ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยุบ ศบค. เตรียมเข้าโหมดหาเสียงเลือกตั้ง

วันที่ 23 กันยายน 2565 ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งที่ 12/2565 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร และการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (คราวที่ 19) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2565 เป็นต้นไป สอดคล้องกันกับมติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2565 เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้ยกเลิกโควิด-19 จากการเป็นโรคติดต่ออันตราย และปรับให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ลำดับที่ 57 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 (มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป)

ที่ประชุม ศบค. เห็นว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในภาพรวมทั่วโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีแนวโน้มของผู้ป่วยรายใหม่และแนวโน้มของผู้เสียชีวิตลดลง สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถดำเนินชีวิต ขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคมเข้าสู่สภาวะปกติได้แล้ว เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากการฉีดวัดซีนครอบคลุมมากกว่า 82% ศบค. และ สธ. จึงเห็นควรว่าต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ประกาศใช้มาแล้วกว่า 911 วัน (ตั้งแต่ 26 มีนาคม 2563) แล้วใช้มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคแบบปกติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และมีผลให้ยุบ ศบค. ด้วยเช่นกัน

นั่นหมายความว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 มาตรการต่างๆ รวมถึงบรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือ ศบค. ที่อาศัยอำนาจจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาควบคุมโรคโควิดตลอด 2 ปีกว่าๆ อย่างเข้มงวดจะได้รับการผ่อนคลายจนหมด อาทิ

  • ยกเลิกการแสดงเอกสารวัคซีน หรือผลตรวจ ATK
  • ยกเลิกการสุ่มตรวจสอบบันทึกการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ โดยยังคงการเฝ้าระวังผู้เดินทางที่มีอาการป่วยของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่ออุบัติใหม่
  • ปรับมาตรการแยกกักสำหรับผู้ป่วยอาการน้อยหรือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการ ‘DMHT’ อย่างเคร่งครัด 5 วัน กล่าวคือ อยู่ห่างไว้ (Distancing) ใส่มาสก์กัน (Mask wearing) หมั่นล้างมือ (Hand washing) ตรวจให้ไว (Testing)
  • ให้ประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัยป้องกันตนเองเมื่อเข้าไปในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด หรืออากาศไม่ถ่ายเท โดยประเมินตามความเสี่ยง หากอยู่ในสถานการณ์ไม่เสี่ยงก็สามารถถอดหน้ากากได้ เช่น วิ่งในสวนสาธารณะหรือเว้นระยะห่างจากคนอื่นแล้ว
  • ให้ประชาชนทั่วไปตรวจ ATK เมื่อมีอาการเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ
  • แนะนำให้หน่วยงานและองค์กรต่างๆ คัดกรองอาการป่วยพนักงานเป็นประจำ

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ศบค. ได้ออกมาตรการ ‘ผ่อนคลาย’ มาแล้วหลายระลอก จากที่เคยเข้มงวดสูงสุดในระยะแรก อาทิ รวบอำนาจการบริหารจัดการสถานการณ์จากรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ มาไว้ในมือนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า ศบค. การสั่งปิดเมืองหรือล็อกดาวน์ การสั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่างๆ การประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกบ้านหรือเดินทางในเวลากลางคืน และโดยเฉพาะการห้ามทำกิจกรรมที่ต้องรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลฉวยใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นข้ออ้าง และใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับนี้เป็นเครื่องมือในการ ‘ปราบม็อบ’ หรือเพื่อข่มขู่ คุกคาม และดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ออกมาแสดงความไม่พอใจในนโยบายหรือการทำงานของรัฐบาลเสียมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีการระบุว่า การออกประกาศหรือคำสั่งตาม พ.ร.ก. นี้ ไม่สามารถถูกตรวจสอบหรือเพิกถอนจากศาลปกครองได้ และยังยกเว้นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน แม้อาจกระทบสิทธิของประชาชนมากเพียงใดก็ตาม

การยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศและการยุบ ศบค. จึงไม่เพียงส่งผลต่อมาตรการควบคุมโรค เช่น ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่ต้องแสดงประวัติการฉีดวัคซีนหรือแสดงผลตรวจ ATK แต่ยังทำให้การทำกิจกรรมรวมกลุ่มของประชาชนจำนวนมากเกิดขึ้นได้โดยไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย ไม่ว่านั่นจะเป็นการชุมนุมประท้วงการทำงานของรัฐบาล หรือจะเป็นการจัดเวทีปราศรัยขนาดใหญ่แล้วระดมคนจำนวนมากมาฟัง เพื่อหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะจัดขึ้นในเร็ววันนี้ สอดคล้องกับที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ร่างแผนการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 หากรัฐบาลอยู่ครบวาระ

อ้างอิง

Author

ปิยนันท์ จินา
หนุ่มใต้ที่ถูกกลืนกลายเป็นคนอีสาน โตมาพร้อมตัวละครมังงะญี่ปุ่น แต่เสียคนเพราะนักปรัชญาเยอรมันเคราเฟิ้มและนักประวัติศาสตร์ความคิดชาวฝรั่งเศสที่เสพ LSD มีหนังสือเป็นเพื่อนสนิท แต่พักหลังพยายามผูกมิตรกับมนุษย์จริงๆ ที่มีเลือด เนื้อ เหงื่อ และน้ำตา หล่อเลี้ยงชีวิตให้รอดด้วยน้ำสมุนไพรเพื่อคอยฟาดฟันกับอำนาจใดก็ตามที่กดขี่มนุษย์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า