวินิจฉัย FDA ประมาณตัวเลขว่า มีผู้รับการผ่าตัดด้วยอุปกรณ์ย่อยชิ้นเนื้อนี้ประมาณ 60,000 รายต่อปี
ที่ผ่านมา ผู้ป่วยหญิงบางรายถูกตรวจพบมะเร็งหลังจากทำการผ่าตัด เมื่อ FDA ออกประกาศคำเตือนว่า power morcellator เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในมดลูก ซึ่งรวมถึงมะเร็งในผนังมดลูก ทำให้ผู้ป่วยเหล่านั้นพยายามหาช่องทางด้านกฎหมายเพื่อที่จะเอาผิดกับผู้ผลิตอุปกรณ์ชนิดนี้
จากกรณีดังกล่าว บริษัทประกันหลายรายออกมาประกาศว่า พวกเขาจะไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาล หากไม่มีการรับรองอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยเพียงพอ รวมถึงกลุ่มแพทย์และโรงพยาบาลต่างก็ทะยอยปฏิเสธเครื่องมือช่วยผ่าตัดสำหรับเพศหญิงชนิดนี้
นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบต่อไปว่า ผู้ผลิตอุปกรณ์รายใหญ่นั้นรับรู้ถึงความเสี่ยงและอันตรายของอุปกรณ์ชิ้นนี้มาก่อนหรือไม่ เพราะทางบริษัทเองก็เคยมีการเขียนรายงานถึงปัญหาและความผิดพลาดของ power morcellator ไว้ตั้งแต่ปี 2006
อีกกรณีหนึ่งคือ การฟ้องร้องต่อศาลของ เบรนดา เลอุสซี และจอร์จ สามี เพื่อเอาผิดกับบริษัทอุปกรณ์การแพทย์รายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตมือกลช่วยผ่าตัดมดลูก หรือ robotic hysterectomy
เลอุสซียืนยันว่าเธอไม่เคยถูกตรวจพบว่ามีมะเร็งก่อนที่จะทำการรับการผ่าตัดดัวย robotic hysterectomy ซึ่งในกระบวนการผ่าตัดนั้น มีการใช้ power morcellator เพื่อย่อยเนื้องอกในมดลูก ข้อกล่าวหาระบุว่า power morcellator ที่ใช้ในระบบมือกล มีส่วนในการทำให้มะเร็งมดลูก leiomyosarcoma กระจายไปทั่วช่องท้องของเธอ
มะเร็งมดลูก (uterine cancer) แบ่งได้เป็นสองประเภทคือ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial cancer) และ มะเร็งมดลูกชนิดซาร์โคมา (uterine sarcoma) พบได้ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของมะเร็งนรีเวช และคิดเป็น 3-7 เปอร์เซ็นต์ของมะเร็งมดลูกทั้งหมด ซึ่ง leiomyosarcoma (LSM) จัดอยู่ในมะเร็งชนิดซาร์โคมา
คดีความนี้เกิดขึ้นหลังจาก FDA ออกคำเตือนเพียงหนึ่งเดือน โดยระบุว่า power morcellator ไม่ควรถูกนำมาใช้ในการผ่าตัดมดลูก เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้มะเร็งซึ่งอาจแฝงอยู่ในมดลูกกระจายไปยังส่วนอื่นๆ ข้อมูลของ FDA เผยว่า ผู้ป่วยหญิง 1 ใน 350 ราย ที่ทำการผ่าตัดมดลูกจะมีการตรวจพบมะเร็ง leiomyosarcoma และไม่มีวิธีการตรวจหามะเร็งที่เหมาะสมก่อนการใช้อุปกรณ์นี้
เลอุสซีกล่าวหาว่า ทางผู้ผลิตน่าจะรับรู้ถึงอันตรายของอุปกรณ์ชิ้นนี้ว่าอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของมะเร็ง แต่ก็ยังไม่คำเตือนเพื่อให้ power morcellator ถูกใช้อย่างถูกวิธีและปลอดภัย รวมถึงกล่าวหาว่าละเลยการควบคุมผลิตภัณฑ์ ละเมิดระบบประกัน และบิดเบือนข้อมูลให้เกิดความเข้าใจผิด นอกจากนี้ จอร์จ สามีของเธอได้เรียกร้องไปยังหลายภาคส่วนของสังคม ว่าภรรยาของเขาควรได้รับการชดเชยที่เหมาะสมกับความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
การฟ้องร้องในคดี robotic hysterectomy เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่บริษัทแม่ของผู้ผลิตรายใหญ่ประกาศชะลอการจำหน่ายและโฆษณา power morcellator ซึ่งพวกเขาครองส่วนแบ่งทางการตลาดของ power morcellator มากถึง 71 เปอร์เซ็นต์ในปี 2011 ไว้จนกว่า FDA และหน่วยงานทางการแพทย์จะมีคำตัดสินออกมา
อ้างอิงข้อมูลจาก: drugwatch.com
cbsnews.com
abc7.com
aboutlawsuits.com