ชื่อ: พชรกฤษณ์ โตอิ้ม / บัว คำดี
ภาพ: Seen Scene Space / วาทิตยา บุพศิริ
เตรียมความพร้อม ก่อนฟังคุณไข่
น้อยครั้งที่เมโลดี้สามารถถ่ายทอดความอบอุ่นและอารมณ์ละมุนนุ่มได้ในคราเดียว
วงอินดี้ชื่อดังจากเกาหลีใต้ Standing Egg ทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้น
Standing Egg (หรือภาษาเกาหลีเขียนว่า 스탠딩 에그) เป็นวงดนตรีเกาหลีอินดี้ที่สร้างสรรค์ผลงานเพลงแนวอะคูสติก และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านดนตรีที่ฟังง่ายและรู้สึกเป็นกันเอง
ส่วน ‘ที่มาของชื่อวง’ และ ‘สมาชิกวง Standing Egg’ แอบมีสตอรี่อยู่นิดหน่อย
ที่มาของชื่อวง Standing Egg แปลภาษาไทยได้ว่า ‘ตั้งไข่’ พวกเขาเปรียบเปรยว่า พวกเขาเริ่มทำเพลงเพราะกล้าที่จะริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ให้กับวงการเพลงเกาหลี และการที่ทำอะไรแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการทำสิ่งยากๆ อย่างการตั้งไข่ที่เคยวางอยู่เฉยๆ ให้สามารถตั้งตรงขึ้นมาได้นั่นเอง
สมาชิกของวงนั้นแต่ละคนจะไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม แต่จะใช้ โค้ดเนม เรียกกันว่า Egg 1 Egg 2 และ Egg 3 พวกเขาทั้งสามคนคือเบื้องหลังที่แต่งเพลงและเรียบเรียงเพลงต่างๆ ของวง และถ้าหากพวกเขาต้องเล่นคอนเสิร์ต หรือว่า แสดงสด พวกเขาก็จะมีสมาชิกอื่นเพื่อเตรียมไว้สำหรับงานเล่นสดอยู่เสมอ
ช่วงแรกๆ สมาชิกที่เล่นสดจะมี โคลเวอร์ (클로버) ทำหน้าที่ ร้องนำ และเล่นกีตาร์ ซอง ฮา-นา (송하나) ทำหน้าที่มือกลอง และ ลี ฮัน-กยอล (이한결) ทำหน้าที่เล่นดับเบิลเบส แต่ภายหลังโคลเวอร์แยกตัวออกไปเป็นศิลปินในค่ายเพลงอื่น ทางคุณไข่หมายเลข 2 ที่เป็นเจ้าของเสียงร้องจริงๆ จึงยอมเปิดเผยหน้าตาและเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงสดของวงนับตั้งแต่นั้น (ส่วนคุณไข่หมายเลข 1 และ คุณไข่หมายเลข 3 ยังคงเป็นเป็นปริศนาอยู่จนทุกวันนี้)
ตั้งแต่อัลบั้มแรกมาถึงอัลบั้มล่าสุด พวกเขาใช้เวลาเดินทางมาทั้งหมด 8 ปี
ตอนนี้พวกเขามีผลงานเพลงให้ได้ฟังกันแล้วทั้งหมด 5 อัลบั้ม 7 อีพี และ 1 สเปเชียลอัลบั้ม ซึ่งอัลบั้มล่าสุดของพวกเขาเพิ่งออกมาในปี ค.ศ. 2017 มีชื่อว่า Dramatic และมีเพลงอย่าง ‘Summer Night You and I’ ก็เคยขึ้นอันดับ 1 บน Gaon Chart มาแล้วอีกด้วย
Standing Egg’s Fanๆ
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับแฟนๆ วง Standing Egg ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่มอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งหลายคนล้วนแต่มีความทรงจำต่อวง Standing Egg แตกต่างกันไป บ้างก็รู้จักวง ‘ตั้งไข่’ กันมาอย่างยาวนาน บ้างก็รู้สึกสบายใจยามฟังเพลง
การพูดคุยครั้งนี้ทำให้รับรู้ว่า พวกเขามีความผูกพันต่อ Standing Egg ลึกซึ้งเพียงใด
“ตอนแรกที่รู้ว่าจะมาไทยก็ดีใจ” พงศ์ธาดาเผยความรู้สึกสั้นๆ
เขาบอกอีกว่า ตัวเองรู้จักวง Standing Egg มาได้ประมาณ 2-3 ปีแล้ว ตอนแรกรู้จักผ่านเพลงที่แต่งประกอบซีรีส์ก่อน แล้วค่อยมาติดตามผ่านยูทูบ
“ชอบเพลง Standing Egg เพราะว่าเพลงเขาฟังสบาย คือฟังได้เรื่อยๆ และสามารถเปิดวนได้เลย แล้วความหมายเพลงก็น่ารักดี”
แต่นิติยาที่มาด้วยแอบชี้ไปแฟนหนุ่ม แล้วบอกว่า “เขานี่แหละที่ฟังมาตลอด” ส่วนตัวเธอเพิ่งมาเริ่มฟังหลังจากเขาแนะนำ โดยส่วนตัวแล้วเธอชอบเพลงที่อยู่ในอัลบั้มเก่าๆ ถึงขั้นขนาดที่เอาเพลงมาตั้งเป็นเมโลดี้รอสายเลยด้วยซ้ำ
เธอบอกว่า เพลงที่เธอชอบที่สุดของ Standing Egg คือเพลง ‘Once Again’
และสาเหตุที่เธอชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ ก็เพราะว่าเธอหลงใหลกับเสียงร้องผู้หญิงที่เป็นเอกลักษณ์ และยิ่งฟังตอนฝนตกไปด้วยก็จะยิ่งให้อารมณ์มากขี้น
เธออยากให้สมาชิกวง Standing Egg รู้ว่ายังมีแฟนคลับที่เฝ้าติดตามพวกเขาในต่างประเทศอยู่ ปวัลยาขอบคุณวง Standing Egg มากๆ ที่คอยทำผลงานให้ทุกคนได้รับฟังกัน
“แม้ว่าจะฟังไม่เข้าใจความหมายเพลง แต่ก็สามารถรับรู้ถึงดนตรีที่เขาจะสื่อได้”
ตอนที่ผมถามว่า ถ้าฝากบอกกับวงได้อยากบอกว่าอะไรบ้าง เธอตอบกลับมาว่าสั้นๆ ว่า
“อยากให้มาเมืองไทยบ่อยๆ นะคะ”
ณิด้าบอกว่า เธอชอบ Standing Egg มานานแล้ว
“ปกติเป็นคนชอบฟังเพลงเกาหลีอยู่แล้ว ปกติแนวเพลงที่ฟังส่วนมากจะไม่ใช่พวกวงไอดอลเท่าไหร่”
จุดเด่นที่เธอชอบในวง Standing Egg คือ ดนตรีของพวกเขาทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจทุกครั้งตอนที่เธอฟังเพลง
เมื่อถามแม่จุ๋ม คุณแม่ก็ตอบติดตลกว่า “ส่วนคุณแม่ก็ฟังตามลูกค่ะ”
“เพลงเขาฟังแล้วมันไหลไปเรื่อยๆ ฟังแล้วเราก็สามารถทำอย่างอื่นได้ เพราะเพลงของเขาไม่เหมือนกับของคนอื่นที่จะต้องเต้นอยู่ตลอดเวลา เราก็ฟังไปแล้วก็ทำกิจวัตรของเราได้ทั้งวัน”
“แต่พอเปิดเพลงบ่อยๆ เข้า หูแล้วก็ร้องตามได้” แม่จุ๋มกล่าวด้วยรอยยิ้ม
Standing Egg’s Concert
ป้าย ‘Standing Egg Dramatic Tour 2018’
ทันทีที่ทุกคนมาเข้าต่อแถวรับบัตร สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือตัวแถวยาวจากด้านหนึ่งของฮอลล์มาสุดอีกด้านหนึ่ง
ด้านนอกของ Voice Space มีฝนตกปรอยๆ แต่ผู้คนยังทยอยมางานกันอยู่เรื่อยๆ
ทั่วทั้งห้องประชุมเคล้าคลอไปด้วยเสียงเปียโน และเจ้าเสียงเปียโนนี่แหละ ที่คอยหุ้มห่อให้ฮอลล์แห่งนี้กลายเป็นสถานที่พิเศษ คล้ายกับว่าเรากำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขกของบ้านเพื่อนสักคนหนึ่ง
ลี เย ซึล (이예슬) นักร้องหญิงวง Stading Egg เริ่มต้นร้องเพลงแรกคือ ‘햇살이 아파’
เสียงร้องของเธอทักทายผู้ฟังด้วยอารมณ์ที่เป็นมิตร จังหวะเพลงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน เสียงกีตาร์ดังสอดประสานกับกลองอย่างเข้ากัน (พี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ของผมเพลิดเพลินถึงขนาดขยับศีรษะไปตามจังหวะเพลงเลยทีเดียว) ไม่นานเกินรอ ผู้ชมทั้งหมดก็ตกอยู่ในภวังค์ของดนตรีที่สุดแสนอบอุ่น
ทันทีที่เพลงแรกจบ เสียงของล่ามผู้ชาย (ที่เสียงพี่แกเหมือนกึ่งง่วงนอน กึ่งตื่นเต้น) ก็แปลประโยคของ เยซึล คำต่อคำว่า “การมาที่นี่ เป็นครั้งแรกของดิฉันเลย”
“เพลงต่อไปจะเป็นเพลงน่ารักมุ้งมิ้ง แต่การที่ดิฉันร้องเพลงน่ารักมุ้งมิ้ง ไม่ได้หมายความว่าดิฉันจะมุ้งมิ้งเหมือนเพลงนะคะ” ภาพของเยซึลบนเวที เป็นผู้หญิงสุดแสนน่ารัก แต่เสียงของคุณล่ามที่แปลให้เป็นเสียงผู้ชายแมนๆ ที่แสดงจริตจะก้านเหมือนกับผู้หญิง ท่านผู้อ่านลองนึกภาพตามสิครับ ว่าภาพจะออกมาตลกขนาดไหน
ยอมรับว่าผมแอบกลั้นหัวเราะไปนิดนึง
แต่คุณล่ามคนนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในสีสันที่เรียกเสียงหัวเราะของคอนเสิร์ตนี้ได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้นเยซึลก็ร้องอีก 4 เพลง โดยเพลงที่เธอร้องถัดมาคือ ‘있잖아 궁금해’ และต่อด้วยเพลงจากอัลบั้มล่าสุดอย่าง ‘사랑의 계절’ (Season Of Love)
จนมาถึงเพลงที่เยซึลชอบมากที่สุด อย่างเพลง ‘뚝뚝뚝’ และลาพวกเราไปด้วยเพลงสุดท้ายคือ ‘넌 이별 난 아직’ (Farewell For You, Not Yet For Me)
เพลงมีช้า มีเร็วบ้างสลับกัน แต่อย่างน้อยก็เพลงเวลาฟังผมก็รู้สึกว่าฟังได้ไม่น่าเบื่อ ฟังได้เพลินๆ ชิวๆ
ช่วงที่สองเป็นช่วงของ คุณไข่หมายเลข 2 หรือ จิน กยอง มิน (진경민) แต่พอคุณไข่มาถึงยังไม่ทันไร ก็ร้องเพลงดังอย่าง ‘Little Star’ ขึ้นมาทันที
ฉากพื้นหลังก็เปลี่ยนเป็น หมู่ดาวมากมายที่ส่องแสงระยิบระยับสวยงาม
พอจบเพลง คุณไข่ได้พูดเป็นภาษาไทยว่า “สวัสดีครับ ขอบคุณครับ ผมมีความสุขมากครับ” และที่ประทับใจคือ คำพูดพวกนั้นคุณไข่แอบจดไว้ที่ข้อมือ เวลาคุณไข่พูดผิด แฟนเพลงก็ส่งเสียงแก้ให้แทบไม่ทัน
หลังจากนั้นคุณไข่สัญญากับพวกเราว่า จะมอบความสนุกสนานให้กับทุกคนที่มาฟังพวกเขาในวันนี้ ซึ่งเพลงที่คุณไข่ร้องก็ประกอบไปด้วย เพลง ‘소확행’ ที่เขาบอกว่าร้องสดที่นี่เป็นที่แรก เพลง ‘어떨까’ (How Would It Be) ที่ประกอบซีรีส์เรื่อง Strong Woman Do Bong Soon และเพลง ‘마음의 지도’ (Map of Heart) ประกอบซีรีส์ ‘Man To Man’ ในปี 2017
อารมณ์ร่วมของคอนเสิร์ตเริ่มกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น หลังจากที่คุณไข่ร้องเพลง ‘너라면 괜찮아’ (Cuz it’s you) ‘네 생각나더라’ (I Thought of You) และ ‘무지개’ (Rainbow) จบไป คุณไข่บอกว่าช่วงต่อไปจะพยายามทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ
คือถ้าหากว่าตัวเขาให้สัญญาณเมื่อใด ขอให้ทุกคนลุกขึ้นยืน แล้วเอ็นจอยผ่านการเต้นไปด้วยกัน
สัญญาณที่เขาว่า ‘เป็นการขยับแว่นขึ้นลง’
และไม่ต้องกลัวว่าคนที่นั่งข้างหลังจะมองไม่เห็น เพราะท่าขยับแว่นของคุณพี่ก็เล่นใหญ่มากจริงๆ
พอคุณไข่ให้สัญญาณปุ๊บ คุณพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ของผมก็เด้งตัวขึ้นเป็นคนแรกๆ
เพลงที่คุณไข่ร้องต่อมาเป็นเพลง ‘Miss Flower’ และ เพลง ‘Keep Going’ ซึ่งแต่ละเพลงก็มีนิสัยขี้เล่นเสียเหลือเกิน ทั้งจังหวะที่กระตุ้นให้ใครหลายคนรู้สึกอยาก ‘ออกมาเต้น’ และ ‘แสดงลีลาเด็ดขาดไปเร้ย’
ผมมองไปด้านหน้า ก็เห็นหลายคนโบกไม้โบกมือกันเป็นหมู่คณะ แล้วพอเหลือบไปมองอีกด้านหนึ่งก็มีแฟนเพลงหลายคนกำลังขยับแข้งขยับขาตามทำนองเพลงอย่างครื้นเครง
พอรู้สึกตัวอีกที ผมก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชาวแก๊งที่โบกไม้โบกมือไปด้วยแล้ว
พอเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ต ผมยังไม่อยากให้จบเท่าไหร่
คุณไข่และสมาชิกวงมีกิจกรรมแจกของเล็กๆ น้อยๆ มาคั่นกลาง ทุกคนก็ลุ้นแล้วลุ้นอีก เพราะของที่แจกเป็นย่ามของวง Standing Egg ที่สุดแสนจะคูล แต่น่าเสียดายที่กระเป๋าย่ามนี้มีแจกเพียงแค่ห้าใบ แล้วผมก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้คนนับร้อยที่ไม่ได้กระเป๋าย่ามกลับบ้าน (ฮา)
คุณไข่เล่นเพลงปิดของคอนเสิร์ต ด้วยเพลง ‘여름밤에 우린’ (Summer Night You And I) และต่อด้วยเพลง ‘오래된 노래’
เชื่อว่าทุกคนคงน้ำตาซึมกับเพลงสุดท้ายของพวกเขา
ภาพที่สวยงามที่สุดของโชว์ในวันนี้คือตอนช่วงที่วงกำลังเล่นเพลง ‘여름밤에 우린’ ที่มาพร้อมท่อนฮุคที่แปลว่า
ค่ำคืนในฤดูร้อนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยดวงดาว
เป็นภาพวาดที่สวยงามแพรวพราว
แม้ว่าทุกอย่างจะถูกลบเลือนและจางหายไป
แต่ผมจะจดจำไว้ในใจ
ขณะเพลงก่อรูปสร้างมวลอารมณ์เหงาระคนความคิดถึง ภาพที่ทุกคนเห็นคือ ทั่วทั้งฮอลล์พลันถูกฉาบไปด้วยดวงดาวนับร้อยพัน ที่ส่องสว่างอยู่ทั่วพื้นที่ไม่เว้นแม้แต่เพดานหรือกำแพง
แม้ว่าการแสดงจะจบลงไปแล้ว แต่ดวงดาวเหล่านั้นก็เป็นหนึ่งในความทรงจำที่ วง Standing Egg ฝากไว้ให้คนไทยหลายคนรู้สึกคิดถึง และเฝ้ารอให้พวกเขาหวนกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง