หนึ่งปีหลังวันที่ 13
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฝรั่งเศสเกิดขึ้นเมื่อปี 2015
ตั้งแต่การกราดยิงที่สำนักงานหนังสือพิมพ์เสียดสี Charlie Hebdo ในช่วงต้นปี จนถึงเหตุเขย่าขวัญครั้งใหญ่เมื่อคืนวันที่ 13 พฤศจิกายน 2015 เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายและการกราดและจับตัวประกัน ในแซง-เดอนี ทางทิศเหนือของปารีส ไม่ไกลจากสนามสตาดเดอฟรองส์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 130 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 200 ราย
ผลพวงหลังการก่อการร้าย
ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา หลายความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในฝรั่งเศส การโจมตีทั้งสองกรณีทำให้กระแสความหวาดกลัวการก่อการร้ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งรัฐอิสลาม IS ที่สำคัญคือ สังคมฝรั่งเศสแสดงท่าทีไม่ไว้วางใจชาวมุสลิมอย่างเปิดเผยมากขึ้น
หลายปีก่อน ฝรั่งเศสห้ามสตรีมุสลิมคลุมหน้าในที่สาธารณะ หลังเกิดเหตุสลดครั้งใหญ่ บวกกับจำนวนผู้อพยพที่เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความหวาดกลัวอิสลาม (Islamophobia) หรือกลัวการทำให้เป็นรัฐอิสลาม (Islamisation) ยิ่งขยายวงมากขึ้นในสังคมฝรั่งเศส ทางการเริ่มออกกฎควบคุมชาวมุสลิมหลายอย่าง ด้วยเหตุผลความปลอดภัย ความสบายใจของประชาชนทั่วไป และด้านความมั่นคงของชาติ
แม้แต่เรื่องเล็กน้อย เช่น ห้ามชุดว่ายน้ำแบบมุสลิม หรือเบอร์กินี ก็ยังมีโทษเป็นค่าปรับ และล่าสุดมีการขอคืนพื้นที่ค่ายผู้อพยพบริเวณเมืองกาเลส์ (Calais) แถบช่องแคบโดเวอร์ ค่ายที่ผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายหลายพันคนเข้ามายึดเป็นที่พักอาศัย เพื่อหาทางเดินทางข้ามไปยังอังกฤษ
ความหวาดกลัวเหล่านี้ส่งผลให้เกิดกระแสตีกลับไปยังผู้นำฝรั่งเศส ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออล็องด์ จากพรรคสังคมนิยมฝรั่งเศส (Socialist Party: PS) ว่าไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของประชาชนได้ ทั้งด้านมาตรการความมั่นคง นโยบายต่างประเทศ และนโยบายที่ผูกพันกับ EU ทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมได้รับเสียงสนับสนุนจากชนชั้นกลางมากขึ้น
แนวร่วมฝ่ายขวา
หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสหรัฐ และได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันมีนโยบายสุดโต่งที่เรียกได้ว่าเป็น far-right ทั้งโลกเป็นกังวลเรื่องนี้ แต่ผู้นำและนักการเมืองระดับนำจากฟากยุโรปต่างส่งข้อความแสดงความดีใจไปยังว่าที่ประธานาธิดีทรัมป์กันมากมาย
มารีน เลอ แปน คือหนึ่งในนั้น นักการเมืองหญิงฝรั่งเศสจากพรรค National Front (FN) ประกาศว่า “นี่คือการปฏิวัติทางการเมือง” และ โดนัลด์ ทรัมป์ “ทำสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้”
หลังผลประชามติ BREXIT ส่งผลให้สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจาก EU หลายชาติส่งสัญญาณแสดงความต้องการอยากแยกตัวออกจาก EU ฝรั่งเศสกำลังอยู่ในกระแสนี้ ประธานาธิบดีออล็องด์ จากพรรคสังคมนิยม สูญเสียความไว้วางใจและคะแนนนิยมจากประชาชน เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและผู้อพยพได้ ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายขวาของฝรั่งเศสกำลังสร้างความนิยมขึ้นมา
การเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2015 พรรค PS สูญเสียตำแหน่งไปหลายที่นั่งให้กับพรรคสหภาพขบวนการประชาชน (Union for a Popular Movement: UMP) ของอดีตประธานาธิบดีนิโกลา ซาโกซี รวมถึงพรรคขวาจัด แนวหน้าแห่งชาติ (National Front: FN) ซึ่งนำโดย มารีน เลอ แปน ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเป้าหมายข้างหน้าที่การเลือกตั้งในปี 2017
Marine 2017
ไม่ต่างจากแคมเปญของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ว่า “Make America Great Again” จะทำให้อเมริกากลับมาเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง” เมื่อ เลอ แปน กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า “The time of the nation state is back!” และ “The time of borders” เพื่อกักกันผู้อพยพและผู้ลี้ภัยให้อยู่แต่ในค่าย
เนื่องจากแนวคิดของพรรคการเมืองฝ่ายขวาในยุโรปต้องการแยกตัวจาก EU เลอแปน ยกย่องผลประชามติ BREXIT เธอบอกว่า EU กำลังบังคับให้ฝรั่งเศสรับผู้อพยพและความหลากหลายทางเชื้อชาติ ซึ่งเธอเสนอว่า จะปกป้องอัตลักษณ์ของฝรั่งเศสและฟื้นคืนความเป็นชาติกลับมา ไม่ยอมรับผู้อพยพ ต่อต้าน EU เน้นพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ โดยจะไม่ตัดงบประมาณไปรองรับรายจ่ายด้านผู้อพยพ เพื่อลดจำนวนของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่เดินทางเข้ามาสู่ฝรั่งเศสเป็นจำนวนมาก
เลอ แปน มองว่า โลกกำลังอยู่ในทิศทางที่ถูกที่ควร หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี และอังกฤษออกจาก EU แสดงให้เห็นว่าประชาชนผู้รักชาติกำลังอยู่ในกระแสสูง เช่นเดียวกับ NATO ที่ทำให้ฝรั่งเศสต้องเชื่อฟังและเป็นเครื่องมือให้อเมริกา
“หลังจากทรัมป์เป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ และ Brexit มีผลบังคับใช้ นักวิเคราะห์ทั้งหลายคงได้เวลาสงบเสงี่ยมเจียมตัว เพราะตอนนี้โลกตาสว่างแล้ว”
ห้าปีที่ผ่านมา จากพรรคที่ไม่เคยมีที่นั่งในสภา ตอนนี้ผู้ว่าการท้องถิ่นหลายคนมาจากพรรค FN โดยฐานคะแนนที่เพิ่มขึ้นมาจากพนักงานรัฐในสายการศึกษา โรงพยาบาล ตำรวจ และเจ็ดเดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี โพลหลายสำนักคาดว่า เลอ แปน ผู้ประกาศตัวเป็นตัวแทนพรรค FN กำลังมาแรง
พรรคแนวหน้าแห่งชาติ (National Front: FN) ก่อตั้งในปี 1972 จากอดีตสมาชิกนาซีและรัฐฝรั่งเศสวีชี (Vichy France-รัฐฝรั่งเศสที่สนับสนุนนาซี) ปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของ มารีน เลอ แปน ซึ่งเข้ามาแทนที่บิดา ฌอง-มารี เลอ แปน เมื่อปี 2011
มารีน เลอ แปน ประกาศตัวว่า จะลงสนามการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2017
“มันชัดเจนว่า ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ คือหินก้อนสำคัญสำหรับการสร้างโลกใหม่ที่ถูกกำหนดว่าจะมาแทนโลกใบเดิม”
ถ้าปี 2017 ฝรั่งเศสมีผู้นำหญิงชื่อ มารีน เลอ แปน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council) มีสมาชิกถาวรห้าประเทศ ‘Big Five’ คือ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย อังกฤษ และสหรัฐ
และผู้นำจากห้าประเทศนี้คือ สี จิ้น ผิง, มารีน เลอ แปน, วลาดิเมียร์ ปูติน, เทเรซา เมย์ และ โดนัลด์ ทรัมป์
อนาคตจึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง
อ้างอิงข้อมูลจาก:
politico.eu
europetouch.in.th
nytimes.com
theguardian.com
prachatai.com