เราคงเคยเชื่อว่าอาหารเช้าคือมื้อสำคัญที่สุดของวัน แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition ฉบับเดือนสิงหาคมตีพิมพ์หลายบทความที่จะทำให้ความเชื่อและประสบการณ์เกี่ยวกับมื้อเช้าของคุณสั่นคลอน เช่นเดียวกับบทความของเกรทเชน เรย์โนลด์ใน New York Times ที่นำเสนอว่า หรือมื้อเช้าอาจเป็นเพียงส่วนเกินในแต่ละวันไปแล้ว?
1. วิทยาศาสตร์บอกว่าเราไม่จำเป็นต้องกินมื้อเช้า
หลายคนเข้าใจมาตลอดว่าถ้าอยากน้ำหนักลด ควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งก็เป็นตรรกะที่ดูมีเหตุมีผล เพราะถ้าเรารู้สึกหิวก่อนที่จะถึงมื้อเที่ยง โอกาสที่เราจะรับประทานมื้อเที่ยงมากเกินจำเป็นจะมีมากขึ้น ขณะที่มีงานวิจัยยืนยันหนักแน่นว่า มื้อเช้าอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป
สมมุติฐานที่ตั้งขึ้นเพื่อพิสูจน์ความสำคัญของมื้อเช้าว่าช่วยในการลดน้ำหนักจริงหรือไม่ หรือคนไม่กินมื้อเช้ามีสิทธิ์อ้วนง่ายกว่าหรือเปล่า ทีมศึกษาจากมหาวิทยาลัยอลาบามาในเบอร์มิงแฮม (University of Alabama at Birmingham) สหรัฐ แบ่งอาสาสมัคร 300 รายที่ต้องการลดน้ำหนักออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่งดมื้อเช้า กับกลุ่มที่รับประทานอาหารครบ 3 มื้อ (ทั้ง 2 กลุ่มมีทั้งคนที่เดิมไม่รับประทานมื้อเช้าอยู่แล้ว และคนที่รับประทานอาหารครบ 3 มื้อตามปกติ ใน 2 กลุ่มจึงมีทั้งผู้ที่ต้องปรับเปลี่ยนวิถีการกินและคนที่ไม่ต้องทำอะไร)
4 เดือนต่อมา ทั้ง 2 กลุ่มกลับมาชั่งน้ำหนักในห้องปฏิบัติการอีกครั้ง พบว่าไม่ค่อยมีใครลดน้ำหนักได้มากนัก ส่วนใหญ่สามารถลดได้ไม่เกิน 1 ปอนด์ ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า ไม่ว่าจะงดมื้อเช้าหรือไม่ ก็ไม่ช่วยเรื่องการลดหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างชัดเจน
เอมิลี ธูรันธาร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอลาบามา หัวหน้าทีมศึกษา สรุปว่า มื้อเช้าเป็นเพียงอาหารอีกมื้อหนึ่ง จากผลการทดสอบพบว่า การข้ามมื้อเช้าไป ไม่มีผลทำให้คนมีน้ำหนักมากขึ้น
หรือในงานวิจัยของทีมจากมหาวิทยาลัยบาทธ์ (University of Bath) ในอังกฤษ ทดสอบกับอาสาสมัคร 33 ราย ซึ่งเคยมีสถิติตรวจสอบอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดมาแล้ว ด้วยการรับประทานมื้อเช้าตามปกติกับการงดมื้อเช้าเช่นกัน ผ่านไป 6 สัปดาห์ พบว่า ทั้ง 2 กลุ่มมีอัตราการเผาผลาญ ระดับคอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือดไม่ต่างจากก่อนทำการทดสอบ
ที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มที่รับประทานอาหารเช้ามักจะออกกำลังกายเบาๆ เพื่อเผาผลาญวันละ 500 แคลอรี เพราะการรับประทานอาหารเช้า ก็คือการรับแคลอรี่เพิ่ม 500 แคลอรีต่อวันนั่นเอง อาจจะตรงข้ามกับสิ่งที่เคยเชื่อกันมาว่า การงดมื้อเช้าจะยิ่งทำให้เรารับประทานมื้อเที่ยงและมื้อเย็นชนิดไม่บันยะบันยัง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือ สิ่งที่เราทำในตอนเช้าลดลงไปอย่างหนึ่งเท่านั้น
แม้การศึกษาที่กล่าวมาข้างต้นจะเป็นการศึกษาในระยะสั้น และใช้อาสาสมัครจำนวนจำกัด เราอาจต้องการการทดลองมากกว่านี้เพื่อจะเข้าใจผลของมื้อเช้าอย่างชัดเจน
จากงานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักน้อย เจมส์ เบ็ตต์ส ได้ข้อสรุปว่า ร่างกายของคนน้ำหนักมากจะเรียกร้องอาหารมากกว่าคนน้ำหนักน้อย นอกจากนี้ ส่วนตัวเบ็ตต์สเป็นคนไม่รับประทานอาหารเช้า ซึ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เขาตัดสินใจทำวิจัยเรื่องนี้เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานนี้
2. ซีเรียลไม่ใช่อาหารเช้ายอดนิยมอีกต่อไป
แม้จะยังเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายของชาวอเมริกันนับล้านต่อปี แต่ความนิยมรับประทานซีเรียลมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเมื่อ General Mills บรรษัทอาหารรายใหญ่ในสหรัฐ รายงานว่ายอดขายอาหารเช้าประเภทซีเรียลลดลงร้อยละ 25
รายงานจาก Euromonitor International บริษัทวิจัยตลาดในลอนดอนยืนยันว่ายอดจำหน่ายอาหารเช้าประเภทธัญพืชต่างๆ ลดลง 4,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2000 หรือจาก 13,900 ล้านเหลือ 10,000 ล้านดอลลาร์
3. สภาวะโลกร้อนเปลี่ยนอาหารเช้า
อาหารหลายอย่างกำลังถูกสภาวะโลกร้อนคุกคาม ตั้งแต่ผลผลิตส้มที่จะนำมาคั้นเป็นน้ำส้ม ไปจนถึงเนื้อหมูในไส้กรอกหรือเบคอน จนมีชื่อเรียกว่า ‘aporkalypse’ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมบอกว่าหลีกเลี่ยงได้ยาก
ขณะเดียวกัน ราคาเฮเซลนัทก็ถีบตัวสูงขึ้น กาแฟเองก็เป็นพืชที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน จนคาดว่าจะเกิดปัญหาปนเปื้อนยาฆ่าแมลงและมีสารเจือปนในกาแฟมากขึ้น
4. ราคาอาหารเช้าจะสูงขึ้น
เนื่องจากสภาวะโลกร้อนทำให้ผลผลิตมีปริมาณลดลง ราคาจึงถีบตัวสูงขึ้น แคลิฟอร์เนียกำลังเผชิญภัยแล้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ กระทรวงเกษตรสหรัฐ (U.S. Department of Agriculture: USDA) คาดว่าราคาเนื้อสัตว์จะสูงขึ้นร้อยละ 6 จากปัญหาขาดแคลนน้ำในเท็กซัส โอกลาโฮมา และแคลิฟอร์เนีย
แต่นอกจากความแห้งแล้งที่เกิดขึ้น ยังมีปัญหาโรคระบาดที่น่าเป็นห่วง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดโรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสในสุกร เป็นผลให้ลูกสุกรนับล้านในยุโรป รวมถึงที่ญี่ปุ่น เม็กซิโก และแคนาดาเสียชีวิต สำหรับสาเหตุของโรคระบาดในครั้งนี้ สำนักข่าว BBC รายงานว่า พบเชื้อไวรัสปนเปื้อนอยู่ในเลือดหมูแห้ง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของอาหารเสริมให้กับลูกหมูที่เพิ่งหย่านม
5. อาหารเช้าพัฒนาลง
แม้ว่าซีเรียลจะมีคนรับประทานน้อยลง แต่อุตสาหกรรมอาหารมองว่าอาหารโปรตีนสูงกำลังได้รับความนิยม ไข่ ชีส เนื้อไก่ เนื้อหมู และโยเกิร์ต บริษัทฟาสต์ฟู้ดพยายามแนะนำชุดอาหารเช้า อาทิ วาฟเฟิล โดนัทแซนด์วิช
The Guardian รายงานว่า อาหารเช้ากลายเป็นธุรกิจทำรายได้ให้กับเชนฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ในสหรัฐไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ระหว่างปี 2007-2012 อัตราการเติบโตทางธุรกิจของอาหารเช้าสูงถึงร้อยละ 90
นอกจากการรุกคืบเข้าแทนที่อาหารเช้าพื้นๆ ของบรรดาเชนฟาสต์ฟู้ดแล้ว อาหารเช้ายังเปิดช่องว่างให้อาหารผ่านกระบวนการที่หาซื้อได้ง่าย แต่อุดมด้วยน้ำตาลและไขมัน
General Mills ระบุชัดเจนในรายงานประจำปีว่า ขนมขบเคี้ยวเริ่มได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากแทบไม่ต้องใช้เวลาเตรียมเลย จึงสอดรับกับความรีบเร่งในช่วงเช้าที่ทุกคนต่างพุ่งตรงไปยังโรงเรียนและที่ทำงาน
ที่มา: alternet.org
nytimes.com
Author
