“Wiser than friends. Cheaper than therapy.”
คือประโยคที่ถูกเขียนอยู่ข้างกล่องไพ่ทาโรต์สำรับ Affirmators! Tarot Deck
ไพ่ทาโรต์ (Tarot) คือหนึ่งในศาสตร์การทำนายซึ่งเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในปัจจุบัน แม้ว่าทาโรต์จะไม่ได้เพิ่งถือกำเนิดในประเทศไทย แต่ในสภาวะที่หลายคนกำลังอับจนหนทางและต้องการคำแนะนำที่ดีจากใครสักคน ‘ใคร’ ที่อยู่ในราคาที่เอื้อมถึงได้และรอบรู้กว่าเพื่อน สามารถช่วยแก้ปัญหาของเราได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสิน ทาโรต์จึงถูกเลือกให้เป็นผู้ช่วยหาทางออกให้ความว้าวุ่นใจเหล่านั้น
จากสถานการณ์ในประเทศที่เปลี่ยนไป ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องตะเกียกตะกายเอาตัวรอดภายใต้ความไม่มั่นคงของสังคมที่คอยสั่นคลอนความแข็งแกร่งในจิตใจอยู่ตลอดเวลา ทั้งโรคระบาด ตกงาน เงินเดือนไม่พอใช้ หรือแม้แต่ความรักที่ไม่อาจจะเบ่งบานภายใต้ความเหลื่อมล้ำและทุนนิยม การแสวงหาที่พึ่งทางใจของเหล่าผู้ทุกข์ยากจึงสำคัญอย่างยิ่ง
แม้ในอดีตสังคมไทยจะถูกหล่อหลอมไว้ด้วยศีลธรรมและศาสนา แต่กาลเวลาที่เปลี่ยนผ่านนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงและการตั้งคำถามถึงสิ่งที่ถูกคงไว้ด้วย ‘ความศรัทธา’ ที่หลายครั้งก็ไม่สามารถจะแตะต้องได้ จึงไม่แปลกอะไรหากคำสอนในคัมภีร์จะไม่ถูกใจคนรุ่นใหม่จนทำให้ศาสนาไม่ถูกเลือกเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกต่อไป แต่ไม่ใช่กับโหราศาสตร์และไพ่ทาโรต์
แม้จะเป็นเพียงคำแนะนำจากการอ่านหน้าไพ่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคำแนะนำที่ได้มานั้นก็ช่วยให้ใครหลายคนรู้สึกสบายใจขึ้น การได้ล่วงรู้อนาคตเล็กๆ น้อยๆ ผ่านหมอดูจึงทำให้เหล่าคนที่กำลังสับสนหลงทางได้รู้สึกถึงแสงสว่างของความหวัง และพบว่าโลกทั้งใบของพวกเราไม่ได้มืดบอดเสียทีเดียว
WAY ชวนสนทนากับ ‘หนูแดงดูดวง’ (@redratarot) แอคเคาท์หมอดูไพ่ยิปซีที่มียอดผู้ติดตามในทวิตเตอร์สูงถึง 21.6K จากข้อสังเกตแกมสงสัย เหตุใดคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในยุควิทยาศาสตร์เทคโนโลยีดิจิทัลจึงหันมาเลือกใช้ไพ่ยิปซีเป็นที่พึ่งทางใจในยามยาก และอะไรที่ทำให้เส้นทางอาชีพหมอดูและศาสตร์การดูดวงอยู่คู่กับประเทศไทยมาตลอด
กว่าจะเป็น ‘หนูแดงดูดวง’
“เมื่อก่อนเรามองว่าทาโรต์คือไพ่อูโน่ (uno) ที่เวอร์ชันสวยกว่า แบบว้าว ไพ่เยอะมาก คาแรคเตอร์เยอะอะไรอย่างนี้ ตอนนี้พอเป็นหมอดูเราก็มองไพ่เป็นเพื่อน เป็นคนที่มีอะไรก็สามารถปรึกษาได้ และเราก็มองไพ่เป็นผู้ช่วยในการสื่อสาร message ให้เราด้วย”
จุดเริ่มต้นจากความชอบ สู่การผันตัวจากพนักงานออฟฟิศมาเป็นหมอดูโดยมีไพ่ทาโรต์เป็นที่ปรึกษาชั้นเยี่ยม หนูแดง-อลิสา พบว่าอาชีพหมอดูออนไลน์นั้นไม่ง่าย และมีความท้าทายไม่ต่างจากอาชีพอื่น ทั้งในแง่ของการแปลคำทำนาย การสื่อสาร รวมไปถึงการประคับประคองจิตใจของลูกค้าที่มาดูดวง
เมื่อถามว่าหมอดูบอกอนาคตได้จริงหรือ อลิสามองว่าหมอดูเป็นเพียงผู้บอกใบ้แนวทางเท่านั้น เธอยังเชื่อว่าอนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงได้จากการกระทำของปัจจุบัน
“เราเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อในเจตจำนงเสรีมากๆ ว่าเรามีสิทธิในการกระทำของตัวเอง เรามีสิทธิในการเลือกชะตาชีวิตของเราเอง ฉะนั้นจะใช้คำว่าหมอดูเป็นผู้ไกด์บางอย่าง เป็นผู้บอกว่าข้างหน้ามันอาจจะมีก้อนหินหรืออะไรแบบนี้ มากกว่าการทำนายว่าอนาคตต้องเป็นแบบนี้เป๊ะๆ”
อลิสาเล่าว่า ก่อนเบนสายมาเป็นหมอดูได้ศึกษาศาสตร์การดูไพ่ด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น แต่การเป็นหมอดูไม่ใช่แค่อ่านคำทำนาย ทักษะการสื่อสารก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ การดูดวงแต่ละครั้งต้องใช้การรับฟัง การพูด และการจับใจความ ซึ่งจะช่วยให้ตัวเธอเองเข้าใจไพ่และเข้าใจ ‘ลูกดวง’ (คำที่อลิสาใช้เรียกลูกค้าของเธอ) ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่เลือกมาดูดวงเพื่อหาคำตอบบางอย่างให้กับความกังวลใจที่ยังไร้ทางออก
แม้บางคำถามอลิสาพยายามหลีกเลี่ยง เช่น เรื่องสุขภาพหรือความเป็นความตาย แต่หากมีสัญญาณร้ายปรากฏขึ้นระหว่างการเปิดไพ่ อลิสาจะใช้การเลือกสรรคำพูดที่ดีควบคู่กับการหยิบยื่นแนวปฏิบัติในทางบวกแทนการสื่อสารออกไปตรงๆ
“บางทีสิ่งที่ลูกดวงอยากได้กับสิ่งที่ไพ่บอกเป็นคนละอย่างกัน ทีนี้มันก็ยากกับเราแล้วว่าจะสื่อสารยังไงให้เขาเข้าใจ ยิ่งเจอคำถามที่ยากขึ้น เราต้องระมัดระวังคำพูดของเรามากๆ เพราะอย่างน้อยที่สุดเลย ณ เวลาตอนที่คุยกันครึ่งชั่วโมงนั้น ไม่ว่าคำทายนั้นจะดีหรือไม่ดี มันจะส่งผลต่อจิตใจเขาแน่นอน”
จากค่าครูสู่ธุรกิจโหราศาสตร์
การเติบโตของธุรกิจโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือสัญญาณที่บ่งบอกว่า หมอดูคือ ‘เพื่อนคู่คิด’ ของคนไทยจำนวนมาก ทำให้อาชีพหมอดูกลายเป็น 1 ใน 15 ธุรกิจที่ได้รับความนิยมประจำปี 2563 จากตัวเลขการขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่เติบโตสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลสถิติของกรมสุขภาพจิตที่พบว่า สัดส่วนผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าและจิตเภทเพิ่มสูงขึ้น โดยภายหลังการระบาดของ COVID-19 ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2563 อัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
หากมองย้อนกลับไปจะพบว่า ธุรกิจโหราศาสตร์ปรากฏอยู่ในสังคมไทยตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศ เรื่องพื้นฐานในวิถีไทยๆ อย่างการหาฤกษ์ ไม่ว่าจะเพื่อสร้างบ้าน ออกรถ การแต่งงาน แม้กระทั่งพิธีเปิดงานสำคัญระดับประเทศ ไม่วายต้องมีการเลือกวันตามลักขณาดวงดาวและการตีฆ้องรอเวลามงคล
สำหรับในปัจจุบัน อลิสามองว่าอาชีพหมอดูมีการแข่งขันสูง เนื่องจากจำนวนของหมอดูมากขึ้นและต่างก็มีสไตล์การดูดวงที่แตกต่างกัน วงการไพ่ทาโรต์ในประเทศไทยก็กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นธุรกิจในระดับที่ใหญ่ขึ้นและสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยมีช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียเป็นตัวแปรสำคัญ
“ปัจจุบันมีคนรู้จักไพ่ทาโรต์มากขึ้น อย่างหน้าไพ่ The Fool, Death หรือ The Tower หลายคนก็จะรู้ว่ามาจากไพ่ทาโรต์ ไพ่บางสำรับที่มีคนใช้เยอะๆ ก็ทำให้เห็นว่าคนเริ่มเข้าใจว่าสัญลักษณ์เหล่านั้นมาจากไพ่ และมันอาจจะถูกนำมาผลิตเป็นสินค้าที่หลากหลายทั้งในแง่ของโหราศาสตร์และแง่อื่นๆ ในอนาคตก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้จักและถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน”
ความนิยมในโหราศาสตร์กลายเป็นเทรนด์สมัยใหม่อย่างกลมกลืน ถูกเข้าถึงได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว การดูดวงหรือแม้แต่การบูชาเครื่องรางนำโชคมีการปรับตัวให้สอดรับกับกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ มีแผนการตลาด ออกโปรโมชันและของสมนาคุณเพื่อดึงดูดใจ จนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะพบเห็นหน้าไพ่ทาโรต์ถูกนำไปตั้งเป็นภาพวอลเปเปอร์โทรศัพท์มือถือ
อย่างไรก็ตาม ศาสตร์พยากรณ์มีพื้นฐานบนความเชื่อ คล้ายดาบสองคมที่ลูกค้าต้องใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการตัดสินใจที่จะเชื่อและเลือกรับคำทำนายมาเป็นทางเดินให้ตัวเอง เพราะหมอดูเป็นอาชีพที่ไม่ได้ถูกวางกฎเกณฑ์โดยมาตรฐานใดเป็นหลัก อลิสากล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องพิจารณาข้อตกลงและความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งฝ่ายหมอดูเองก็ควรมีจริยธรรมในการประกอบอาชีพเช่นกัน
เพราะชีวิตมันหดหู่ หมอดูจึงเติมเต็ม
“เคยเจอลูกค้าเด็กสุด 12-13 ปี แก่สุดอยู่ที่ประมาณ 70 กว่าๆ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ช่วงอายุประมาณวัยมหาลัยจนถึงวัยทำงาน
“คำถามของลูกดวงจะแตกต่างไปตามสถานการณ์ ถ้าเป็นช่วงปลายปี คนวัยทำงานมักจะถามเรื่องโบนัส ถ้าเป็นช่วงที่ผลแอดมิชชันออก เด็กที่สอบก็จะมาถามเรื่องนี้มาก อย่างปีที่แล้วมีคนมาถามเรื่องย้ายประเทศเยอะมาก”
คำถามอันเกิดจากความคาดหวังบางประการที่รอคอยการตอบสนองคือ พื้นฐานของการเปิดไพ่ดูดวง คำทำนายที่บางครั้งก็มอบความหวัง บางครั้งก็ทำหน้าที่ปลอบประโลม คล้ายกับการพูดคุยปรึกษากับเพื่อนสักคนที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน อลิสามองว่าการดูดวงหรือแม้กระทั่งโหราศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่อาจแยกออกจากสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่คนต้องการความหวังและกำลังใจจากปัญหาที่เผชิญในแต่ละวัน
“การดูดวงไม่ใช่เรื่องแปลกของสังคมเรา คือถ้าเกิดเราคุยกันกับเพื่อนว่าวันนี้เราไปดูดวงมา ในวัฒนธรรมประเทศอื่นอาจมีการตั้งคำถามว่า ทำทำไม มันคืออะไรนะ แต่พอเป็นคนไทยกลับเป็นคำถามว่า ดูแล้วเป็นยังไงบ้าง แม่นไหม ราคาเท่าไหร่ จองคิวยังไง มันมีแต่จะแนบแน่นเข้ากับสังคมมากขึ้น เพราะคนในปัจจุบันมีความทุกข์เกิดขึ้นในชีวิตเยอะมาก เมื่อคนเรารู้สึกหมดหวังในชีวิตมากขึ้นจึงต้องมองหาที่พึ่งมากขึ้นตามไปด้วย”
ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสังคมไทยถูกยึดโยงไว้กับความเชื่อหลากแขนง เรามักจะมีโอกาสได้ยิน ได้เห็นถึงเรื่องราวของความเชื่อในชีวิตประจำวัน บ้างแทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวัฒนธรรม บ้างเป็นหลักค้ำประกันให้ชีวิตที่ต้องก้าวต่อไปในโลกซึ่งคาดเดาอะไรไม่ได้
อลิสามองว่า บทบาทของไพ่ทาโรต์เองก็คล้ายกันกับสิ่งเหล่านั้น หากแต่ทาโรต์ไม่ใ่ช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องบูชาเพื่อให้ปกป้องคุ้มครองเรา แต่คำทำนายของทาโรต์จะเป็นคล้ายหลักปฏิบัติ ซึ่งในแง่หนึ่งก็อาจเทียบได้กับหลักคำสอนของศาสนา และเป็นไปได้ว่าทาโรต์จะถูกนำมาเป็นที่พึ่งทางใจมากขึ้นในยุคที่คนในสังคมเริ่มออกห่างจากศาสนา
“เหตุที่การดูดวงมันบูมขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าเยาวชนในสังคมไทยมีปัญหาเยอะขึ้น ซึ่งเราเองก็เคยอ่านมาว่าเด็กรุ่นใหม่เขามีความเชื่อในทางโหราศาสตร์ ดวงดาว การดูดวงมากขึ้น ประกอบกับที่ในสังคมเราตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ยึดถือขนาดนั้น และสิ่งยึดเหนี่ยวที่เคยมีมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งอีกต่อไป
“เรามองว่าความแตกต่างของโหราศาสตร์กับศาสนาคือเรื่องของการพิสูจน์ได้ หลักการศาสนาบางอย่างมันไม่อาจเมคเซนส์สำหรับบางคน มีคนเคยตั้งคำถามว่าทั้งๆ ที่เขาทำในสิ่งที่ศาสนาบอกว่าควรจะทำแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ เขาคิดว่าคงเป็นเพราะบาป แล้วบาปนั้นมันคืออะไรล่ะ เมื่อเกิดคำถามที่หาคำตอบแท้จริงไม่ได้ ก็กลายเป็นว่ามันเป็นสิ่งที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งการดูดวงมันเป็นการยึดติดกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากกว่า หลังจากดูดวงไปแล้วถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกับคำทำนาย มันก็จะจบตรงนั้นเลย ไม่มีการถามหาเหตุผลต่อ ตรงก็คือตรง ขณะเดียวกันถ้าสิ่งที่เกิดมันไม่ตรงตามคำทำนาย คนก็ไม่ได้ตั้งคำถามกับมันต่อว่า ไม่ตรงเพราะอะไร มันก็แค่ไม่ตรง”
ภายใต้บทบาทที่ปรึกษา ผู้หยั่งรู้ หรือแม้กระทั่งเพื่อนทางใจ มีสิ่งหนึ่งที่อลิสาค้นพบจากการพูดคุยสื่อสารผ่านไพ่ทาโรต์ คือการได้ช่วยให้คนแปลกหน้าที่พบกันในฐานะลูกค้าได้ข้ามผ่านจุดที่ยากลำบากในแต่ละวันไปได้ อาจเป็นเพียงการเริ่มต้นที่เล็กน้อยสำหรับบางคน ขณะเดียวกันก็อาจเป็นก้าวสำคัญของใครคนหนึ่งได้เช่นกัน
“ไม่ใช่ทุกคนจะเกิดมาพร้อม self-esteem หรือ self-confidence เราคิดว่าการมีอยู่ของหมอดูช่วยทำให้บางคนมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าทำอะไรใหม่ๆ ปรับเปลี่ยน mindset ของตัวเองให้มองโลกในแง่ดีมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนอะไรบางอย่างในชีวิตตัวเองเพื่อทำให้รู้สึกว่ายังมีหวัง ยังมีอะไรต่อไปในวันข้างหน้า”
ในฐานะหมอดู อลิสามีความเห็นว่าการดูดวงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาความรู้สึกอันหนักอึ้งลง แม้การดูดวงไม่สามารถเทียบเคียงหรือแทนที่จิตแพทย์ หรือวิธีการบำบัดเฉพาะทางของนักจิตวิทยาได้ แต่การได้พูดคุยกับใครสักคนในวันที่รู้สึกแย่เป็นสิ่งที่ดีไม่น้อย
เช่นเดียวกันกับคำถามว่า หากไม่มีหมอดูแล้วสังคมจะเป็นยังไง อลิสากล่าวว่ามันอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทุกภาคส่วน กลับกันแล้วอาจทำให้ได้พบกับสังคมในด้านที่ไม่เคยเจอ ซึ่งอาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียไม่ต่างกับสังคมปัจจุบัน
“คนเราอาจจะเชื่อในความคิดตัวเองมากขึ้น ในขณะเดียวกันอาจจะเป็นโลกที่ไม่ได้มีความหวังอะไรให้เลยเมื่อเกิดคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตตัวเอง เช่น ทำไมชีวิตฉันต้องเจออุปสรรค ทำไมต้องเจอความทุกข์ ซึ่งมันอาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าเป็นห่วงที่สุดเท่าที่มันจะเกิดขึ้นได้กับคนที่ไม่มีที่พึ่ง”