เรื่อง : อารยา คงแป้น
จบลงไปพร้อมความชุ่มฉ่ำกับคอนเสิร์ตของศิลปินระดับตำนาน อดีตนักร้อง นักแต่งเพลงวง โอเอซิส – โนเอล กัลลาเกอร์ ที่กลับมาระเบิดความมันส์ให้แฟนเพลงชาวไทยได้มีความสุขกันอย่างถ้วนหน้า ภายใต้ชื่อคอนเสิร์ต Noel Gallagher’s High Frying Bird Live In Bangkok ที่ฮอล 106 ไบเทคบางนา
โนเอล กัลลาเกอร์ กลับมาอีกครั้งพร้อมอัลบั้มชุดใหม่ Noel Gallagher’s High Frying Bird หลังจากเลิกรากับวงโอเอซิสและน้องชาย เลียม กัลลาเกอร์ แนวเพลงในอัลบั้มยังมีกลิ่นความเป็นโอเอซิสอยู่ ซึ่งน่าจะถูกใจคอเพลงที่ชอบฝีไม้ลายมือ โนเอล เป็นพิเศษ
คอนเสิร์ตเอาใจแฟนเพลงชาวไทยครั้งนี้จัดโดย บริษัท ร็อคแอนด์โรลลา คอร์ปอเรชัน ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนเพลงอย่างท่วมท้นจากทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กมัธยมผมเกรียนจนถึงผู้นำฝ่ายค้าน และแม้จะมีพายุฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หัวค่ำแต่นั่นไม่ได้ทำให้แฟนเพลงย่อท้อแต่อย่างใด กำหนดการในงานป๋าโนเอลจะขึ้นเวทีในเวลา 21.00 น.แต่ก็มีแฟนเพลงส่วนหนึ่งมารอหน้างานตั้งแต่ช่วงแดดร่มลมตก
บรรยากาศภายในงานอบอวลไปด้วยความชุ่มชื้นจากฝนและความตื่นเต้นของแฟนเพลงทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งต้องยอมรับว่านี่เป็นคอนเสิร์ตที่มีชาวต่างชาติเข้าชมมากพอสมควร หลังจากประตูงานเปิด แฟนเพลงก็ประเดิมความมันส์กับ ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ ศิลปินหนุ่มมาดเซอร์ที่ได้รับเกียรติให้เป็น Opening Act ของคอนเสิร์ต ซึ่งฮิวโก้ขนเพลงเพราะ ๆ มาให้ฟังถึง 9 เพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิดตัวที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ถล่มทลายอย่างเพลง Mekong River Delta และเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม Old Tyme Religion ไม่ว่าจะเป็น Born, Different lives
ก่อนหนุ่มมาดเท่ห์จะพักเหนื่อยกล่าวทักทายแฟนเพลงและหยอดคำหวานว่า “ผมคิดถึงพวกคุณ แต่พวกคุณไม่รู้” พร้อมเริ่มการแสดงเอาใจแฟน ๆ ต่อด้วยเพลง Sweetest Cure, Hopelessly stoned , Bread & Butter เพลงฮิตอย่าง 99 Problems ที่แฟนเพลงร้องตามกันอย่างสุดมันส์ ต่อด้วย Old Tyme Religion , Rock ‘n Roll Delight และปิดท้ายด้วยเพลงเนื้อร้องภาษาไทยอย่างเพลง สายลม ที่ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้น่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น
21.00 น. โนเอล กัลลาเกอร์ เดินขึ้นเวทีพร้อมเสียงต้อนรับจากแฟน ๆ ที่ดังฮอลแทบแตก ศิลปินคนดังหยิบกีต้าร์ขึ้นมาเล่นเพลงแรก (It’ good) To Be Free , Mucky Fingers ตามมาด้วยเพลงจากอัลบั้มใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Everybody’s On The Run , Dream On , If I Had A Gun , The Good Rebel , The Death Of You And Me , Freaky Teeth
ต่อด้วยเพลง Supersonic ในเวอร์ชัน Acoustic เอาใจคนคิดถึง โอเอซิส ตามมาด้วย Record Machine , What A Life ,Talk Tonight , Soldier Boy and Jesus Freaks , Broken Arrow , Half The World Away ,Stranded on The Wrong Beach ก่อนจะเข้าช่วงอังกอร์ที่เรียกเสียงจากแฟน ๆ ได้ดังกระหึ่ม และ 4 เพลงส่งท้าย ทั้ง Let The Lord Shine A Light , Whatever, Little by Little มีใครหลายคนตะโกนเชียร์ให้เขาร้องเพลง Wonderwall แต่เพลงสุดท้ายจบลงด้วยเพลงที่เปรียบเสมือนลายเซ็นต์ของเขาอย่าง Don’t Look Back In Anger ที่ทุกคนร้องตามกันอย่างสุดเสียง จบการแสดงศิลปินชื่อดังยกมือไหว้ขอบคุณซึ่งสร้างความประทับใจให้แฟนเพลงเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเสียงเพลงของโนเอลและคอนเสิร์ตจะจบลงแต่สิ่งที่ได้ยินผ่านหูยังคงฝังอยู่ในสมองของแฟนเพลงทุกคน ด้วยแสงสีเสียงที่จัดได้ว่าแน่น ตัวศิลปินเองที่แสดงได้อย่างถูกใจคนดู แถมขึ้นเวทีตรงเวลาไม่ต้องให้แฟนเพลงรอ จนแอบได้ยินใครหลาย ๆ คนพูดว่า ดีกว่าตอนโอเอซิสมาเมืองไทยเสียอีก แต่ในอีกมุมหนึ่งความคิดที่ผุดเข้ามาในหัวของแฟนเพลงคืออยากให้ โอเอซิส กลับมา เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลงบางเพลงถ้าเป็นเสียงของ เลียม กัลลาเกอร์ มันคงจะมีมนต์ขลังกว่านี้