วันนี้ (21 กรกฎาคม 2566) ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล โดยจะเปิดทางให้พรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นแกนนำแทน เพื่อธำรงเจตนารมณ์เดิม คือยับยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม และพาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตย
ช่วงหนึ่งของการแถลง ชัยธวัชกล่าวว่า ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ทุกอย่างชี้ชัดว่าทุกองคาพยพของฝ่ายอนุรักษนิยม ทั้งการเมืองจารีต ทุนผูกขาด และสถาบันองค์กรต่างๆ ที่เป็นบริวารแวดล้อมทั้งหมด ไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยเอาเรื่องมาตรา 112 มาบังหน้า และอ้างความจงรักภักดีมาปะทะกับการเลือกตั้งของประชาชน ด้วยเหตุนี้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จึงฝืนมติประชาชน ไม่โหวตเลือกนายกฯ ตามเสียงส่วนใหญ่
พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องขอโทษกับประชาชน และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทว่าการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ได้หมายความว่าภารกิจการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อพลิกขั้วอำนาจรัฐบาลเดิมจะเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามยังยึดเป้าหมายสูงสุดในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจให้สำเร็จ
“เมื่อเป็นเช่นนี้พรรคก้าวไกลจึงเปิดโอกาสให้พรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตาม MOU ของ 8 พรรคพันธมิตร ดังนั้นในการประชุมสภาครั้งถัดไป พรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกคนที่ 30 เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยเคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล”
ชัยธวัชยังได้กล่าวเพิ่มเติมในการหารือกันเบื้องต้นว่ายังไม่ได้มีการสรุปชัดเจน หลังจากนี้อยู่ที่พรรคเพื่อไทยว่าจะตัดสินใจส่งแคนดิเดตคนไหนในการประชุมรัฐสภาครั้งถัดไป พรรคก้าวไกลไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นใครโดยเฉพาะ ขึ้นอยู่กับมติของพรรคเพื่อไทย เราต้องเคารพ
เมื่อเสร็จสิ้นการแถลง สื่อมวลชนได้สอบถามถึงจุดยืน ‘มีลุงไม่มีเรา’ พรรคก้าวไกลยังเหมือนเดิมหรือไม่ ชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นจุดยืนที่ชัดเจนสำหรับพรรคก้าวไกล สิ่งที่เราได้สัญญาพูดคุยต่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เราไม่สามารถเสียสัจจะเรื่องนี้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเสนอแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ จะถือว่าการเสนอแคนดิเดตคนนั้นจบลงเลยหรือไม่ ชัยธวัชกล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่ยอมรับการตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 เรายืนยันว่ามติของรัฐสภาในครั้งที่แล้วขัดต่อรัฐธรรมนูญ
Author
