‘การเดินทาง’ และ ‘เพศสัมพันธ์’ ทำให้มนุษยชาติเผชิญหน้ากับโรคระบาด ทฤษฎีที่ว่าโคลัมบัสและลูกเรือได้นำโรคซิฟิลิสเดินทางจากอเมริกาไปสู่สเปนในปี ค.ศ. 1492 หลังจากนั้นไม่นานมันได้แพร่ระบาดไปทั่วทวีปยุโรป การท่องเที่ยวของซิฟิลิสเกี่ยวข้องกับการเดินทางของมนุษย์
ปี ค.ศ. 1494 ทหารจำนวน 50,000 ถูกส่งไปยังเทือกเขาแอลป์โดยพระเจ้าชาร์ลสที่ 8 แห่งฝรั่งเศส (Charles VIII) เมื่อไปถึงที่นั่นกองทหารผู้แข็งแกร่งถูกเล่นงานโดยกองทัพซิฟิลิส ชายฉกรรจ์ล้มป่วยจนพิการ บ้างก็สติไม่สมประกอบ พวกเขาพาร่างกายไม่สมประกอบกลับประเทศฝรั่งเศส และพาอาคันตุกะผู้ไม่ได้รับเชิญกลับมาด้วย ระหว่างปี ค.ศ. 1495 ถึง1496 มีรายงานจำนวนผู้เป็นโรคซิฟิลิสหลายประเทศในยุโรปจากอังกฤษไปยังฮังการี และทั่วประเทศเยอรมนีและรัสเซีย
โสเภณีแห่งเมืองอัมสเตอร์ดัมกำลังจะกลายเป็นความทรงจำ
นักวิชาการเพศศึกษา เอียน ยีโอแมน (Ian Yeoman) และ ศาสตราจารย์บริหารธุรกิจ มิเชล มาร์ส (Michelle Mars) แห่ง Victoria University of Wellington ของนิวซีแลนด์ จึงนำเอาทั้งการเดินทาง กามโรค และเทคโนโลยีการประดิษฐ์หุ่นยนต์มาวิเคราะห์ และได้เลือกเมืองอัมสเตอร์ดัมเพื่อทำการคาดการณ์ภาพอนาคต (scenario) ว่า ภายในปี 2050 ย่านค้าประเวณีในเมืองแห่งนี้จะมีธุรกิจให้บริการทางเพศแก่นักท่องเที่ยวด้วยหุ่นยนต์แอนดรอยด์
อัมสเตอร์ดัมมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางเพศของโลก ในระหว่างยุคกลาง โสเภณีแห่งเมืองอัมสเตอร์ดัมไม่ได้ถูกศาสนจักรแปะป้ายเป็นของต้องห้าม การค้าประเวณีในเมืองอัมสเตอร์ดัมได้รับการยอมรับและถูกประกาศอย่างถูกกฎหมายของสภาเทศบาลเมืองในปี ค.ศ. 1413 ก่อนที่นายทหารของพระเจ้าชาร์ลสที่ 8 แห่งฝรั่งเศสจะรู้จักความโหดร้ายของซิฟิลิสเสียอีก
ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ กามโรค และผลทางเศรษฐกิจในย่านค้าประเวณีของอัมสเตอร์ดัมในอนาคต ยั่วยวนใจให้ เอียน และ มิเชล มาร์ส ทำการศึกษา และเขียนรายงานการวิจัยเรื่อง ‘Robots, Men And Sex Tourism’ ตีพิมพ์ใน The Journal Futures
พวกเขาเขียนอนาคตด้วยข้อมูลและศักยภาพของเทคโนโลยีที่โลกมีอยู่ในวันนี้ไว้ว่า ในปี ค.ศ. 2050 ย่านค้าประเวณีในเมืองอัมสเตอร์ดัม หญิงขายบริการจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ทางเพศหรือที่พวกเขาเรียกว่า ‘Sexbots’
นักท่องเที่ยวทางเพศจะจ่ายเงิน 10,000 ยูโรเข้าถึงการให้บริการตั้งแต่นวดสปา คู่เดท คู่เที่ยว ยันคู่นอนบนเตียง นักเที่ยวสามารถเลือกหุ่นยนต์หมายเลขต่างๆ ”ผู้เป็นทั้งราชินีแห่งการร่วมรัก และเทพธิดาของแต่ละชาติพันธุ์อันหลากหลาย พวกเธอเพรียบพร้อมด้วยคุณสมบัติทางเพศ”
แม้ข้อสนับสนุนอุตสาหกรรม ‘Sexbots’ ในรายงานชิ้นนี้จะแสนประหลาด แต่ก็น่าใคร่ครวญตามอย่างยิ่ง ข้อดีข้อแรกของการซื้อบริการทางเพศจากหุ่นยนต์คือปลอดโรค รายงานชิ้นนี้บอกว่า ช่องคลอดของ Sexbots ทุกนางผลิตจากใยต้านเชื้อแบคทีเรียและของเหลวจากร่ายกายมนุษย์จะถูกชะล้างออกไปอย่างสะอาด รับประกันความเสี่ยงในการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ – บ่ต้องยั่น
โบนัสข้อที่สองคือการที่นักเที่ยวสามารถสนุกสนานได้อย่างปลอดโปล่งโล่งใจในกรณีที่พวกเขามีคู่สมรสรอมื้อค่ำที่บ้าน การมีเพศสัมพันธ์กับหุ่นยนต์จะทำให้คุณไม่รู้สึกผิดต่อคู่สมรสจริงหรือ? มันเป็นข้ออ้างที่น่าสงสัยอยู่ แน่ละว่าหุ่นยนต์ไม่ใช่มนุษย์ แต่พวกเธอก็ถูกผลิตโดยเลียนแบบสาวเอเชีย สาวยุโรปซึ่งตอบสนองจินตนาการและความทะเยอทะยานทางเพศของคุณ ซึ่งภรรยาที่บ้านอาจมีคุณสมบัติตรงข้าม แต่อย่างไรก็ตามรายงานชิ้นนี้ได้ย้ำเตือนนักเที่ยว Sexbots ไว้ว่า
“คุณต้องระวังรอยลิปสติกจากเรียวปากหุ่นยนต์บนปกเสื้อของคุณ และทำอย่างไรค่าใช้จ่ายสำหรับ Sexbots จะอันตรธานหายไปจากใบแจ้งยอดบัตรเครดิต”
ข้อดีข้อที่สามและอาจจะดึงดูดนักสิทธิมนุษยชนที่สุด คืออุตสาหกรรม Sexbots จะขจัดการค้าทางเพศและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในธุรกิจค้ามนุษย์
การค้ามนุษย์จะหมดไป?
ลองจินตนาการตาม 2 นักวิจัยแห่งนิวซีแลนด์ ในปี 2050 ธุรกิจทางเพศในอัมสเตอร์ดัมคงเต็มไปด้วยนักเที่ยว นักเดินทาง เพื่อลิ้มลองรสกระสันแปลกใหม่ ซึ่งการันตีด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น แน่นอนว่าโคลัมบัสยุคใหม่จะไม่เป็นพาหะนำโรคจากอัมสเตอร์ดัมกลับไปยังแมดริด ลอนดอน กรุงโซล ปังกิ่ง หรือแม้แต่กรุงเทพฯ เพราะเส้นใยต้านแบคทีเรียของพวกหล่อน แต่สำหรับ 2 กรณีหลัง ทั้งการไม่รู้สึกผิดต่อคู่สมรสและการขจัดการค้ามนุษย์นั้น อาจจะมีแง่มุมให้ถกเถียงมากกว่ากรณีซิฟิลิสแห่งศตวรรษที่ 21
ทั้ง เอียน ยีโอแมน และ มิเชล มาร์ส มองเห็นแง่งามของ Sexbots ในการช่วยหยุดวงจรอุบาทว์ของการค้ามนุษย์ เม็ดเงินนับพันล้านดอลลาร์ที่หมุนเวียนในการเคลื่อนย้ายทาสทางเพศทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มทั่วโลกจะปลาสนาการหายไป การทรมานร่างกายของผู้หญิงที่ถูกขายมาเป็นโสเภณีเช่นการผ่าตัดขยายเต้านมให้ใหญ่ขึ้นก็จะถูกปฏิรูปด้วย Sexbots เพราะนักแสวงหาทางเพศทั่วโลกจะสั่งซื้อ Sexbots ที่ตรงตามสเปคเหมือนสั่งอาหารตามสั่ง ไม่ว่าจะสาวแก่แม่หม้าย หรือสาวแส้แร่รวยก็ตาม
ผู้ออกมาโต้แย้งประเด็นที่รายงานดังกล่าวบอกว่าการค้ามนุษย์จะหมดไปนั้น มองว่าความหมายของการค้ามนุษย์ไม่ได้จำกัดอยู่ในธุรกิจทางเพศ แล้วแรงงานในประเทศด้อยพัฒนาล่ะ? ซึ่งเป็นข้อถกเถียงที่ออกนอกขอบเขตพื้นที่ของอุตสาหกรรมทางเพศไปหน่อย
ข้อโต้แย้งที่อาจจะฟังแล้วตรงเป้าขึ้นมาหน่อยก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า Sexbots มีราคาค่อนข้างแพง แม้แต่ตุ๊กตายางที่ทำจากซิลิโคนมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6,000 เหรียญ แต่ถ้าตุ๊กตายางที่มีการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เพื่ออรรถรสทางเพศ ราคาจะเพิ่มไปที่ 20,000 เหรียญ และหากหุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยีสูงกว่าราคาก็จะแพงกว่าขึ้นไป ข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าก็คือการค้ามนุษย์น่าจะมีราคาที่ถูกกว่าและแพร่หลายกว่ามาก มันอาศัยแค่ช่องโหว่ทางกฎหมาย และความอำมหิตของมนุษย์ หาใช่เทคโนโลยีราคาแพง
ดิฉันไม่ถือสาคุณหรอกค่ะ ถ้านางนั่นเป็นหุ่นยนต์
ความเห็นของคนที่ไม่เชื่อในการเข้ามาแทนที่มนุษย์ของ Sexbots อธิบายว่า ความปรารถนาทางเพศของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องซับซ้อน เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดปลีกย่อยและเฉพาะเจาะจงมากๆ หากเศรษฐีคนหนึ่งอยากหลับนอนกับสาวรัสเซีย ซึ่งนอกจากรูปร่าง สีผิว สีผม ที่บ่งว่าหล่อนเป็นหญิงรัสเซียแล้ว เศรษฐีผู้นั้นย่อมหวังได้ยลยินทั้งเสียงครวญคราง อาการดีดดิ้น กิริยาหยาบเถื่อนบ้างเล็กน้อย (หรือมากมาย) ลักษณะอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้เกิดความพึงใจ พวกเขามองว่า Sexbots ทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น
ในกรณีเดียวกัน หากคุณต้องการเห็นแววตระหนกน้อยๆ ความหื่นกระหายหน่อยๆ หรือแม้แต่ความรักซาบซึ้งในแววตาของคู่นอน พวกเขายิ่งเชื่อว่าหุ่นยนต์ไม่สามารถส่งความรู้สึกผ่านออกมาจากแววตาของหล่อนได้
มิลาน คุนเดอรา นักเขียนนวนิยายชาวเชก อธิบายความสลับซับซ้อนของมนุษย์ผ่านการร่วมรักของตัวละคร ไว้อย่างเพริศแพร้วและเจ็บปวดว่า ชั่วขณะที่ฟรานซ์สอดลึกเข้าไปในกายซาบินา เขาจะหลับตาพริ้ม สำหรับฟรานซ์ “ความบรรเจิดที่ซาบซ่านทั่วสรรพางค์เพรียกหาความมืด” เพราะฟรานซ์มองว่าความมืดนั้นบริสุทธิ์ ไร้ความครุ่นคิด ไร้นิมิตภาพ
แต่สำหรับชู้รักของเขา ซาบินาเห็นเขาน่าชัง สำหรับเธอ “มันหมายถึงการไม่ปลงใจกับสิ่งที่เห็น เป็นการปฏิเสธสิ่งที่เห็น เป็นการไม่ยอมมองดู”
อย่าบอกนะว่าคุณไปหานางนั่นมาอีกแล้ว!
การพัฒนาหุ่นรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นมีโครงสร้างของกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น นอกจากลักษณะทางกายภาพที่ชวนขนลุกแล้ว หุ่นยนต์เหล่านี้มีศักยภาพเหมือนมนุษย์ ทั้งปฏิกิริยาการตอบสนอง การมีปฏิสัมพันธ์ และซอฟท์แวร์จดจำใบหน้ามนุษย์ที่ฝังอยู่ในสมองของพวกมัน…เอ่อ ของพวกเขา
ซึ่งหมายความว่าหุ่นยนต์ไม่เพียงแต่รู้จักหรือจดจำใครสักคนได้ แต่สามารถเข้าถึงหน่วยความจำ ซึ่งรวมถึงความชอบหรือไม่ชอบของบุคคลตรงหน้าได้ด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ เทคโนโลยีกำลังจะเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจที่เราเคยมีต่อเรื่องเซ็กส์ไปหรือไม่ เหมือนที่เซ็กส์ทอยเคยเปลี่ยนแปลงความเข้าใจเรื่องเซ็กส์มาแล้วครั้งหนึ่ง
เราเคยมีคำอธิบายถึงเรื่องเพศในศตวรรษที่ 18 ว่าเรื่องเพศถูกทำให้เป็นเรื่องของความอดกลั้นซึ่งนำไปสู่การควบคุมทางสังคม ซึ่งกิจกรรมบนเตียงที่เหมาะสมก็คือเพศสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส แต่การบริโภคในระบอบประชาธิปไตยเสรีก็ทลายกำแพงแห่งความอดกลั้นนั้นลง เมื่ออินเทอร์เน็ตคือประตูเปิดเข้าไปสู่ข้อมูลความรู้เรื่องเซ็กส์ รวมถึงเครื่องสั่นหรือเซ็กส์ทอยทั้งหลาย ซึ่งมันได้ช่วยปลดปล่อยผู้หญิงออกจากการไปไม่ถึงจุดสุดยอด
สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาในสังคมก่อนหน้า ผู้หญิงสมัยปัจจุบันสามารถมีเซ็กส์และถึงจุดสุดยอดกับเครื่องสั่นได้โดยไม่แยแสวิถีแห่งการสอดใส่อันเคร่งครัดในสังคมวิคตอเรียน
ในกรณีที่ Sexbots เป็นเพศชาย พวกเขาย่อมถูกป้อนโปรแกรมการเล้าโลมที่เที่ยงตรงกว่ามนุษย์เพศชายจริงๆ ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางอารมณ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ เอียน ยีโอแมน และ มิเชล มาร์ส ผู้เขียนรายงานชิ้นนี้มั่นใจว่า “มันต้องได้รับความนิยมในวงกว้าง”
เมื่อพฤติกรรมทางเพศเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย มันก็เป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีจะค่อยๆ ทำให้หุ่นยนต์มีกระบวนทัศน์เหมือนมนุษย์มากขึ้น และเมื่อถึงวันนั้นคุณคิดว่าเราจะมีทัศนคติอย่างไรกับคู่นอนที่อาจจะเป็นหุ่นยนต์
ความรู้และความเข้าใจเรื่องเพศของมนุษย์เคลื่อนเปลี่ยนมาตลอด ผู้หญิงสามารถอภิปรายการได้ขึ้นไปมองท้องฟ้าสีครามบนยอดเขาแห่งการถึงจุดสุดยอดก็ไม่ได้อึกอักอีกต่อไป
ทุกวันนี้ผู้หญิงและผู้ชายมีความรู้เรื่องเพศที่ดีขึ้นและมีความหลากหลายทางเพศที่ไม่จำกัดเฉพาะคู่หญิงชาย และเรื่องเพศก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกควบคุมอย่างอึดอัดเหมือนอดีต
ตั้งแต่เพลโตอธิบายว่าความรักคือความพยายามที่จะมีชีวิตเป็นอมตะของมนุษย์ แต่ข้อจำกัดของมนุษย์คือชีวิตที่ต้องตาย ความเป็นอมตะจึงถูกสร้างขึ้นด้วยการสมรสและเกิดลูก เพื่อภาพของผู้เป็นพ่อและแม่จะประทับในความทรงจำของลูกสืบไป กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่หวังผลในกรอบคริสต์ศาสนาเป็นเรื่องบาป หรือการสอดใส่เท่านั้นที่แสดงถึงความเป็น ‘ปกติจิต’ กระทั่งกรอบคิดเรื่องเพศผ่อนคลายลงจนมันไม่ต่างจากความปรารถนาอย่างเดียวกับการอยากรับประทานอาหารรสแปลกๆ ของมนุษย์ เรื่องเพศถูกอธิบายด้วยกรอบคิดเดียวกับการพักผ่อน
เมื่อถึงวันที่มนุษย์ร่วมรักกับหุ่นยนต์โสเภณีมาถึง ความหมายเรื่องเพศและทัศนคติที่เรามีต่อหุ่นยนต์คู่นอนอาจเปลี่ยนอีกครั้ง และเมื่อคุณกลับมาถึงบ้านกลางดึก ภรรยาสุดที่รักอาจนั่งรอในความมืด กล่าวกับคุณด้วยเสียงราบเรียบเหมือนสภาพทะเลก่อนมีมรสุม
“อย่าบอกนะว่าคุณไปหานางนั่นมาอีกแล้ว”
หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร WAY ฉบับที่ 65