ผักและผลไม้คือสิ่งจำเป็น สารอาหารในผักและผลไม้อยู่ในรายการอาหารหลักห้าหมู่ ไม่ว่ายุคสมัยไหน ก็ยังมีคนไม่น้อยไม่ชอบกินผลไม้ ผักเขียวยิ่งแล้วใหญ่ เด็กบางคนถึงขั้นเบือนหน้าหนีน้ำตาซึม
นิสัยไม่ชอบกินผักและผลไม้อาจติดมาจนโตเป็นผู้ใหญ่ และหากคนเราบริโภคผักและผลไม้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นจะเกิดอะไรขึ้น
ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่การไม่กินผักผลไม้เป็นประจำทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง แต่งานวิจัยล่าสุดที่จะนำเสนอในการประชุม Nutrition 2019 ประจำปีของ American Society for Nutrition ระบุลงไปชัดกว่านั้นว่า คนจำนวน 2.8 ล้านคนเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งหมดนี้มีข้อมูลเชื่อมโยงไปถึงพฤติกรรมการกินที่ไม่สมดุล – ใช่ กินผักและผลไม้ไม่เพียงพอ
ย้อนดูข้อมูลในปี 2010 มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ 1.8 ล้านคนเพราะกินผลไม้น้อยเกินไป ขณะที่อีก 1 ล้านคนเสียชีวิตจากสาเหตุเดียวกันเพราะกินผักไม่เพียงพอ
“ผลไม้และผักเป็นส่วนประกอบของมื้ออาหารที่ส่งผลป้องกันการเสียชีวิตในคนทั่วโลก” วิคตอเรีย มิลเลอร์ (Victoria Miller) หัวหน้าทีมวิจัยด้านโภชนาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์โภชนาการฟรีดแมน (Friedman School of Nutrition Science and Policy) มหาวิทยาลัยทัฟต์ส (Tufts University) กล่าว
ทีมวิจัยใช้ข้อมูลจากปี 2010 เป็นพื้นฐานในการทำงาน ผลที่ออกมาคือ
- คนไม่ชอบกินผลไม้ 1.3 ล้านคนเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง และ 520,000 จากโรคหัวใจ
- คนไม่ชอบกินผัก 200,000 คนเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง และ 800,000 คนจากโรคหัวใจ
สำหรับงานวิจัย ทีมใช้คู่มือแนวทางโภชนาการและงานศึกษาความเสี่ยงต่อโรคหัวใจซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริโภค พบว่า
- ปริมาณที่เหมาะสมของการบริโภคผลไม้คือ 300 กรัมต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณแอปเปิลลูกเล็ก 2 ผล
- ปริมาณที่เหมาะสมของการบริโภคผักและพืชตระกูลถั่วคือ 400 กรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับแครอทประมาณ 3 ถ้วย
ตัวเลขอ้างอิงนี้มาจาก 113 ประเทศ หรือ 82 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โดยประเทศแถบเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และซับซาฮารา มีอัตราการบริโภคผลไม้ต่ำ มักป่วยด้วยโรคเกี่ยวข้องกับหลอดเลือดสมอง ประเทศในเอเชียกลางและโอเชียเนียบริโภคผักน้อย ทำให้มีอัตราการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่า
แผนที่ด้านล่างแสดงให้เห็นเปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด cardiovascular deaths (CVD) อ้างอิงจากภาวะการบริโภคผักและผลไม้ไม่เพียงพอในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
“การให้ความสำคัญกับสารอาหารทั่วโลกทุกวันนี้โดยปกติแล้วจะดูที่แคลอรี อาหารเสริมวิตามิน และการลดวัตถุปรุงแต่งเช่นน้ำตาลและเกลือ” แดเรียช โมซาฟฟาเรียน (Dariush Mozaffarian) คณบดีของสถาบันวิทยาศาสตร์โภชนาการฟรีดแมน หนึ่งในผู้ทำงานวิจัยกล่าว
“การค้นพบครั้งนี้ทำให้เห็นว่าความต้องการที่ต้องไปโฟกัสเรื่องการเพิ่มจำนวนให้เข้าถึงได้และการบริโภคการเข้าถึงอาหารป้องกันเช่นผลไม้ ผัก และพืชตะกูลถั่ว เรื่องนี้มาพร้อมกับความเป็นไปได้ที่จะทำให้สุขภาพโลก (global health) ดีขึ้น”
อ้างอิงข้อมูลจาก:
treehugger.com
สนับสนุนโดย