Ambrosia บริษัท Startup จากแคลิฟอร์เนีย ได้เสนอบริการใหม่ นำคุณสู่ความเยาว์วัย ด้วยการให้เลือดคนหนุ่มสาวไปวิ่งวุ่นอยู่ในร่างกาย เท่านี้คุณก็จะปลอดจากโรคภัยตามวัยชรา – นี่มันตำนานแวมไพร์ หรือ อลิซาเบ็ธ บาโธรี ผู้อาบเลือดสาวบริสุทธิ์เพื่อความเป็นอมตะชัดๆ
Ambrosia ตั้งชื่อตามอาหารของเทพปกรณัมกรีกผู้เป็นอมตะ บริการที่คลินิกเอกชนแห่งนี้นำเสนอคือ การให้พลาสมา (น้ำเลือดที่ไม่มีเม็ดเลือด) ของคนหนุ่มสาวอายุ 16-25 กับคนวัยผู้ใหญ่และวัยชรา Ambrosia อ้างว่า วิธีนี้จะพาคุณย้อนวัย ทำให้ร่างกายฟื้นตัวแข็งแรง ต้านทานโรคที่มาพร้อมๆ กับความเสื่อมของสังขาร
แต่…การเข้าถึงกระบวนการที่ว่าต้องเสียค่าใช้จ่าย 8,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับพลาสม่า 2 ลิตร ซึ่ง เจสซี คาร์มาซิน ผู้ก่อตั้ง Ambrosia ตั้งเป้าว่าจะหาผู้มีอายุเกิน 35 ปีมาร่วมรับเลือด 600 คน และตอนนี้มีหลายคนที่ ‘ยอมจ่าย’ ได้ผ่านการรับเลือดไปแล้ว
สำหรับ 8,000 ดอลลาร์ คาร์มาซินบอกว่า ค่าใช้จ่ายนี้ครอบคลุมกระบวนการทางการแพทย์ ค่าห้องแล็บ และค่าพลาสมา โดยก่อนและหลังการให้เลือด ผู้ป่วยจะผ่านการตรวจเลือดหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (biomarkers) เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ชีวภาพ ในระดับโมเลกุล ที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับพลาสมาใหม่เข้าไป
คาร์มาซินวัย 32 มีดีกรีแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เคยฝึกงานกับ National Institute on Aging (NIA) เขาได้แรงบันดาลใจจากการทดลองที่มีชื่อมากว่า 150 ปี คือ การผ่าตัดเชื่อมหนูสองตัวติดกัน (parabiosis: ภาษากรีก para-ติดกัน bio-ชีวิต) ที่อ้างว่า เมื่อใช้ระบบเลือดร่วมกัน หนูแก่รับเลือดจากหนูเด็กกว่า จะเกิดกระบวนการย้อนวัย
คาร์มาซินทำโปรเจ็คท์นี้ร่วมกับ เดวิด ซี. ไรท์ แพทย์วัย 66 ปี – ปี 2015 ไรท์ถูกคาดโทษจากคณะกรรมการแพทย์แคลิฟอร์เนีย (California Medical Board) เนื่องจากฉีดยาปฏิชีวนะให้กับคนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องรับยา จนคนไข้ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน คาร์มาซินเปิดเผยว่า ปลายปีที่ผ่านมา ไรท์ได้ฉีด ‘Young Blood’ เข้าเส้นเลือดผู้ป่วย 25 คน ผลที่ได้ช่างน่าอัศจรรย์ เช่น ผู้มีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง (chronic fatigue syndrome) กลับมีชีวิตชีวา และ “ดูอ่อนเยาว์ขึ้น” คาร์มาซินยืนยัน
แน่นอนว่า Ambrosia ถูกคนในวงการวิทยาศาสตร์อัดเละ เป็นต้นว่า เป็นการทดลองที่ไม่มีตัวควบคุม ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีใครยืนยันว่าได้ผล อาจเป็นเพียง placebo effect ที่สร้างความตื่นเต้นให้สังคม นี่คือ ‘การทดลอง’ ไม่ใช่การให้บริการรักษาคนไข้ ตลอดจนเงินที่คาร์มาซินเรียกเก็บจากผู้เข้าร่วม 600 คน รวมแล้วคือ 4.8 ล้านดอลลาร์ – นี่คือความเจ้าเล่ห์หลอกลวง?
ตามมาด้วยคำถามใหญ่คือ ความเสี่ยงและจริยธรรมทางการแพทย์ เพราะการให้เลือดคือวิธีการช่วยชีวิตโดยใช้เลือดผู้อื่น การให้และรับเลือดสุ่มสี่สุ่มห้าอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น แพ้ ลมพิษ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ…
อย่างไรก็ตาม ทศวรรษที่ผ่านมา การรักษาโรคโดยใช้เลือดจากผู้คนหนุ่มสาวถูกพูดถึงในวงกว้าง เช่น ปี 2013 ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ค้นพบวิธีที่อาจใช้รักษาอาการหัวใจล้มเหลวในคนแก่ โดยใช้สารโปรตีน GDF-11 ที่พบในเลือดของหนูทดลองอายุน้อยเข้าไปกระตุ้นให้หัวใจของหนูทดลองตัวที่แก่กว่าให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โทนี วิสส์-โคเรย์ เปิดเผยผลการทดลองการรักษาอัลไซเมอร์ในปี 2014 ว่า เมื่อให้เลือดหนูเด็กกับหนูที่แก่กว่า 10 ครั้ง ระบบประสาทของหนูแก่เติบโต ระบบความจำมีพัฒนาการ วิสส์-โคเรย์ เปิดบริษัทเล็กๆ Alkahest ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากมหาเศรษฐีฮ่องกง เพื่อทำการทดลองถ่ายพลาสมาจากคนหนุ่มสาวให้คนแก่เพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์
Alkahest ต่างจาก Ambrosia ตรงที่ไม่ได้เก็บเงินผู้เข้าร่วม และต้องการอาสาสมัครแค่ 18 คน ซึ่ง วิสส์-โคเรย์ เองก็กังวลว่า Ambrosia ใช้เงินจากผู้ป่วยที่มาเข้าร่วมเป็นทุนการทดลอง “คนที่มาเชื่อว่าเลือดที่เขาจะได้รับจะทำให้ย้อนวัยได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่มีหลักฐานว่ามันใช้ได้กับมนุษย์ และเราก็ยังไม่เข้าใจว่า กลไกอะไรที่ทำให้หนูดูเด็กลงได้” วิสส์-โคเรย์ ทิ้งท้ายว่า “คิดว่าคนพวกนี้คงหลงเชื่อเพราะเรื่องเล่าเกี่ยวกับแวมไพร์มากกว่า”
อ้างอิงข้อมูลจาก: newser.com
technologyreview.com
businessinsider.com
voathai.com
Author
