การประมูล 4G ที่อังกฤษเพิ่งเสร็จสิ้นไป ตัวเลขรวมอยู่ที่ 2,300 ล้านปอนด์ หรือราว 104,900 ล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าที่กระทรวงการคลังประเมินไว้ราว 1 ใน 3
จากการเสนอราคามากกว่า 50 ครั้ง ในการประมูลช่วงคลื่น 250 MHz ที่แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ย่านความถี่ 800 MHz และ 2.6 GHz ก็ได้ผู้ชนะการประมูล 5 ราย จากทั้งหมด 7 ราย โดย 4 รายเป็นเจ้าของเครือข่ายโทรคมนาคม 4 เจ้าใหญ่ คือ Everything Everywhere: EE (เจ้าของ Orange และ T-Mobile), O2 (Telefónica UK), Vodafone และ 3 (Hutchison 3G UK) ซึ่งมีสัดส่วนผู้ใช้บริการเรียงตามลำดับ
ส่วนรายที่ 5 คือ Niche Spectrum Ventures (บริษัทในเครือ BT Group) แม้จะไม่มีเครือข่ายให้บริการมือถือ แต่จะใช้ช่วงคลื่นในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ประมูลไป 186 ล้านปอนด์
Vodafone ผู้ให้บริการที่มีลูกค้ามากเป็นอันดับ 3 ของอังกฤษ ประมูลช่วงคลื่นไปด้วยราคาสูงที่สุด คือ 791 ล้านปอนด์ ขณะที่ Everything Everywhere (EE) ที่มีผู้ใช้บริการกว่า 27 ล้านเลขหมาย ประมูลไปในราคา 589 ล้านปอนด์ ส่วน O2 และ 3 ประมูลไป 550 ล้านปอนด์ และ 225 ล้านปอนด์ ตามลำดับ
ผู้ให้บริการต้องจ่ายค่าประมูลทั้งสิ้น 2,300 ล้านปอนด์ ขณะที่ จอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังตั้งเป้าไว้ที่ 3,500 ล้านปอนด์ ถือว่าผลการประมูลต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 1,200 ล้านปอนด์ หรือราว 54,700 ล้านบาท
เอ็ด ริชาร์ดส์ ประธาน Ofcom หรือ กสทช. อังกฤษ ผู้จัดการประมูลแถลงปิดท้ายว่า ต่อไปการให้บริการ 4G จะครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ 3G เดิม ซึ่งประชากรร้อยละ 98 สามารถเข้าถึงได้อยู่แล้วภายในที่พัก และจากนี้แม้อยู่ที่ไหนในอังกฤษก็จะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 4G ได้ภายในสิ้นปี 2017
ที่มา: guardian.co.uk