ประเด็นคำถามของ มารีญา พูลเลิศลาภ ที่ได้รับบนเวที Miss Universe น่าสนใจพอๆ กับการเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายของการประกวดสาวงามระดับโลก แม้ท้ายสุดมงกุฏจะไม่ได้สวมให้กับสาวงามจากแผ่นดินไทย แต่คำถามที่ออกจากปาก สตีฟ ฮาร์วีย์ ยังคงรบกวนสติปัญญาของเราตั้งแต่เช้า
คำตอบของมารีญาอาจถูกใจหรือชวนให้หลายคนหงุดหงิด แต่อย่างว่า คำถามไม่ง่ายเลย หลายคนส่งเสียงผ่านโซเชียลมีเดียว่ามันควรจะเป็นหัวข้อ Thesis มากกว่าคำถามบนเวทีนางงาม
ด้วยเหตุนี้เราหยิบคำถามเดียวกันแจกจ่ายไปยังสุภาพสตรีหลายท่าน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาได้เปรียบมารีญาเพราะมีเวลาไตร่ตรองร่วมชั่วโมง รวมทั้งมีโอกาสตอบคำถามมากกว่า 30 วินาที แต่หากพิเคราะห์โดยตัดเงื่อนไขของเวลาออกไปแล้วเราควรตอบคำถามนี้อย่างไร นี่คือเสียงจากล่างเวทีที่ไม่มีมงกุฏมอบให้
“คุณคิดว่าอะไรคือ Social Movement ที่สำคัญที่สุดในยุคของคุณ และเพราะอะไร?”
อิมเมจ – สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ / ศิลปิน
เรื่องความเท่าเทียมของทุกเ พศสภาพและเชื้อชาติ รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งสำคัญท ี่สุดในยุคเราละ มันเป็นการก้าวข้าม barrier ของการตัดสินกันโดยปัจจัยภา ยนอก เพราะทุกชีวิตควรจะเท่าเทีย ม เพราะทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน
ธนิสรา เรืองเดช / กองบรรณาธิการ The Matter
ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ
จริงๆ เราว่าการเกิดขึ้นของ social movement ที่หลากหลายในยุคสมัยนี้นี่ แหละ เป็น social movement ที่สำคัญ เพราะมันเหมือนกับว่าเรากำล ังเข้าสู่ยุคที่คนแบบ… ไม่ไหวละ ขอลุกขึ้นมาพูดมาทำอะไรเองล ะ
แต่ถ้าให้คิดเร็วๆ สำหรับเรานะ LGBT Pride นี่น่าจะเป็น movement ที่ค่อนข้างอิมแพ็คกับคนทั่ วโลกเลย ไม่ว่าคุณจะเป็นหนึ่งใน LGBT หรือไม่ แต่คนเราก็ต้องอยู่ร่วมกันไ ง มันเป็นเรื่องของการสร้างคว ามเข้าใจกัน การหาวิธีสื่อสารกัน ซึ่งเรามองว่ามันเป็นเบสิกท ี่นำไปสู่การสร้างสรรค์ ประนีประนอม หรือแก้ปัญหาอื่นๆ หลายอย่างได้เลย (นางงามไหม?)
เอาง่ายๆ ก็คือเราว่า movement นี้ทำให้คนมองเห็นความเป็นค น และให้เกียรติการตัดสินใจขอ งคนอื่นมากขึ้น มองข้ามไปแล้วว่าเขาเป็นเพศ อะไร แต่มองว่าเขาเป็นคนคนหนึ่งเ หมือนกัน
ขอบคุณค่ะ (ไหว้ย่อ)
ลลิตา หาญวงษ์ / อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
social movement ในเจนเนอเรชั่นของดิฉันที่ค ิดว่าน่าจดจำที่สุดคือการลุ กฮือขึ้นของประชาชนในตะวันอ อกกลาง เพื่อประท้วงต่อต้านผู้นำเผ ด็จการที่ปกครองประเทศของพว กเขามายาวนานหลายสิบปี รู้จักกันในนามกระแส Arab Spring ที่มองว่าเหตุการณ์นี้สำคัญ เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงเหต ุการณ์ แต่ยังมอบแรงบันดาลใจให้กับ คนตัวเล็กตัวน้อยให้ออกมาปก ป้องสิทธิของตัวเอง และทำให้พวกเขารู้ว่าเผด็จก ารอำนาจนิยมไม่ใช่เรื่องไกล ตัว แรงกระเพื่อมจากโลกอาหรับยั งทำให้ผู้นำเผด็จการจากหลาย ๆ แห่งทั่วโลกประเมินพลังของป ระชาชนสูงขึ้น เลยมองว่าผลกระทบที่มัน long-lasting ของ Arab Spring นี่ล่ะมันสุดๆ จริงๆ
จีน – พุธิตา ชัยอนันต์ / นักกิจกรรม
ประเด็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง ในยุคสมัยนี้คือ ประเด็นปัญหาความรุนแรง สงคราม สันติภาพและการละเมิดสิทธิม นุษชน ดังนั้นขบวนการเคลื่อนไหวทา งสังคมที่สำคัญและน่าสนใจใน ยุคนี้ก็เช่น เครือข่ายสิทธิมนุษยชนในซีเ รียที่เรียกร้องให้มีการยุต ิสงครามกลางเมืองในซีเรีย ,ขบวนการ Anti-Islamophobia ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา , ขบวนการ Umbrella Revolution ที่นำโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ฮ่อ งกง หรือกลุ่มเคลื่อนไหวในเรื่อ งความหลากหลายและสิทธิความเ ท่าเทียมกันทางเพศ เช่น The LGBTQ Movemen ซึ่งเป็นขบวนการเคลื่อนไหวท างสังคมแบบใหม่ (new social movement )ที่สอดคล้องกับยุคสมัย และสุดท้ายใกล้ตัวเราที่สุด ก็คือ ขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้อง ประชาธิปไตยในประเทศไทย
เน็ตติ้ง – จารุวรรณ สุพลไร่ / กษตรกรนักเดินทาง
คิดว่าการเคลื่อนไหวทางสังคมเกษตรกรรมยั่งยืนที่ขับเคลื่อนโดยคนรุ่นใหม่ คือเรื่องที่สำคัญที่สุดในยุคนี้นะ เราจะขอยกตัวอย่างจากโปรเจ็คท์ที่ตัวเองทำร่วมกับเพื่อนเกษตรกรรุ่นใหม่ในอีสานตอนล่าง เราคือกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มเล็กๆ ที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำและกลับบ้านมาทำเกษตรอินทรีย์ เราไม่ได้กลับบ้านมาปลูกผักปลอดสารให้ครอบครัวเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดและอยู่ได้ แต่เราลุกขึ้นมารวมตัวกัน เพื่อร่วมกันเปลี่ยน ร่วมกันสร้างสรรค์ให้ชุมชนน่าอยู่ และทำกันแบบหลากมิติ เช่น การจัดค่ายเกษตรแบบพึ่งพาตัวเองให้เด็กๆ เพื่อหนุนเสริมทางเลือกด้านการศึกษา การเปิดตลาดอาหารปลอดภัยในชุมชน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในชุมชน การมีสุขภาพดีของคนในชุมชน การจัดงานวัฒนธรรมอีสานให้คนในชุมคนได้มาเจอกัน คนแก่ได้มีพื้นที่พูดคุยกับคนรุ่นใหม่ เป็นต้น
คนรุ่นใหม่ในเครือข่ายเรามา จากหลากหลายพื้นที่ ทั้งจากฐานเมืองและฐานชนบท ถึงแม้เราจะทำงานบนฐานชุมชน แต่เราก็ทำงานเชื่อมกับเพื่ อนๆ เครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ทั ้งสี่ภาคในประเทศไทย และรวมทั้งเครือข่ายเกษตรรุ ่นใหม่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ด้วย เราแลกเปลี่ยนมุมมองความคิด ความรู้ทางเทคนิคด้านเพาะปล ูก แลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ ร่วมกันแก้ปัญหา วิเคราะห์ และกำหนดอนาคตร่วมกัน
สำหรับเราแล้ว การทำงานด้าน social movement มันต้องมองให้เห็นภาพปัญหาใ หญ่ของสังคมที่เกิดขึ้นตอนน ี้ และในขณะเดียวกันก็ร่วมกันม องหา solution และ ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่คนรุ่นนี้จะช่วยผลักเพื่ อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางส ังคมในระยะยาวในอนาคต การทำงานเพื่อตอบโจทย์ social movement มันต้องมองกันในระยะยาว มองให้เห็นความยั่งยืน ไม่ได้มองแค่ประเด็นเดียว แล้วไม่เชื่อมโยงกับมิติอื่ นๆ ในสังคม ไม่ใช่แค่เป็นโปรเจ็คท์สองส ามปีแล้วจบ และกับบางอย่างบางเรื่องต้อ งทำกันทั้งชีวิต… สังคมฐานเกษตรกรรมยั่งยืนคื อคำตอบ และคนรุ่นใหม่คือคนของอนาคต พวกเรามีพลัง พลังที่จะ ‘เปลี่ยนอนาคต’ ที่เราอยากเห็นในช่วงชีวิตน ี้
ดร.ชนกพร พัวพัฒนกุล / อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
social movement ที่สำคัญในมุมมองของเรา คือการที่คนรุ่นใหม่ใช้สื่อ สังคมออนไลน์เป็นช่องทางในก ารวิพากษ์และตั้ง ‘คำถาม’ กับสถาบัน ระบบ และโครงสร้างทางสังคมต่างๆ ที่มัน ‘ไม่โอเค’ และเอื้อให้เกิดความไม่เท่า เทียมกันในมิติต่างๆ กันมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนมันก็มีนะ แต่อาจจะจำกัดอยู่ในวงนักคิ ด นักเขียน หรือในธีสีสบางเล่มที่อยู่บ นหิ้ง
ในหลายที่ของโลก การตั้งคำถามนี้อาจนำไปสู่ก ารเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธ รรม เช่น การแก้ไขกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงนโยบาย การเลือกผู้นำประเทศ แต่ในกรณีของประเทศไทย อย่างน้อยมันก็ทำให้บางเรื่ องกลายเป็น ‘กระแส’ ขึ้นมา หรือทำให้สิ่งที่คนเคยยอมรั บโดยไม่ตั้งคำถาม (take it for granted) กลายเป็นประเด็นที่มีคนสนใจ และหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันไ ด้ ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัว อย่างสถาบันครอบครัว ความเป็นหญิง ความเป็นชาย และการ bully กัน ไปจนถึงเรื่องที่ใหญ่กว่านั ้นอย่างศาสนา การเมือง การปกครอง
โอเค! ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีวุฒิ ภาวะพอที่จะคุยเรื่องพวกนี้ กันโดยปราศจาก hatespeech หรือตรรกะวิบัติได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยการมีพื้นที่ให ้ตั้งคำถามและมีคนกล้าถาม พอถามแล้วมีคนได้ยิน และนำไปขบคิดใคร่ครวญต่อ (บ้าง) สำหรับเรามันกลายเป็นแบบฝึก หัดให้คนรู้จักยับยั้งชั่งใ จ รู้จักมี Political Correctness มากขึ้นเยอะถ้าเทียบกับสมัย ก่อน ในฐานะที่เป็นครูก็รู้สึกว่ าเป็น movement ที่ท้าทายนะ ทำอย่างไรจะให้เด็กๆ ยังสนุกกับการตั้งคำถามและห าคำตอบซึ่งมักจะไม่ได้มี ‘คำตอบ’ เพียงหนึ่งเดียวเสียด้วย
มนทกานติ รังสิพราหมณกุล
ก่อนเรื่องอื่นๆ และส่วนตัวคิดว่าน่าจะสำคัญ เหมือนกัน ก็คือขอกลับไปที่คำถาม การเจาะจงว่า เจนเนอเรชั่น ‘ของคุณ’ นี่ไม่น่าจะเป็นตัวเลือกสำห รับการตั้งคำถามแบบนี้ คือถึงโลกทุกวันนี้มันจะยัง เละๆ ถึงเละมากอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ที่จริงมันคือโลกเดียวแล ้ว ไม่ว่าจะมีคนที่ยังพยายามปฏ ิเสธแข็งขันดิ้นรนแค่ไหน เน็ตเวิร์คก็ได้ทำการเชื่อม โยงทุกสิ่งเข้าหากันอยู่ทุก วันโดยมองข้ามการปฏิเสธนั้น ไปเฉย เปิดพื้นที่ให้คนจำนวนมากเข ้าไป -อย่างน้อยที่สุด – มีบทบาทแสดงความคิดเห็นในที ่ที่ไม่เคยแตะถึงมาก่อน
ยกตัวอย่าง คนสามัญธรรมดาอย่างเราก็ออก ความคิดเห็นได้เลยระหว่างกา รไลฟ์ประชุมหรือแถลงสำคัญๆ ระดับชาติ ระดับโลก จะมีคนสนใจความเห็นของเราหร ือเปล่า หรือจะมาไล่ลบความเห็นเราหร ือเปล่านั่นเรื่องหนึ่ง สิ่งสำคัญคือเราได้แสดงมันอ อกไปแล้ว บอร์เดอร์มันสลายหมดจด ตั้งแต่เรื่องเฉพาะตัวของทุ กคนอย่างเรื่องเพศ เรื่องวัย เรื่องชนชั้นทางสังคม ความเชื่อ อาชีพ เชื้อชาติ สีผิว เวลาพูดถึง social movement มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเคล ื่อนเฉพาะเจนไหนเจนหนึ่ง มันไปของมันทั้งหมดอัตโนมัต ิ ต่อให้คุณไม่เดิน คุณก็ต้องไหลไปกับคลื่นคนใน ที่สุด จะยืนตัวแข็งอยู่ได้นานเท่า ไหร่
ทีนี้มาถึงคำถาม เกี่ยวเนื่องกันเลย ก็ในเมื่อโลกมันเป็นแบบนี้ และมันไม่อาจจะกลับไปเป็นอย ่างเก่าได้อีกแล้ว เวลาที่เราคุ้นชินกับพื้นที ่กว้างเชื่อมโยงแบบนั้น มันไม่ได้แค่ตื่นตาตื่นใจหร ือสะดวกสบายกับการที่มันนำเ สนอแทบจะทุกอย่างมาให้เรา เพราะพร้อมๆ กันนั้นมันเปลี่ยนข้างในตัว เราทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้วด ้วย มนุษย์เปลี่ยนไปแล้วตลอดกาล movement สำคัญที่สุดตอนนี้จึงหนีไม่ พ้นการขับเคลื่อนให้เป็นจริ งมากที่สุดของสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคของทุกอย่างที่เ ราว่ามา เพศ วัย ชนชั้นทางสังคม ความเชื่อ อาชีพ เชื้อชาติ สีผิว – ก็ใช่ มันอาจจะฟังดูอุดมคติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มันยัง เละเทะ แต่ – ข่าวดีจ้ะที่รัก มันไม่ใช่ทางเลือก มันเป็น A-MUST
วาสนา ลำดี / นักสื่อสารแรงงาน
ในมุมมองคิดว่าประเด็นด้านส ิทธิความไม่เป็นธรรมทางสังค ม ไม่ว่าจะเป็นสิทธิความเท่าเ ทียมด้านกฎหมาย การใช้กฎหมายในการกระทำต่อป ระชาชน หากเรามองไปรอบข้างจะเห็นปร ะเด็นความไม่เป็นธรรมอยู่ทั ่วไป ซึ่งการเคลื่อนไหวทางสังคมต ่อประเด็นที่ดินที่อยู่อาศั ยที่ทำกิน ประเด็นสิทธิแรงงาน ประเด็นเด็กและสตรี การกระทำในเชิงนโยบายที่เอื ้อต่อระบบทุนจนไม่ได้สนใจคว ามเป็นมนุษย์ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากขึ้น เกิดช่องแห่งความยากจน ภาพของคนไร้บ้านที่เพิ่มขึ้ นในโลกใบนี้ การว่างงานภายใต้ระบบทุนนิย ม ตลาดการค้าเสรี ไม่เห็นหัวคนจน
นโยบายรัฐที่เอื้อต่อทุนจนสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากขึ้น ทั้งปัญหาแรงงาน ปัญหาที่ทำกิน ปัญหาด้านการศึกษา ปัญหาการละเมิดสิทธิทางเพศ สีผิว และศาสนา การขับเคลื่อนสังคมผ่านการต่อสู้เรียกร้อง เรื่องระบบประกันสังคมในขบวนแรงงาน นักศึกษา ภาคประชาสังคม ที่ชุมนุมเรียกร้องเพื่อให้เกิดสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ช่วงนั้นถือว่าเป็นขบวนการขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ของแรงงานและรัฐบาล ที่ประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เป็นสวัสดิการพื้นฐานทางสังคมให้กับคนทำงาน การชุมนุมครั้งนั้น ที่เป็นการอดข้าวประท้วงของผู้ใช้แรงงานและนักศึกษา อาจนำมาซึ่งสิทธิประกันสังคม นำมาสู่การเคลื่อนไหวในประเด็นลาคลอด 90 วัน ในช่วงปี 2537-2539 ซึ่งการต่อสู้ของกลุ่มหญิงและชายเพื่อให้แรงงานหรือคนทำงานที่เป็นผู้หญิงได้ลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรให้ได้รับน้ำนมที่มีคุณค่าอย่างน้อย 90 วัน การขับเคลื่อนครั้งนี้ทำให้สังคมเกิดบรรทัดฐานอย่างเท่าเทียมกันในการลาคลอด ไม่ว่าจะเป็นแรงงานในระบบราชการ และรัฐวิสาหกิจ
กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ / นักวิชาการอิสระ
การเคลื่อนไหวของคนตัวเล็กต ัวน้อยในสังคมไทยเพื่อเรียก ร้องสิทธิอันพึงจะได้รับในป ระเทศตัวเองค่ะ (คิดว่าเราต่างตัวเล็กเพราะ ภาคประชาชนอย่างเรามีสิทธิจ ำกัดจำเขี่ยเหลือเกินในประเ ทศนี้) ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาวบ้าน กลุ่มเรียกร้องเสรีภาพทางคว ามคิดต่างๆ หรือกลุ่มนักเรียนที่เริ่มอ อกมาเรียกร้องให้เกิดการเปล ี่ยนแปลงต่างๆ ในระบบการศึกษา และที่คิดว่าการเคลื่อนไหวเ หล่านี้สำคัญ เพราะว่าบรรยากาศอันอึมครึม ทางสังคมในปัจจุบันของบ้านเ รา และวัฒนธรรมอำนาจนิยมที่ยัง ทรงพลังอยู่นั้น ชวนให้ชินชาและด้านชากับบรร ยากาศที่สิทธิของเราถูกลิดร อนลง แต่ยังดีที่มีกลุ่มคนเหล่าน ี้คอยส่งเสียงเตือนอยู่เสมอ ว่า อย่าเพิ่งชินชากับสถานการณ์ เหล่านี้ค่ะ
ตอบไม่ยาวมาก เวลานางงามมีน้อย
วิรดา แซ่ลิ่ม / Multimedia Journalist
คิดว่าคือการชุมนุมของกลุ่ม เสื้อเหลือง-เสื้อแดง โดยมองความสำคัญของเหตุการณ ์นี้ว่ามันคือช่วงเวลาที่ยั งพอมีพื้นที่ให้ประชาชนกลุ่ มต่างๆ ในสังคมได้แสดงออกถึงความเช ื่อ และความต้องการที่แตกต่างกั น คิดว่าตอนนั้นมันคือช่วงเวล าที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมทา งการเมือง ในการจะบอกว่าแต่ละคนคิดว่า ประเทศควรจะเดินไปในทิศทางไ หน ไม่ว่าแรงจูงใจหรือที่มาของ ความเชื่อของคุณจะคืออะไรก็ ตาม
จำได้ว่ายังเรียนหนังสืออยู ่ ส่วนตัวยังเสียดายมาถึงทุกว ันนี้ ย้อนกลับไปตอนนั้นเรายังไม่ มีสายตาที่จะมองเห็นความสำค ัญของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น รู้ตัวอีกทีเราก็เดินมาถึงจ ุดที่พื้นที่แบบนั้นมันหายไ ปแล้ว หายไปพร้อมกับสิทธิในการแสด งออก จนตอนนี้ถ้าเราอยากจะขับเคล ื่อนประเด็นอะไรที่เป็นความ ต้องการของเราในฐานะประชาชน ให้ไปถึงระดับนโยบาย ไม่รู้ต้องทำยังไง ต้องทำคลิปไวรัลให้ถึง 70 ล้านวิว? แล้วถ้าวันหนึ่งเขาห้ามแท็ก เพื่อนในเฟซบุ๊คเกิน 5 คนด้วยล่ะ?
แต่ถ้าได้ตอบคำถามนี้จริงๆ บนเวทีประกวดนางงาม เขาให้ตอบแบบนี้ได้ไหมอะ?
ฝ้ายคำ หาญณรงค์ / ผู้ประสานงานคณะทำงานโลกเย็นท ี่เป็นธรรม
มันคือขบวนการ Climate Justice ซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการที่ค่อ นข้างกว้าง ไม่ได้มีแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก การเคลื่อนไหวนี้ประกอบด้วย องค์ประกอบสองส่วนหลักๆ คือกลุ่มคนที่ aware เรื่อง climate change และกลุ่มคนที่ aware เรื่อง justice พอมารวมกันเราคิดว่ามันสำคั ญในแง่ที่ว่า เรื่อง climate change มันเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชา ติ ซึ่งประเด็นนี้เป็นโจทย์บังคับให้ค นทั้งโลกต้องคิดใหม่ในเรื่อ งการใช้ชีวิต ตั้งแต่ระบบการผลิตสิ่งของจ นถึงการใช้พลังงาน
การพบกันระหว่างผู้คนที่ตระ หนักเรื่อง climate change และ justice ทำให้การมองปัญหานี้ไม่ติดอ ยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น คนที่ตระหนักเรื่อง climate change ก็มองไปไกลว่าเทคโนโลยี เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งการแก้ปัญหานั้นเกี่ ยวข้องกับความเป็นธรรมด้วย
ตัวอย่างก็คือ กลุ่มคนที่เป็นชาวเกาะ ไม่ได้มีสิทธิมีเสียงบนเวที โลก คนจน คนที่มีรายได้น้อย คนที่มีปัญหาเมื่ออากาศร้อน ขึ้นแต่ไม่มีปัญญาติดแอร์ ชุมชนคนผิวสีข้างโรงกลั่นน้ ำมันที่แคลิฟอร์เนีย ชาวนาที่บ้านอยู่ข้างเหมือง ถ่านหินที่อินโดนีเซีย ชาวบ้านข้างเหมืองทองที่จัง หวัดเลย ชนเผ่าอินเดียนที่ท่อ Keystone XL จะตัดผ่าน ชาวประมงข้างโรงไฟฟ้าถ่านหิ น หรือคนเมืองที่กังวลเรื่องป ัญหาพลาสติกล้นทะเล กลุ่มคนพวกนี้เมื่อเกิดผลกร ะทบเรื่องโลกร้อน พวกเขาจะเจอปัญหามากที่สุด แต่คนที่ปรับตัวได้มากที่สุ ดคือคนมีเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ใช้พลังง านมากที่สุดเช่นกัน
เราเลยคิดว่า Climate Justice Movement มันเป็นการเคลื่อนไหวที่สำค ัญในยุคนี้ เพราะเป็นการควบรวมคนทั้งที ่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ความไม่ยุติธรรม กลุ่มที่ทำงานเรื่องเพศ สังคม และกลุ่มต่างๆ อีกมากมายไว้ด้วยกัน แล้วตอนนี้ก็เริ่มมีการดึงค นรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมด ้วย ซึ่งน่าจะเป็นหนทางที่ทำให้ โลกดำรงต่อไปแบบยั่งยืน ทั้งเรื่องการใช้ทรัพยากร การดำเนินชีวิต และการมีส่วนร่วมของคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะได้ รับผลกระทบต่อไปในอนาคต
Author
กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY