เรื่อง : เสี้ยวจันทร์ แรมไพร
ภาพ : เสี้ยวจันทร์และแมว
1
มีน้องคนหนึ่งถามผมว่า เดินทางไปบาหลีไม่กลัวผีเหรอ เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยผี ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก รู้แต่ว่านานมาแล้ว ผมเคยอ่านข่าวและทราบว่าที่หาดกูตา มีการวางระเบิด มีนักท่องเที่ยวตาย หลังจากนั้นเมืองที่เคยคึกคักเต็มไปด้วยไฮโซขาช็อปจากเมืองไทยก็ซาลง
หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน ผมแทบจะไม่มีสิทธิ์คิดเลยที่จะไปบาหลี เพราะค่าตั๋วเครื่องบินแพง ค่าใช้จ่ายบนเกาะก็แพงอีก แต่เมื่อมีการจองตั๋วล่วงหน้าได้ในราคาถูก ผมก็เลือกเดินทาง แม้ว่าจะต้องตื่นแต่เช้าแกะขี้ตาไปเช็คอินที่สนามบิน เรียกได้ว่าคุ้ม และยิ่งคนไทยเราไม่ต้องทำวีซ่า ก็ยิ่งทำให้ผมอยากไปเห็นบาหลีสักครั้งหนึ่ง
2
ผีตัวแรกที่เห็น ไม่ใช่ผีที่มาหลอกหลอนแบบเห็นเงาวูบๆ แล้วหายไป มันคือผีที่เห็นชัดๆ นั่งเรียงรายในร้านแลกเงิน พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เดินไปตามทาง เราก็จะเห็นผียิ้มแย้มต้อนรับเราอย่างดี เราก็จะมีอารมณ์เคลิ้มๆ เหมือนถูกสะกดจิต ให้รีบแลกเงิน และด้วยความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินนั่นแหละ ในอัตรา 200 รูเปียสต่อ 1 บาท แต่พอไปถึงเมืองอูบุด แทบเป็นลม เพราะอัตราแลกเงินที่นี่ 250 รูเปียสต่อ 1 บาท ดูไม่ค่อยห่างกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าแลกเป็นหมื่นบาท ก็จะรู้สึกเจ็บใจ เงินหายไปหลายรูเปียส
3
ซาลามัต ปากี บาหลี ผมพูดขึ้นมาเบาๆ พอรถแท็กซี่โชเฟอร์ตีนผี (จอมบีบแตรไล่หลังรถคันอื่น ชอบขับเบียดรถมอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่สนามบินจนเข้าสู่เมืองอูบุด หน้าบูดเบี้ยวเหมือนไม่ได้ขี้ หรือโดนเมียด่ามาก็ไม่รู้) เลี้ยวเข้าซอยกาเจ็ง ผิวหนังผมก็ขนลุกชูชันสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่แผ่ขยายทุกบริเวณ ผมแยกไม่ออกว่าสถานที่ไหนคือที่พัก สถานที่ไหนคือวัด
โชคดี โฮมสเตย์ Rumah Roda ซ่อนอยู่ด้านหลัง เป็นห้องพักเล็กๆ หน้าห้องมีโต๊ะสำหรับนั่งอ่านหนังสือ นั่งกินกาแฟ มีสวนหย่อมนิดหน่อย เจ้าของเป็นคนใจดีตลกๆ ผมเลยรู้สึกอบอุ่น แต่บรรยากาศเมื่อออกไปเดินเล่นบนถนน มันขรึมขลัง ทึมเทา กลิ่นธูปกำยานอบอวลอยู่ในสายลม ตรงกำแพงเต็มไปด้วยรูปปั้นหน้าตาน่ากลัว โดยเฉพาะเมื่อมีเสียงเพลงล่องลอยอยู่ในอากาศ มันสร้างความรู้สึกให้ดั่งกับว่า เราอยู่ในอีกโลกหนึ่งของความฝัน
4
ผมก็เหมือนกับคนทั่วไปที่อยากใช้สายตาปกติมองโลกแบบนักท่องเที่ยวบ้าง มองโลกแบบนักเดินทางบ้างปนเปกันไป เมื่อถูกเด็กตื๊อขายบัตรบนถนน ผมก็ไม่ชอบนัก ผมเดินขึ้นไปบนศาลาหลังใหญ่เพื่อดูเขาซ้อมดนตรี เป็นธรรมชาติ ท่วงทำนองดูไพเราะอย่างไม่ตั้งใจ มันเป็นเสียงที่ออกมาจากหัวใจ ไม่ใช่การแสดงที่เตรียมพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยว
5
ต้องขอบคุณอาหารมื้อแรกที่โฮมสเตย์ บนชั้นสอง ลมเย็นๆ โชยพัดมาอ่อนๆ มองลงไปยังถนน เห็นวิถีชีวิตปกติของผู้คน เอาสิ่งของที่ต้องสักการะเทินไว้บนหัว เดินไปวัด คนบาหลีช่างประดิดประดอยและเอาใจใส่ จานอาหารที่รองด้วยใบตอง อาหารกระจุกกระจิกที่ถูกจัดวางไว้บนจาน เต็มไปด้วยศิลปะ แกงกะหรี่ปลา ถั่วฝักยาวคั่วด้วยมะพร้าวซอยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หอมอร่อยชื่นใจ ได้รสชาติชาวเกาะ
เบียร์ Bintang ขวดแรกในบาหลี ให้ความรู้สึกดีๆ คลายความกลัวผีไปได้เยอะ
6
ผมเป็นคนที่ชอบดูรูปโปสการ์ด และอยากไปดูสถานที่จริง ภาพคนเอาสิ่งของเทินไว้บนหัว แล้วเดินไปบนถนน อีกภาพหนึ่งคือทุ่งนาข้าวขั้นบันได
ผมออกเดินไปทางขวาของที่พัก ผ่านทางร่มรื่น ผ่านทางเย็นชื้นมีเถาวัลย์ห้อยย้อยลงมา แล้วไปโผล่ที่ทุ่งพอดี นั่นเป็นภาพแรกที่ผมถ่ายรูป คนกลับจากนา เอาสิ่งของเทินบนหัว แดดยามเย็น ไกลออกไปมองเห็นภูเขา นกฝูงหนึ่งบินหายไปในนั้น
7
ในโลนลีแพลเน็ต บอกว่าเมืองอูบุดมีทางเดินเล็กๆ ในทุ่งนาขั้นบันได จะลองเดินกันไหม ไม่แน่ใจนะว่าจะไปถูกหรือเปล่า เธอบอกกับผมล่วงหน้า ไม่ให้คาดหวัง เพราะเราต่างมาบาหลีครั้งแรก
เดินไปเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่เห็นนาขั้นบันได เริ่มเดินก็ยิ่งไกลออกไปจากอูบุด สรุปได้ว่าคือหลง ทันใดนั้นเหมือนมีปาฏิหาริย์ก็เจอกับลุงคนหนึ่งนั่งตรงขั้นบันได บ้านดูใหญ่โต ลุงถามว่าเราจะไปไหน เราตอบว่าจะไปดูนาข้าวขั้นบันได ลุงบอกว่าเราเดินเลยมาไกล หากเดินย้อนกลับทางเดิมก็ไกลมาก ลุงชวนนั่งพักคุยโน่นคุยนี่ เมื่อถามว่าลุงเป็นเจ้าของบ้านหลังโตที่เรานั่งพักนี่หรือเปล่า ลุงตอบว่าใช่ (ได้ยินไม่ค่อยชัดเจน การพูดคุยสื่อสารไม่รู้ว่าตรงกันหรือเปล่า)
เราจะไปสายัณห์ เทอร์เรส ไปทางไหน มีคนบอกว่าเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุด ลุงชี้นิ้วไปในท้องทุ่ง บอกว่าเป็นทางลัด ผมดูยังไงก็ไม่เห็นว่ามันจะลัดไปได้ เรายืนงงๆ คิดจะเดินย้อนทางเดิมก็ไกลมาก ลุงบอกว่าจะเดินไปส่ง ให้เดินตามหลัง
เราดีใจที่ไม่ต้องกลับทางถนนที่แดดร้อน ตัดสินใจเดินก้าวตามหลังลุง เดินลุยข้ามคลอง กระโดดข้ามน้ำบังเอิญพลาด ลุงก็ยื่นมือมาดึงขึ้นช่วย เดินไปตามคันนา แล้วลื่น ลุงรีบปรี่เข้ามาช่วยจับมือไว้ไม่ให้ล้ม (อะไรจะดูแลกันดีขนาดนี้ ผมเริ่มนึกในใจว่า เมื่อถึงปลายทางจะต้องเลี้ยงน้ำส้มแกหน่อย หรือควรจะเอาเงินให้แก เอ…แต่ถ้าให้เงินมันจะสุภาพหรือเปล่า เผื่อแกมีน้ำใจช่วยเหลือ แบบชาวบ้านใจดี)
ตีนเปล่าของแกยังย่ำไปข้างหน้า ตัดทุ่งนาแล้วทุ่งนาเล่า ตอนนั่งพักเหนื่อย เราก็ปรึกษากันว่าควรจะให้เงินลุงดีไหม แกไม่น่าจะใช่ไกด์ ถ้าให้เงินจะเสียน้ำใจกันเปล่าๆ สรุปว่าควรจะเลี้ยงน้ำแกก็แล้วกัน
สุดท้ายเราก็ชะงักเท้าตรงประตูทางเข้า ที่นี่คือรีสอร์ทหรู หรูจนตัวเราเล็กลง ผมมองใบหน้าลุง มองเท้าเปลือยเปล่าที่ย่ำโคลนมาด้วยกัน ลุงยิ้มเห็นฟัน เมื่อเอ่ยปากชวนเข้าไปกินน้ำ ลุงตอบปฏิเสธ แล้วประโยคหนึ่งก็หลุดออกมา…
“ลุงจะกลับบ้าน จะไปซื้อนมให้หลาน หลานนอนรออยู่ ขอเงิน 20,000 รูเปียส” ลุงบอกกับเรา แต่เราไม่มีแบงก์ย่อย เธอก็เลยให้ไป 50,000 รูเปียส แต่ลุงยังยื่นมือมาขอเงินอีก ผมเริ่มงง จึงควักแบงก์ 20 บาทให้ บอกว่าเก็บไว้เป็นที่ระลึก ลุงยื่นมือออกมารับ
ผมบอกกับเธอว่าให้เงินไปก็ดีแล้ว แกจะได้หามอเตอร์ไซค์นั่งกลับบ้าน คิดเสียว่าแกเป็นเทวดาที่นั่งรอคนหลงทางอย่างเรา ช่วยเหลือเรามาทางลัด
สายัณห์ เทอร์เรสสวยจริงๆ ผมตกตะลึง มันคุ้มค่ากับการเดินเหนื่อยแสนเหนื่อยมาดู สวยเกินจะพรรณนา ยิ่งได้กินน้ำมะนาวผสมโซดา มองสระน้ำที่ยื่นออกไป มองลึกลงไปในทุ่งนาขั้นบันได
8
แท็กซี่มาส่งปากซอยกาเจ็ง เดินเข้ามาได้สักพักก็มีคนตะโกนทักทาย เป็นลุงคนที่เจอตอนหลงทางนั่นเอง แกมาได้ยังไง เร็วมาก หรือแกเป็นเทวดาจริงๆ จากกันที่สายัณห์ เทอร์เรส แล้วมาโผล่ที่ซอยกาเจ็ง ในเวลาห่างกันแป๊บเดียว ถือว่าไม่ธรรมดา แต่พอหันไปเห็นมอเตอร์ไซค์ที่แกขับมา จึงเข้าใจ
แกเดินเข้ามาแล้วบอกว่าเงิน 20 บาท แลกเป็นเงินรูเปียสไม่ได้ มันใช้ไม่ได้ว่างั้นเถอะ ขอเงินรูเปียสแทน แต่ความรู้สึกแรกที่ให้เงินแกไป ผมต้องการให้เป็นเงินที่ระลึก แกคงไม่เข้าใจ สุดท้ายผมก็ต้องเอาเงินให้ 20,000 รูเปียส
9
ผมนอนไม่หลับในอูบุด ฝันร้าย ฝันว่าวิ่งหนีผี ทางมืด มองเห็นแสวงสว่างนิดหน่อยที่ปลายอุโมงค์ ผมตัดสินใจเดินทางต่อไปเมืองอื่น…