ชาวเมืองกรีนส์โบโรฝั่งตะวันออก หรืออีสต์กรีนส์โบโร รัฐนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐ อยู่ระหว่างการก่อตั้งร้านค้าชุมชนที่ชาวเมืองเป็นเจ้าของร่วมกัน พร้อมให้บริการชุมชนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2015
หลังจากปี 1998 ที่ห้างค้าปลีกเชนใหญ่ Winn-Dixie ซึ่งเป็นที่พึ่งของชาวเมืองมาโดยตลอด เลือกปิดตัวซูเปอร์มาร์เก็ตสาขาอีสต์กรีนส์โบโรลง ด้วยเหตุผลด้านผลกำไร
เมื่อขาดซูเปอร์มาร์เก็ตเชนดังไป ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตชาวเมืองที่ต้องพึ่งพาอาหารจากที่นี่ค่อนข้างมาก แม้กว่า 15 ปีที่ผ่านมาจะมีความพยายามเปิดร้านค้าเพื่อให้บริการคนในพื้นที่เป็นระยะๆ แต่คุณภาพและราคายังถือว่าชาวเมืองเข้าถึงไม่ได้ทุกคน และไม่มีของให้เลือกมากนัก
ขณะที่ชาวชุมชนส่วนใหญ่เป็นแอฟริกันอเมริกันและมีรายได้ระดับปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ แนวคิดที่เป็นไปได้สำหรับพวกเขา คือการก่อตั้งร้านค้าชุมชนที่ชาวเมืองมีโอกาสเป็นเจ้าของร่วมกันขึ้นมา
แม้จะมีเสียงคัดค้านจากชาวชุมชนหลายคนที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวความคิดนี้ เนื่องจากมีความเชื่อฝังหัวว่ากิจการที่บริหารงานโดยชุมชนอาจไม่สำเร็จ เนื่องจากชุมชนไม่มั่งคั่งพอ ชาวเมืองยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้อย่างเพียงพอ และบางครั้งอาจจะคิดไกลไปถึงขั้นที่ว่า พวกเขาอาจจะผิวขาวไม่พอ
หลังจากเริ่มต้นเรียนรู้พื้นฐานการทำธุรกิจรูปแบบสหกรณ์ ประกอบกับมีโอกาสสั่งสมประสบการณ์ตรงมากขึ้น ด้วยกิจกรรมออกร้านในเทศกาลต่างๆ รวมทั้งได้ทุนสนับสนุนจากกองทุนชุมชนประชาธิปไตย (Fund for Democratic Communities: F4DC) ซึ่งเชื่อมั่นในพลังแห่งการรวมตัวกันของกลุ่มคนธรรมดาๆ ที่สามารถเปลี่ยนชุมชน ที่ทำงาน และสังคมให้ดีขึ้นได้
โม เคสสเลอร์ หนึ่งในคณะกรรมการสหกรณ์อีสต์กรีนส์โบโรจึงเป็นตัวตั้งตัวตีเปิดร้านค้าชุมชนในนาม ‘Renaissance Community Cooperative’ หรือ RCC ขึ้นในปี 2012 ด้วยสโลแกนอย่างไม่เป็นทางการว่า ‘everybody eats.’ หรือทุกคนมีสิทธิ์กินได้ เพื่อให้ชาวเมืองเข้าถึงอาหารและวัตถุดิบคุณภาพจากชุมชนในราคาสมเหตุสมผล ทั้งยังช่วยสร้างงานให้ชุมชนด้วยค่าจ้างที่เป็นธรรม (10 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง)
เมื่อผลตอบรับและผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ พวกเขาจึงขยับขยายกิจการไปอีกขั้น โดยมีกำหนดเปิดให้บริการ RCC อย่างเต็มรูปแบบในปี 2015
ที่มา: yesmagazine.org
amplifiergso.com
renaissancecoop.com