ท้องฟ้ามืดลงอีกครั้ง
รายรอบมืดมิด
พรุ่งนี้กำลังเดินทางมาถึง
แสงสว่างกำลังเดินทางกลับมา
ปกติเป็นเช่นนั้นเสมอ
เราใช้ชีวิตปกติ
ในความมืดมิด
ม่านตาขยายปรับตัว
ความอดทนมีขีดจำกัด
เราจะรอจนกว่าพรุ่งนี้เช้า
เวลาช่างเนิ่นนาน
มันควรเป็นเช้าตรู่
แสงแรกผลิบานดั่งดอกไม้
ไร้เสียงไก่ขัน
ไร้เสียงนกร้องอำลาก่อนออกจากรัง
เราเริ่มกระวนกระวาย
รายรอบยังคงมืดมิด
ธรรมชาติละเลยหน้าที่
หรือใครกันกำลังขืน
ฝืนกฎธรรมชาติ
เราป้องปากตะโกน
กู่ร้องเรียกหาผู้คน
กังวานก้องตอบกลับ
มีเพียงเสียงของเรา
สะท้อนกลับไปกลับมา
ความมืดกลืนกินผู้คน
เราเป็นผู้เหลือรอด
ทว่าคงอีกไม่นานนัก
เงียบงันไร้สรรพเสียง
มืดมิดยิ่งทวีความมืดมิด
เราเริ่มกลัวความมืด
มันกัดกินชำแหละร่างผู้คน
เราใช้ชีวิตที่เหลือ
ภาวนาให้พรุ่งนี้กลับมาเสียที
ความคิดฟุ้งซ่าน
ภาพหลอนในมโนสำนึก
ล้วนทำให้เรายิ่งซึมเศร้า
วิตกจริต
เนิ่นนาน
ราวกับไม่มีพรุ่งนี้อีกแล้ว
แสงสว่างเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก
เราทุบบานประตูบ้าน
ทำลายมันก่อนที่เราจะคลุ้มคลั่ง
ข้างนอกช่างมืดมิด
สำนึกรู้ว่าต้นไม้ตายไปหมดแล้ว
สรรพสัตว์ล้วนสูญพันธุ์
เราออกเดินทางไกล
เมื่อพรุ่งนี้ไม่มีวันมาถึง
เราจึงออกเดินทางไปหามัน…
ปรัชญา พงษ์พานิช