กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ในรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกายื่นฟ้อง จอห์นสันแอนด์จอห์นสันผู้ผลิตแป้งเด็กว่ามีส่วนทำให้ผู้ใช้เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่มากกว่าปกติ 33 เปอร์เซ็นต์ กรณีใช้ทาบริเวณอวัยวะเพศ
เดนิส มิคลิน และ อีริน ฮอฟแมนน์ ตัวแทนกลุ่มยื่นฟ้องบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson’s) ผ่านศาลรัฐบาลกลางของรัฐมิสซูรี เรื่องอันตรายของการใช้แป้งเด็ก
โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ สารทัลก์ (Talc) ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของแป้งจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ทัลก์คือแร่ไฮเดรสแมกนีเซียมซิลิเกต ซึ่งเป็นแร่อนินทรีย์จากชั้นผิวของโลก โดยพบได้ทั่วไปในประเทศสหรัฐอเมริกา และทัลก์เป็นแร่ธาตุที่มีแข็งระดับ 1 หมายความว่า โค้งงอได้ ใช้มีดตัดเป็นชิ้นได้
คำร้องแรกของโจทก์มีอยู่ว่า “แป้งเด็กของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไม่ปลอดภัย จากงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันตรงกันว่า แร่ทัลก์เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่ โดยสุภาพสตรีที่ใช้แป้งเด็กที่มีแร่ทัลก์เป็นส่วนผสมหลัก กับอวัยวะเพศ มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่กว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้ใช้แป้งกับอวัยวะส่วนนั้นถึง 33 เปอร์เซ็นต์”
“ทั้งๆ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมากมาย แต่จำเลยกลับไม่แจ้งอันตรายของการใช้ให้ผู้บริโภคทราบ และยังเดินหน้าผลิตและโฆษณาว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัย และปรารถนาให้ผู้หญิงใช้แป้งเด็กในทุกๆ กิจกรรม ซึ่งนี่อาจนำไปสู่สถิติผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ที่เพิ่มสูงขึ้น”
กลยุทธ์ทางการตลาดของแป้งเด็กของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน คือเป็นผลิตภัณฑ์ลดแรงเสียดสีที่เกิดขึ้นกับผิว และ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ขณะเดียวกับก็ทำให้รู้สึกเย็นและสบายผิว ทั้งนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องอีกว่าจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน พยายามโฆษณาชวนเชื่อให้ผู้บริโภคใช้แป้งกับทารกทุกครั้งหลังอาบน้ำและเปลี่ยนผ้าอ้อม และสำหรับสุภาพสตรีที่ต้องมีผิวที่อ่อนนุ่ม สดชื่นและสบาย
คำร้องต่อมาคือ “จอห์นสันแอนด์จอห์นสันโฆษณาว่าแป้งเด็กปลอดภัย และคำเตือนเดียวจากผู้ผลิตคือ ระวัง/หลีกเลี่ยงไม่ให้ผงแป้งเข้าตา สูดดมเข้าร่างกาย และ สำหรับใช้ภายนอกเท่านั้น” โจทก์ยังอ้างอีกว่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสันนั้นรู้เรื่องความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งมานานกว่า 30 ปีแล้ว ”
“ต้นปี 1982 จำเลยได้ตระหนักและรับรู้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการใช้ผงทัลก์นั้นเชื่อมโยงกับการเป็นมะเร็งรังไข่ และในเดือนสิงหาคมปี 1982 นิวยอร์คไทมส์ตีพิมพ์บทความ “’Talcum Company Calls Study on Cancer Link Inconclusive” โดยจำเลยรับรู้ถึงงานศึกษาวิจัยของ ดร.แดเนียล คราเมอร์ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกและสูตินรีเวช แห่งโรงพยาบาล Brigham and Woman ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูแซตส์ ที่พบว่า ถ้าใช้แป้งที่มีส่วนผสมของทัลก์กับอวัยวะเพศผู้หญิงมีสิทธิ์เป็นมะเร็งรังไข่มากกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ใช้ 3 เท่า” ข้อความขยายในคำร้อง
คำร้องที่ 3 ระบุว่า “จอห์นสันแอนด์จอห์นสันยังคงหลอกลวงสาธารณะต่อไปว่าแป้งมีความปลอดภัย ทั้งๆ ที่จำเลยมีข้อมูล มีความรู้ แต่กลับไม่แจ้งผู้บริโภคและข้อเท็จจริงของแร่ดังกล่าว ซ้ำยังแสดงข้อมูลที่ผิดในการจำหน่ายแป้งในท้องตลาด
จำเลยละเลยและให้ข้อมูลผิดพลาด ฉ้อฉล มีพฤติกรรมไม่จริงใจ ให้คำสัญญาผิด แถลงข้อมูลเท็จ และ กระทำการที่ไม่ยุติธรรม ปกปิดข้อเท็จจริง และไม่ให้ข้อมูลส่วนผสมที่ใช้ในการขายหรือโฆษณา ในการค้าใดๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐมิสซูรี่”
ทั้ง 3 คำร้อง ได้ถูกส่งไปศาลรัฐบาลกลางของรัฐ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2014 ในข้อหาว่า จอห์นสันและจอห์นสันทำให้โจทก์เป็นมะเร็งรังไข่
กลุ่มผู้ฟ้องร้องนี้ประกอบไปด้วยชาวมิสซูรีที่ซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กจอห์นสันฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมารวมทั้งผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ พวกเขาต้องการเอกสารรับรองและบทลงโทษฐานละเมิดพระราชบัญญัติทางการค้าของรัฐ ( Missouri Merchandising Practices) รวมถึงการชดใช้ และ การรณรงค์และโฆษณาที่เป็นจริง ไม่หลอกลวงผู้บริโภค
****************************************
ที่มา : alternate.org