สองคนสองคม: ‘โจ๊ก อัคนี’ ตกเก้าอี้ ‘ต่อ สายบุญ’ ผงาด ผบ.ตร. ไม่พลิกโผ จุดชนวน ‘ศึกสีกากี’ รอบใหม่

วงการ ‘สีกากี’ ต้องร้อนระอุอีกครั้ง จากปมการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ เพราะเส้นเรื่องการคัดเลือก ผบ.ตร. ก่อนคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะลงมติเคาะชื่อ กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวหักมุมเชือดเฉือนอย่างกับภาพยนตร์ตำรวจฮ่องกง ‘สองคนสองคม’ เพราะแคนดิเดต ผบ.ตร. คนใหม่มีชื่อนายตำรวจดัง 2 นาย จาก 4 นาย ที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน นั่นคือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ สู่ฉายาใหม่เพียงชั่วข้ามคืน ‘โจ๊ก อัคนี’ กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ ‘โรโบคอปสายบุญ’ ที่ลงสนามพร้อมชิงตำแหน่ง แทน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ

วันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธาน ก.ตร. เข้าประชุมนัดสำคัญเพื่อเคาะชื่อ ผบ.ตร. คนใหม่ จากเดิมที่จะมีการเลื่อนการพิจารณาออกไป แต่ทาง ก.ตร. มีความต้องการให้มีการเลือก ผบ.ตร. คนใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความยืดเยื้อและถูกสาธารณชนวิจารณ์ 

ผลการคัดเลือกปรากฏว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 2 จากที่ประชุม 12 เสียง โดยนายกรัฐมนตรีงดออกเสียงในฐานะประธานการประชุม ด้าน ‘มิสเตอร์คลีน’ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร. ออกเสียงไม่เห็นชอบ เพราะเห็นว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ นั่นคือ ความอาวุโส และความรู้ความสามารถ ส่วน ‘โจ๊ก อัคนี’ ไม่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ เพราะลาราชการ ขณะที่ พล.ต.อ.รอย อิงคโพโรจน์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับที่ 1 ที่รักษาราชการ ผบ.ตร. อยู่นี้ ก็ไม่ได้เข้าประชุมในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ดังนั้น การเลือก ‘ต่อ สายบุญ’ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่จึงไม่พลิกโผ แบบ ‘ชาวบ้านยังรู้เฉลย’ ตั้งแต่เห็นลิสต์รายชื่อแล้ว แต่ทุกสายตากลับจับจ้องไปที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่โดนบุกค้นบ้านก่อนการเลือก ผบ.ตร. เพียงไม่กี่วัน จากการที่ลูกน้องของตนเองเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ของเจ้าแม่วงการ ‘มินนี่’ นั่นเอง จนเป็นที่กล่าวขวัญว่า การบุกจับครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเลื่อยขาเก้าอี้หรือไม่

‘โจ๊ก อัคนี’ นายตำรวจดาวรุ่ง บนทางวิบาก 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล มีพื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดสงขลา ชื่อเล่น ‘โจ๊ก’ ปัจจุบันอายุ 53 ปี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 31 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 47 ทั้งยังดำรงตำแหน่งประธาน นรต. รุ่นที่ 47 เริ่มรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งรองสารวัตร 6 ปี ก่อนขึ้นเป็นสารวัตรอีก 4 ปี 8 เดือน ตามด้วยการขยับเป็นรองผู้กำกับการ 4 ปี จนได้ขึ้นเป็น พ.ต.อ. ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ และขยับไปนั่งที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ดูแลพื้นที่สีแดงที่มีเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในสงขลาที่มีพื้นที่ติดต่อกับสามจังหวัดชายแดนใต้ จน พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับสิทธินับอายุราชการแบบทวีคูณ ทำให้ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น ‘พล.ต.ต.’ ด้วยอายุไม่ถึง 45 ปี 

จากนั้นบิ๊กโจ๊กจึงเข้าสู่รั้วปทุมวัน ในฐานะผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ในขณะนั้น ทำหน้าที่ในการประสานกับฝ่ายการเมือง ทำให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จนสื่อมวลชนตั้งฉายาให้ว่า ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ เพราะท่าทีนอบน้อมอ่อนหวาน จนได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ในฝ่ายการเมือง กลายมาเป็นดาวรุ่งสีกากีในฉับพลัน และไม่นาน ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ ก็ย้ายไปเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว แสดงฝีไม้ลายมือจากผลงานการกวาดล้าง ‘ทัวร์ศูนย์เหรียญ’ ตามมาด้วยการติดยศ พล.ต.ท. ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในวัย 48 ปี ที่อายุน้อยที่สุดในวงการตำรวจ ทั้งยังโชว์ผลงานปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศอีกด้วย 

แต่แล้วโชคชะตาต้องพลิกผัน เมื่อ ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ โดนเตะตัดขาจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในขณะนั้นเด้งฟ้าผ่าจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ไปนั่งที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จะลงดาบด้วยมาตรา 44 เด้ง ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ ในวันที่ 9 เมษายน 2562 ไปนั่งตบยุงประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ตำรวจคนดังผู้นี้เงียบหายไปจากหน้าสื่อ 

ถัดมาไม่นาน ช่วงต้นปี 2563 มีข่าวบิ๊กโจ๊กถูกคนร้ายลอบยิง แต่โชคดีไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าว และหลังจากนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงได้ไปบวชที่ประเทศอินเดีย หนี ‘ศึกสีกากี’ อยู่พักใหญ่ โดยให้เหตุผลว่าบวชทดแทนคุณพ่อแม่ และกลับมาทำงานที่สำนักนายกฯ อีกครั้ง พร้อมยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ กรณีออกคำสั่งโยกย้ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ถูกศาลตีตกไป

จนในปี 2564 บิ๊กโจ๊กรีเทิร์นยังยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. แม้เต็มไปด้วยขวากหนาม แต่ก็สร้างผลงานจับกุมคดีใหญ่หลายคดี เช่น คดีแอม ไซยาไนด์ คดีอุ้มบุญ และล่าสุดคือ คดี ‘กำนันนก’ ซึ่งท้ายที่สุดคดีนี้ก็ถูกโอนจากมือไปยังกองปราบฯ แทน จนกระทั่งก่อนการเลือก ผบ.ตร. คนใหม่เพียง 2 วันเท่านั้น ตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) พร้อมหน่วยคอมมานโดบุกค้นเซฟเฮาส์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ด้วยเหตุสงสัยว่า ลูกน้องของเขาอาจมีส่วนพัวพันกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ จากกรณีนี้ทำให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มอบหมายให้ ‘ทนายกระดูกเหล็ก’ อนันต์ชัย ไชยเดช ยื่นร้องศาลให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาลในการขอออกหมายจับและการขอออกหมายค้นของชุดปฏิบัติการ และเป็นผู้เปลี่ยนฉายาให้บิ๊กโจ๊กใหม่เป็น ‘โจ๊ก อัคนี’ โดยเปรียบเหมือนเพลิงพร้อมแผดเผาวงการสีกากี ดังที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า

“ผมก็มีข้อมูล ถ้าเปิดมาเมื่อไรก็ตายกันหมด” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, 27 กันยายน 2566

ปัจจุบัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เหลืออายุราชการ 7 ปี ใช้เวลาในการไต่เต้าจากตำแหน่ง ‘ผู้กำกับการ’ ไปสู่ตำแหน่ง ‘รอง ผบ.ตร.’ ทั้งสิ้น 14 ปี มีอาวุโสอันดับ 2 รองจาก พล.ต.อ.รอย ที่มีอาวุโสสูงสุดโดยใช้เวลาถึง 21 ปี 

ในด้านครอบครัวนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา พานิชพงศ์ ผู้เป็นรักแรกพบ และเป็นลูกสาว ‘เฮียชา ฟลอริดา’ หรือ บัญชา พาณิชย์พงศ์ เศรษฐีธุรกิจขนส่ง บขส. หาดใหญ่-สงขลา ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบโต้ข้อกล่าวหาว่ามีเส้นทางการเงินจากเว็บพนันว่า จะไปเอาทำไม ในเมื่อเขาเองก็มีเงิน มีมรดกเป็นพันล้านจากพ่อตาแม่ยาย ซึ่งเป็นของภรรยา

เหนือ ‘โจ๊ก อัคนี’ ยังมี ‘ต่อ สายบุญ’

ในรอบ 6 ปีมานี้ ชื่อของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. คนที่ 14 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดดเด่นในหน้าสื่อเป็นอย่างมาก จากบุคลิกเป็นกันเองกับสื่อมวลชนของ ‘พี่ต่อ’ ทั้งยังเป็นตำรวจ ‘สายบุญ’ และ ‘สายมู’ เบอร์ต้นๆ ที่หาดูได้จากโซเชียลมีเดียของเขาผู้นี้ จนได้รับฉายาว่า ‘มือปราบสายธรรมะ โรโบคอปสายบุญ’ 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นน้องชายของ พล.อ.อ.สถิตพงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง จบการศึกษารัฐศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นับญาติชาวสิงห์แดงรุ่นที่ 38 หลังจบการศึกษาเข้าทำงานกับบริษัทนํ้ามันคาลเท็กซ์ 7 ปี จึงหันเหเข้าสู่เส้นทางดาวเงิน จากหลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 หรือ ‘นายร้อยอบรม’ และเริ่มรับราชการในปี 2540 ตอนอายุ 33 ปี ในตำแหน่งรองสารวัตรสายตรวจ 191 อยู่ 2 ปี และไปเติบโตที่กองปราบฯ ถึง 17 ปี ก่อนจะย้ายมาเป็นสารวัตรที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสารวัตรกองร้อยควบคุมฝูงชน 

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้ส่ง ‘ครูบาบุญชุ่ม’ เกจิล้านนากลับดอยเวียงแก้ว หลังมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ

เส้นทางในสายสีกากีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไต่เต้าอย่างพุ่งทยาน เมื่อเขาได้รับการ ‘ยกเว้น’ หลักเกณฑ์จาก ก.ตร. ในช่วงปี 2561 หรือ ‘ฟาสต์แทร็ค’ จนสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งรองผู้บังคับการกองปราบฯ และหน่วยคอมมานโดของกองปราบฯ ก่อนจะได้รับการยกสถานะเป็น ‘กองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ’ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904’ ซึ่งต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ‘ผู้บังคับการมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904’ และในปี 2563 เปลี่ยนชื่อเป็น ‘กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ’ ภายใต้การดูแลของกองบัญชาการสืบสวนกลาง (บช.ก.) ที่ในปัจจุบันมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เป็นผู้บัญชาการ ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็เคยดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนด้วย 

ความเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เขายังสร้างผลงานนำคอมมานโดกองปราบฯ บุกช่วยเหลือตัวประกันจากเหตุการณ์กราดยิง ‘เทอมินอล 21’ ที่โคราช และคดีพนันออนไลน์เครือข่ายมาเก๊า 888

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สมรสกับ นิภาพรรณ สุขวิมล ทั้งคู่ได้ชื่อว่าเป็น ‘สายบุญ’ เพราะเดินสายทำบุญทั่วประเทศ และจากคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียหลายครั้งที่ ‘ต่อ สายบุญ’ ได้แจกเงินให้ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ตั้งด่านอยู่เพื่อเอาเงินไปทานข้าวกัน

‘กุ๊กไก่’ นิภาพรรณ สุขวิมล ภรรยา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เดินสายมูที่วัดป่าแดด จังหวัดเชียงใหม่

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เหลืออายุราชการ 1 ปี อยู่ในลิสต์รายชื่อนายตำรวจอาวุโสที่จะได้รับการคัดเลือกให้เป็น ผบ.ตร. คนใหม่ในลำดับที่ 4 ด้วยระยะเวลาในการไต่เต้าจากตำแหน่ง ผกก. ถึง รอง ผบ.ตร. รวมระยะเวลา 6 ปี เพราะได้รับการยกเว้นในปี 2561 น้อยกว่าแคนดิเดตคนอื่นที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการขึ้นดำรงตำแหน่ง

ชาวบ้านรู้เฉลย ฝ่ายค้านตั้งคำถาม

จากการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่ ประชาชนทั่วไปอาจไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรนัก เหมือนกับว่ารู้เฉยตั้งแต่ต้นว่านี่คือ ‘ตั๋วแมมมอธ’ 

ด้าน รังสิมันต์ โรม สส. พรรคก้าวไกล ผู้เปิดโปง ‘ตั๋วช้าง’ ในวงการสีกากีมาตลอด ได้ลุกขึ้นตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ ถึงนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นหัวโต๊ะ ก.ตร. ถึงข้อข้องใจว่า นายกฯ ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการเคาะชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เพื่อขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่ เพราะหากใช้ระบบอาวุโสในการคัดเลือก ทำไมแคนดิเดตที่มีความอาวุโสในลำดับที่ 4 ถึงได้รับเลือกจาก ก.ตร. แต่กลับได้หนังสือตอบกลับจากนายกฯ ว่า ‘ไม่ว่าง’ 

อย่างไรก็ตาม หากนายกฯ ไม่ตอบคำถามนี้ จะทำให้สังคมตั้งคำถามได้ว่า นี่คือ ‘ตั๋วช้าง’ ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็จะถูกข้อครหาไปด้วย 

ก่อนหน้านี้ สส. โรม ได้เดินทางไปเลี้ยงส่งทนายอานนท์เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา โดยฝาก 4 ข้อ ถึงนายกฯ เศรษฐา ในการเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ ให้แสดงวิสัยทัศน์ก่อนเลือก ส่วนคำถามในการตรวจสอบเรื่องตั๋วช้างนั้น สส. โรม ระบุเพียงสั้นๆว่า “รอดูแล้วกันครับ”

ท้ายที่สุดแล้ว ประเด็นการแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ แม้จะสิ้นสุดกระบวนการไปแล้ว แต่ศึกภายในที่เชือดเฉือนแบบหนังสองคนสองคมก็ยังไม่จบสิ้น เพราะ ‘โจ๊ก อัคนี’ จะเอาจริงในการดำเนินคดีต่อบุคคลที่บุกรุกและกล่าวหาว่าพัวพันกับพนันออนไลน์ เพราะเชื่อว่านี่คือการกลั่นแกล้ง ทั้งยังได้แถลงข่าวประกาศกร้าวว่า จะมี ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ ในเร็ววันนี้ 

Author

ณัฏฐชัย ตันติราพันธ์
อดีตผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อดีต น.ศ. ป.โท ในประเทศอีเกียที่เรียนไม่จบ ผู้มีความหมกมุ่นหลายอย่าง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า