สถานทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย ได้ออกคำเตือนพลเมืองของตัวเองที่จะเดินทางเข้ามาทำงานที่ประเทศไทย ให้ระมัดระวังว่าอาจถูกหลอกลวงให้ไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศต่างๆ ที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย ท้ายที่สุดอาจตกเป็นเหยื่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่บังคับให้ก่อคดีหลอกลวงทางไซเบอร์
ภายหลังจากที่ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการถูกชักจูงไปทำงานในประเทศเหล่านี้ มีชาวอินเดียอีกหลายรายถูกบังคับให้ไปทำงานหลอกลวงฉ้อโกงผู้อื่น ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจะถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย
ในประกาศคำเตือนของสถานทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาระบุว่า จำนวนคดีการค้ามนุษย์พลเมืองอินเดีย ที่ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์และการฉ้อโกงมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งประเทศที่พลเมืองชาวอินเดียถูกหลอกไปนั้นมีพรมแดนติดกับประเทศไทยทั้งสิ้น และมีกระบวนการที่เหยื่อจะถูกนำตัวข้ามพรมแดนจากประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายไปยังสถานที่ต่างๆ อันเป็นที่ตั้งของแก๊งอาชญากรรม ทางสถานทูตอินเดียยังระบุอีกว่า พลเมืองที่ถูกหลอกไปจะถูกบังคับให้ทำงานภายใต้สภาพที่ไร้มนุษยธรรม ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณ
นอกจากนี้ยังมีรายงานกรณีการรับสมัครประชาชนสัญชาติอินเดียทั้งทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและเอเจนต์จากรัฐต่างๆ ในอินเดียและในต่างประเทศด้วย โดยเหยื่อจะถูกล่อลวงด้วยข้อเสนอการจ้างงานที่น่าสนใจ ดูคุ้มค่า จากบริษัทไอทีและบริษัทการลงทุนที่ไม่มีอยู่จริงในประเทศไทย และเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงประเทศไทยก็จะถูกขบวนการค้ามนุษย์ส่งตัวข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการฟรีวีซ่าที่รัฐบาลไทยประกาศยกเว้นวีซ่าให้กับชาวอินเดียนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น ไม่อนุญาตให้มีการจ้างงานประเภทใดทั้งสิ้น ทางสถานทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย จึงแนะนำให้พลเมืองอินเดียระมัดระวังอย่างมากสำหรับการพิจารณาข้อเสนอการจ้างงานในประเทศไทย โดยจะต้องตรวจสอบข้อมูลของตัวแทนจัดหางานและข้อมูลของบริษัทนั้นๆ อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำงานในประเทศไทย นอกจากนี้ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งหมายรวมถึงการขอวีซ่าให้ตรงกับวัตถุประสงค์ด้วย
ข้อมูลนี้อาจสนับสนุนข้อค้นพบจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) ที่ได้ศึกษาและสำรวจเกี่ยวกับการหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารสมัยใหม่ ซึ่งพบว่าคน Gen Y ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพผ่านอินเทอร์เน็ตมากที่สุด ในปี 2565 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 จากสถิติล่าสุดในรายงาน ‘การสำรวจสถานการณ์การถูกหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ ปี 2566’ ของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน (Centre for Gambling Studies) คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพบว่า Gen Y ถูกหลอกลวงมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 76.9 โดยลักษณะการหลอกลวงที่ใช้ข้อเสนอเรื่องผลประโยชน์จากการทำงาน เป็นกลยุทธ์ที่ดึงดูดความสนใจคนวัยทำงานได้มากกว่าคนวัยอื่นๆ
ที่มา:
- Advisory for Indian citizens seeking employment in Thailand
- Advisory_Embassy of India in Bangkok
- สูงวัยหลบไป Gen Y ครองแชมป์ถูกหลอก แม้รู้ทันคอลเซนเตอร์ แต่ไม่วายตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพมากที่สุด