ไม่นานมานี้ ได้มีการร่วมมือของบรรษัทเกษตรยักษ์ใหญ่ Monsanto กับ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดดัดแปลง NK 603 โดยจะมีการทำแปลงทดลองที่ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
แม้เมื่อต้นปี 2556 ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรจะพยายามออกมาชี้แจง และรับฟังความเห็นจากชาวบ้านผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จากกรณีดังกล่าว ได้มีเสียงคัดค้านออกมาจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มชีววิถี หรือ ‘ไบโอไทย’ ที่เกิดความกังวลว่า การทดลองปลูกพืชจีเอ็มโอโดยมีมหาวิทยาลัยนเรศวรให้การสนับสนุนนี้ จะทำให้เกิดการแพร่หลายของพันธุ์พืชดัดแปลงขึ้นมากกว่าเดิม จึงได้มีการทำโครงการรณรงค์ต่อต้านผ่านทางสือ และรณรงค์เข้าชื่อเว็บไซต์ change.org
ประกอบกับผลการสุ่มตรวจข้าวโพดในประเทศไทย กว่า 15 จังหวัด พบว่า มีการปนเปื้อนของข้าวโพดจีเอ็มโอถึงร้อยละ 8.8 ซึ่งส่วนหนึ่งของตัวอย่างที่ทำการสุ่มตรวจ อยู่ใกล้กับแปลงทดลองของ Monsanto
นั่นคือกรณีในประเทศไทย ที่บรรษัทใหญ่ผู้กุมกลุ่มอุตสาหรรมการเกษตรเกือบทั้งโลกไว้ในมือ พยายามที่จะขยายผลผลิตของตนไปเรื่อยๆ โดยที่ผู้ต่อต้าน หากไม่เห็นด้วย ก็ทำได้แค่เพียง ‘รณรงค์’
ไม่เพียงแต่การขยับขยายกิจการสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรเท่านั้น จากรายงานของ เจเรมี สเคฮิล ใน The Nation กองทหารรับจ้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Blackwater ก็ถูก Monsanto ซื้อไปแล้วเช่นกัน
ภายหลังจากการปฏิบัติภารกิจอย่างรุนแรงในประเทศอิรัก ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์สังหารหมู่พลเรือนชาวอิรัก นั่นเป็นเหตุให้ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกายกเลิกสัญญากับกลุ่มทหารรับจ้างดังกล่าว Blackwater จึงได้เปลี่ยนชื่อในปี 2009 เป็น Xe Services หรือ ‘Academi’
อดีตนายทหารและอดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมงานกับ Blackwater และบริษัทลูก โดยงานของพวกเขามักเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิทธิพลมืด ไม่ว่าจะเป็นรับจ้างฝึกซ้อมกองกำลังทหาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย การวิ่งเต้น (ล็อบบี้) กลุ่มการเมือง
สเคฮิลกล่าวว่า ธุรกิจข้ามชาติอย่าง Monsanto, Chevron และบริษัททางการเงินอย่างธนาคาร Barclaysและ Deutsche Bank เป็นเสมือนทางผ่านของ อีริค ปริ้นซ์ ผู้บริหารของกลุ่ม Blackwater ทั้งนี้กลุ่มหน่วยข่าวกรองลับ (Total Intelligence Solutions: TIS) และกลุ่มฝึกสอนการก่อการร้าย (Terrorism Research Center: TRC) ก็มีกลุ่ม Blackwater เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เช่นกัน
โคเฟอร์ แบล็ค อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอเซ็นสัญญาร่วมงานกับ Blackwater ในปี 2008 ในฐานะผู้อำนวยการ TIS หลังจากทำสัญญากับบริษัท ทาง Blackwater ได้ส่งสายลับแทรกซึมเข้าไปยังกลุ่มคัดค้านการตัดต่อพันธุกรรม องค์กรพิทักษ์สัตว์ และงานสกปรกของกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ
เมื่อได้รับการติดต่อจากสเคฮิล ผู้บริหาร Monsanto เควิน วิลสัน ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น แต่ต่อมาก็ได้รับการยืนยันว่า พวกเขาเคยจ้าง TIS ในปี 2008 และปี 2009 Monsanto แต่การจ้างที่ว่าก็เพื่อติดตามข้อมูลของกลุ่มคู่แข่งทางธุรกิจเท่านั้น และยังปฏิเสธว่าการทำงานของ TIS นั้นไม่เกี่ยวข้องกับ Blackwater เลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม สเคฮิลได้คัดลอกอีเมลของ โคเฟอร์ แบล็ค หลังจากเข้าพบกับวิลสัน จาก Monsanto เขากล่าวว่าอดีตพนักงานซีไอเอจำนวนมากใช้งานอีเมลของกลุ่ม Blackwater ในการปรึกษาหารือกับวิลสัน ซึ่งกลุ่มหน่วยข่าวกรองลับนี้เปรียบเสมือน ‘หน่วยหาข่าวกรองของ Monsanto’ เพื่อภารกิจการสืบและการปฏิบัติงานลับอื่นๆ โดยกลุ่มหน่วยข่าวกรองลับนี้ได้รับค่าจ้างจาก Monsanto เป็นเงิน 127,000 ดอลลาร์ในปี 2008 และเป็นจำนวน 105,000 ดอลลาร์ในปี 2009
จากข้อมูลดังกล่าว เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่า บริษัทอย่าง Monsanto ไม่เกี่ยวข้อง เพราะมีการทดลองมากมายที่เป็นความลับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทอื่นๆ ที่คอยแย่งชิงอยู่เช่นกัน
ทั้งนี้ นอกจากรายงานของ The Nation ยังมีการรายงานจากองค์กร Via Campesina ว่า หุ้นกว่า 500,000 หุ้นของ Monsanto จำนวนกว่า 23 ล้านดอลลาร์ ถูกขายให้แก่มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ซึ่งการซื้อหุ้นครั้งนี้เสร็จสิ้นภายใต้หน้ากากของคำว่า ‘การกุศล’
ถือเป็นการควบรวมระหว่าง 2 กลุ่มธุรกิจการค้าผูกขาดที่สำคัญในประวัติศาสตร์ เพราะส่วนแบ่งทางการตลาดด้านคอมพิวเตอร์กว่าร้อยละ 90 เป็นของ บิล เกตส์ และส่วนแบ่งตลาดด้านการดัดแปลงเมล็ดพันธุ์พืชและการค้าเมล็ดพันธุ์กว่าร้อยละ 90 เป็นของ Monsanto
แม้ บิล เกตส์ จะพยายามชี้แจงว่ามูลนิธิของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจส่วนตัวเลยก็ตาม แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้กลับตรงกันข้าม ของบริจาคแทบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการลงทุนทางธุรกิจของนักธุรกิจผู้ร่ำรวย ไม่ใช่การ ‘บริจาค’ แม้แต่น้อย แทนที่จะเสียภาษีจากรายได้จำนวนมหาศาลแก่ภาครัฐ เขากลับมอบผลประโยชน์ของเขาไปยังที่ที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้แก่เขา (คล้ายๆ การฟอกในนาม ‘มูลนิธิ’) รวมถึงการโฆษณาที่ส่งภาพลักษณ์ของบริษัท (CSR)
ในทางตรงกันข้าม การบริจาคนั้นเกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจอันตราย เช่น พันธุวิศวกรรม หรือการแทนที่ยาทางธรรมชาติสำหรับผู้ได้รับสิทธิเทคโนโลยียาขั้นสูงในพื้นที่ที่ยากจนที่สุดในโลก เป็นเรื่องบังเอิญ ที่อดีตเลขาธิการสำนักสุขภาพของเม็กซิโก อย่าง ฮูลิโอ เฟรงก์ และ เออร์เนส เซดิลโญ ประธานาธิบดีคนที่ 54 ของเม็กซิโก เป็นที่ปรึกษาให้แก่มูลนิธิ
เช่นเดียวกับ Monsanto เกตส์พยายามที่จะทำลายทำลายฟาร์มท้องถิ่นทั่วโลก โดยเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ปฏิวัติพื้นที่สีเขียวในแอฟริกา (AGRA) ซึ่งมีวิธีการทำงานแบบ ‘โทรจัน’ (ม้าไม้เมืองทรอย) ที่ค่อยๆ แทนที่เมล็ดพันธุ์ท้องถิ่นด้วยเมล็ดพันธุ์จากบริษัทของพวกเขา จนกลายเป็นการดัดแปลงพันธุกรรมทั้งหมด
กับเหตุการณ์แทรกซึม ‘ฮุบ’ ‘กินรวบ’ แบบเงียบๆ อย่างนี้ ทำให้นักหนังสือพิมพ์ และบล็อกเกอร์ จำนวนมากพยายามที่จะป่าวประกาศว่าการกระทำเช่นนี้คือการหลอกลวง และมีเนื้อหารุนแรงเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมด้านธรรมชาติและมนุษยธรรม ซึ่ง Monsanto เองก็รู้เท่าทันฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน จึงได้ทำการว่าจ้างหน่วยงานภายนอกเข้ามา เพื่อตรวจสอบบล็อกหรือเว็บไซต์ที่เข้ามายุ่มยามรื้อค้นข้อมูลของกลุ่มธุรกิจของพวกเขา
ใจความสำคัญของการโต้เถียงครั้งนี้คือ เหตุใด Monsanto ถึงซื้อ Blackwater
มีการตรวจพบเอกสารอย่างเป็นทางการของ Blackwater ที่ชี้แจงว่าในขณะนี้พวกเขากำลังทำงานให้กับ Monsanto อยู่ ทันทีที่ทำการติดตามการทำงานของ Blackwater พวกเขาก็ขายบริษัท เป็นการขายอย่างเปิดเผย ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่มีเอกสารชี้แจงการขายแบบหมดจดเช่นนี้ จริงๆ แล้วมันควรรู้กันแค่เพียงคนในวงใน แต่อย่างไรก็ตามการขายนี้ก็เป็นจริงและ Monsanto ก็กลายเป็นนายจ้างของกลุ่ม Blackwater อย่างเป็นทางการ
Xe Services หรืออดีต Blackwater จึงได้เปลี่ยนมือเจ้าของมาเป็น Monsanto ซึ่งธนาคารสหรัฐเปิดเผยข้อมูลตัวเลขการซื้อกิจการนี้ว่า มีมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์
อ้างอิงข้อมูลจาก : southweb.org
Author
