เขียนเรื่องการถดถอยอีกครั้งหนึ่ง เพราะอยากให้คุณพ่อคุณแม่และคุณครูที่ใส่ใจได้มองเห็น
ตอนที่แล้วยกตัวอย่างเรื่องการถดถอยในเด็กเล็ก ขณะที่เขียนต้นฉบับชิ้นนี้โรงเรียนหลายแห่งในหลายสังกัดประกาศปิดเรียนแบบ on site ต่อไป เพื่อให้เรียนแบบ on line และ on demand บางแห่งมีออนนั่นออนนี่ต่ออีก 2-3 คำ อ่านแล้วก็อดรู้สึกมิได้ว่าผู้ร่างคำสั่งดูจะสนุกกับการสร้างคำศัพท์ขลังๆ คลายเครียดไปเรื่อยๆ ก่อน เชื่อว่าในจิตใต้สำนึกท่านก็รู้ตัวว่าเรื่องนี้มีพิษภัย
วันนี้จะยกตัวอย่างอาการถดถอยในวัยเด็กและวัยรุ่น
การถดถอยในเด็กเล็กที่ต้องไปโรงเรียนก่อนวัยอันควร หรือในเด็กโตที่เรียนหนังสือไม่เก่ง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายอยู่ก่อนแล้วในการศึกษาบ้านเราที่ไม่ยอมเชื่อว่าปลาปีนต้นไม้ไม่ได้
เด็กเล็กอายุ 3-6 ขวบไปโรงเรียนอนุบาลได้แต่ควรไปเล่นเท่านั้นโดยไม่มีเรียน ให้เรียนรู้จากการเล่นหรือจากธรรมชาติรอบตัวและรอบโรงเรียนได้แต่มิใช่เรียนหนังสือ ความแค่นี้เพราะอะไรจึงเข้าใจยากนักหนา ผมเริ่มจะเชื่อคำตอบที่ว่าเพราะเงินหมุนเวียนในธุรกิจการศึกษาอนุบาลนั้นสูงเกินกว่าที่จะมีใครยอมเปลี่ยนแปลง ดังนั้นรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่วันนี้เป็นการทำร้ายเด็กๆ ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศ แต่ก็ยังจะทำต่อไปอย่างไม่น่าเชื่อ
อุปมาเหมือนรู้ว่านโยบายวัคซีนที่เป็นอยู่ไม่ดีต่อประชาชนมากพอ แต่ก็ทำต่อไปอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน – เรียนบรรณาธิการ ตั้งใจจะอุปมาไปที่วัคซีนจริงๆ มิได้เจตนาลากไป
ปลาที่ปีนต้นไม้มิได้ย่อมนอนตายอยู่ใต้ต้นไม้นั้น ตอนที่นอนพะงาบๆ ยังไม่ตายเราเรียกว่าพัฒนาการติดขัด (fixation) คือเด็กไทยทุกคนที่เรียนหนังสือมิได้เพราะถูกเร่งก่อนวัยอันควร ตอนที่หยุดหายใจตายแล้วเน่าเปื่อยย่อยสลายส่งกลิ่นอบอวล เราเรียกว่าพัฒนาการถดถอย (regression) คือเด็กไทยทุกคนที่ถูกลงโทษ ตี ฟาด ประณาม หยามเหยียด เพียงเพราะเรียนหนังสือมิได้ ทั้งนี้เพราะถูกเร่งสะสมก่อนวัยอันควรเช่นกัน
จะเห็นว่าเมื่อปลาตายส่งกลิ่น ความเสียหายจะกระทบต่อชุมชนโดยรอบ และถ้าปลาตายสัก 10 ล้านตัว คือประมาณ 1 ใน 6 ของจำนวนประชากร ความเสียหายกระทบต่อประเทศ
เมื่อทราบเช่นนี้แล้วการปิดโรงเรียนต่อไปควรเป็นข่าวดี ซึ่งถูกบางส่วน ปัญหาคือพ่อแม่บ้านเราจำนวนมากกว่ามากไม่พร้อมที่จะจัดการเรียนหนังสือหรือแม้กระทั่งการเรียนรู้เองที่บ้าน เพราะไม่มีเวลา เวลาต้องเอาไปทำงานหาเงิน เพราะไม่มีเงินต้องเอาไปซื้อข้าวจะมาจ่ายค่าไอทียังไม่ไหว และเพราะยังไม่เห็นว่าตนเองจะทำอะไรได้ เพราะไม่เคยมีเวลาผ่อนคลายมากพอที่จะอ่านเพจเลี้ยงลูกของคุณหมอ ว่าที่จริงพ่อแม่จัดการศึกษาเองที่บ้านได้ ถ้าจะลองทำแล้วค่อยๆ เรียนรู้ไป
เพจเหล่านี้มักไปถึงได้แค่ชนชั้นกลางระดับกลาง
เมื่อพ่อแม่จำนวนมากกว่ามากไม่พร้อมจะรับหน้าที่นี้ ความขัดแย้งกับลูก ความขัดแย้งกับคนในบ้าน และความตึงเครียดเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหงจากนโยบายเรียนออนไลน์แบบที่ทำอยู่ คือการถ่ายทอดบทเรียนผ่านหน้าจอดื้อๆ พร้อมสั่งการบ้านแล้วบอกว่าออนไลน์เสร็จแล้ว
ผลคือเกิดการถดถอยรวมหมู่ทั้งบ้าน สมาชิกครอบครัวมีขีดความอดทนต่ำ (low frustration tolerance) แต่ละคนหงุดหงิดง่าย เหวี่ยงง่าย และลมขึ้นง่าย
ลำพังการถูกสั่งให้รักษาระยะห่างเกิน 1 ปี ก็ฝืนธรรมชาติมนุษย์พอแรงอยู่แล้ว
สำหรับคุณครูท่านที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับการเรียนรู้ออนไลน์และเด็กๆ ชื่นชอบ ผมขอชื่นชม ณ ที่นี้ เป็นบุญที่เด็กๆ ของท่านได้พบท่าน
คราวนี้มาดูวัยรุ่นคือชั้นมัธยม ตัวอย่างที่ดีคือเรื่องการใช้ยาเสพติด
ยาเสพติดเป็นยาสร้างความสุขชั่วคราว ที่สำคัญคือสร้างได้รวดเร็วไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากนัก การหาซื้อแป้งสีขาวเอามาเผาสูดดมหรือฉีดเข้าเส้นนั้น ผู้ป่วยวัยรุ่นทุกคนบอกผมว่าหาไม่ยาก ง่ายกว่าเรียนออนไลน์หรือท่องหนังสือเยอะมาก
ประเด็นพัฒนาการของยาเสพติดคือ มันทำให้พัฒนาการหยุดชะงักชั่วคราวคือ fixation เมื่อหมดฤทธิ์ยาออกจากหมอกควันแห่งความหฤหรรษ์มาเรียนหนังสือก็ทำไม่ได้มากกว่าเดิม การบ้านคงค้าง โครงงานคั่งค้าง เกรดติดรอเพิ่มจำนวน พัฒนาการจึงถดถอย คือ regression ชีวิตต้องใส่เกียร์ถอยไปหลายร้อยเมตรเพื่อตั้งหลักใหม่
แต่ว่าทุกขณะที่เขาเสียเวลาไปกับความติดขัดหรือความถดถอย เวลาวิกฤติของพัฒนาการซึ่งจะแปรไปตามตัวเลขอายุจริงมิได้หยุดอยู่กับที่ อายุเขามากขึ้น ประเด็นพัฒนาการเปลี่ยนไปที่ระดับสูงขึ้น แต่เขายังนั่งแช่ใส่เกียร์ว่างอยู่ที่สุดซอยที่ถอยไปนั้น ตอนนี้ไม่เพียงการบ้านวิชาต่างๆ พอกพูน แต่การบ้านพัฒนาการของชีวิตก็พอกพูนด้วย ของเก่ายังมิได้ทำ ของใหม่ทับถมลงมา ความเครียดเพิ่มทวี อะไรที่จะแก้ความทุกข์นี้ได้ชะงัดแล้วเร็วที่สุด
คำตอบคือยาเสพติด
ยกตัวอย่าง วัยทีนวัยรุ่นวัยมัธยมเป็นวัยคบเพื่อนและคบแฟน เราฝึกทักษะการพูดปากหวาน ปากไม่ตรงกับใจ กิ้งก่าเปลี่ยนสี หักอกแฟน หักหลังเพื่อน แทงเพื่อนข้างหลังก็ประมาณๆ นี้ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่มากมารยาทแต่หาความจริงใจมิได้ (อันนี้ยกตัวอย่างเว่อร์นิดหนึ่งจะได้ชัด แต่ที่จริงก็เป็นเรื่องจริง) หากเขาเอาแต่เมายาไม่ได้ฝึกทักษะเหล่านี้ เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี ถึงแม้จิตแพทย์จะรักษาเขาหายจากอาการติดยาเสพติดแล้ว แต่ที่ยาเม็ดคืนให้ไม่ได้คือพัฒนาการที่สูญหาย
ถึงตอนนั้นเพื่อนๆ อายุ 20 กว่าปีกันแล้ว เป็นผู้ใหญ่ (adult) แล้ว รู้ทักษะสังคมตามครรลองของคนส่วนใหญ่ พร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกับวัฒนธรรมเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ปากหวานก้นเปรี้ยว เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดีแล้ว เขากลับยังพูดจาใสซื่อปากตรงกับใจ “รูปไอจีเธอไม่สวยเลย” / “คุณยายทำขนมได้ไม่อร่อยเลย” เช่นนี้ก็จะเกิดความตึงเครียดอีกคำรบหนึ่ง
พัฒนาการเป็นเรื่องที่อัดฉีดไม่ได้ต้องใช้เวลาพัฒนา เมื่อความตึงเครียดเพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่ง อะไรจะดับความตึงเครียดได้เร็วและชะงัด
คำตอบคือยาเสพติด ผลคืออาการติดขัดและอาการถดถอยของพัฒนาการเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
นี่คือซีนาริโอ (scenario) ของสิ่งที่เรียกว่าความติดขัดหรือความถดถอย
ท่านลองยกตัวอย่างอื่นที่มิใช่การใช้ยาเสพติด หรือลองนั่งสังเกตลูกหลานที่ใกล้บ้าเพราะเรียนออนไลน์วันนี้
ครั้งที่แล้วผมมีติดค้างเรื่องทักษะสังคมเอาไว้ด้วย คำถามมีว่าหากเราไม่อยากให้เรียนหนังสือช่วงนี้เพราะปิดบ่อยเหลือกำลัง ค่าเล่าเรียนค่าไอทีก็ต้องจ่ายออกแล้วอะไรก็ไม่ได้คืนมานอกจากความเครียด เราซ้อมมือทำโฮมสคูลเล่นๆ ไปพลางๆ ง่ายกว่าไหม คำถามพบบ่อยคือการทำโฮมสคูลทำให้เด็กขาดทักษะสังคมหรือเปล่า
คำตอบคือเปล่า โฮมสคูลมิได้ทำให้เด็กๆ ขาดทักษะสังคม รายละเอียดสามารถถามจากเว็บไซต์พ่อแม่โฮมสคูลซึ่งมีจำนวนมากมายในสังคมไทยวันนี้ อีกทั้งมีจำนวนเท่าไรผมก็ไม่ทราบที่จัดโฮมสคูลจนกระทั่งเด็กจบชั้นมัธยมปลายไปแล้ว ความจริงคือโฮมสคูลมีภาคส่วนที่เด็กๆ ต้องเรียนรู้ร่วมกับเด็กคนอื่นอยู่ด้วย
บ้านเรามิได้ห่วงเรื่องทักษะสังคมตามความหมายที่แท้ของทักษะสังคม หลายครั้งบ้านเราห่วงเรื่องคอนเน็คชั่น (connection) มากกว่า เพราะคอนเน็คชั่นที่ดีในสังคมไทยนำไปสู่การได้ทรัพยากรที่มากกว่าหรือดีกว่า ความข้อนี้เป็นความจริง
คอนเน็คชั่นที่ดีเป็นเรื่องสำคัญในสังคมไทย การเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำสามอันดับแรกจึงเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์เหนือจริง การโอภาปราศรัยสำคัญกว่าการทำงาน ลูบหน้าปะจมูกสำคัญกว่าผลงาน และความคดโกงสำคัญกว่าความซื่อสัตย์ คอนเน็คชั่นที่ดีกว่าช่วยให้ลูกของเราได้งานดีกว่า ด้วยวิธีการที่ง่ายกว่า ความข้อนี้ยังเป็นความจริงอยู่ ได้แต่รอเวลาให้เยาวชนคนรุ่นใหม่วันนี้มาชะล้าง
เพราะเหตุนี้เราจึงไม่สามารถจัดการฉีดวัคซีนไล่ลงมาตามอายุอย่างสงบเรียบร้อยเหมือนประเทศพัฒนาแล้วในยุโรปได้ ชนชั้นมือยาวดั่งเปรตล้มนโยบายฉีดวัคซีนเรียงตามอายุ แล้วใช้นโยบายฉีดวัคซีนตามลำดับความสำคัญ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเราไม่เคยใช้นโยบายเรียงลำดับความสำคัญกับเรื่องอะไรได้มาก่อนเลย
เราเป็นสังคมชนชั้นและมือใครยาวสาวได้สาวเอามาโดยตลอด ผลที่เกิดขึ้นจึงเป็นอย่างที่เห็นๆ กันอยู่
โรงเรียนเหมือนโรงพยาบาล มิใช่ต้องปิดทั้งหมดหรือเปิดทั้งหมด และไม่ควรปิดทั้งหมดหรือเปิดทั้งหมด เด็กๆ เสียหายเพราะพัฒนาการถดถอยทั่วประเทศ ผู้ป่วยอื่นที่มิใช่โควิดต้องล้มตายอย่างน่าเสียดาย เหล่านี้สามารถบริหารให้ดีกว่านี้ได้ครับ