เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Telenor Group บริษัทโทรคมนาคมจากนอร์เวย์ ประกาศขายกิจการให้กับ M1 Group ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งจากเลบานอน มูลค่ากว่า 105 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3,400 ล้านบาท ท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัยของลูกค้าและผู้ใช้งานเครือข่ายโทรคมนาคม
ล่าสุด (15 กันยายน 2564) Telenor ออกแถลงการณ์แจงสาเหตุและความจำเป็นที่ต้องขายกิจการออกจากเมียนมาว่า
“ตั้งแต่ Telenor ประกาศขายกิจการ Telenor Myanmar Ltd. ให้กับ M1 Group เสียงของผู้ใช้งานมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเรียกร้องให้ Telenor คงอยู่ในเมียนมาต่อไป เนื่องจากธุรกิจของเราให้ความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชน และรับผิดชอบต่อแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากล Telenor คำนึงถึงข้อกังวลเหล่านี้และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอยู่ในเมียนมาต่อไป โดยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามแนวทาง OECD สำหรับบริษัทข้ามชาติ ตลอดจนหลักการสำหรับธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของ UN ซึ่งล้วนสอดคล้องกับค่านิยมและมาตรฐานของเรา อย่างไรก็ตาม เราได้ข้อสรุปที่น่าเศร้าว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้และทำให้พนักงานของเราปลอดภัยในขณะที่ยังเป็นผู้ปฏิบัติงานในเมียนมา จึงเป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะอยู่ต่อในเมียนมา และเนื่องจาก Telenor ได้เริ่มกระบวนการอนุมัติการขายแล้ว จึงเป็นเวลาเหมาะสมที่จะชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของเรา
“นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในเมียนมา ทำให้เราตระหนักชัดเจนว่า หากเรายังคงดำเนินกิจการต่อไปจะทำให้ Telenor Myanmar ต้องติดตั้งอุปกรณ์ดักฟัง (intercept equipment) ให้กับเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมา ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของนอร์เวย์และนานาชาติ ดังนั้น Telenor Group จึงไม่อาจยอมรับให้มีการเปิดใช้งานอุปกรณ์ดักฟัง มากไปกว่านั้น เนื่องจากเมียนมายังไม่มีกรอบกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ในการปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานให้กับลูกค้าของเรา หากเปิดใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวในสถานการณ์เช่นนี้ จึงถือเป็นการละเมิดค่านิยมและมาตรฐานบริษัทของเรา ท้ายที่สุด ความขัดแย้งระหว่างกฎหมายท้องถิ่นกับกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชน ทำให้ Telenor Group ไม่อาจดำเนินธุรกิจในเมียนมาต่อไปได้
“หลังจากพยายามอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดใช้งานอุปกรณ์ดักฟัง ทำให้ Telenor Myanmar ยังมิได้ดำเนินการเปิดใช้อุปกรณ์ดังกล่าว และจะไม่ยินยอมกระทำแต่อย่างใด เนื่องจากความกังวลในความปลอดภัยของพนักงาน ทางเราจึงไม่สามารถให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่งของรัฐบาลในการติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังนอกเหนือจากอัพเดทสถานการณ์ปัจจุบัน
“Telenor รู้สึกกังวลและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความเสื่อมถอยของสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัย ภายหลังจากการทำรัฐประหารของกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประชาชนชาวเมียนมา สำหรับ Telenor การรักษาพันธสัญญาระหว่างประเทศ ภาระผูกพันทางกฎหมาย และการปฏิบัติตามค่านิยมและสิทธิมนุษยชนของเราถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเราจะดำเนินการอยู่ที่ใด
“แม้เราจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ Telenor Group ก็ไม่อาจดำเนินธุรกิจในเมียนมาต่อไปได้ เราเชื่อว่าการขายกิจการจะเป็นทางออกที่สร้างความเสียหายต่อสังคมเมียนมาน้อยที่สุด ทั้งยังช่วยรักษาเครือข่ายสมาชิกไว้ได้กว่า 18 ล้านคน ตลอดจนบริการสำคัญอย่างธนาคารและโรงพยาบาล และเป็นการรับประกันการจ้างงานอย่างต่อเนื่องสำหรับพนักงานของเราในห้วงเวลาที่ยากลำบาก ขณะนี้ความพยายามของเราจึงมุ่งเน้นไปที่การอนุมัติการขายกิจการของ Telenor Myanmar Ltd.”
ทางด้าน อาซมี ที. มิคาติ (Azmi T. Mikati) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M1 Group บอกกับสำนักข่าว Bloomberg ว่า “แทนที่จะหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้คนที่อาศัยอยู่ในนั้น (เมียนมา) ด้วยบริการระดับโลก โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสถานการณ์ทางการเมือง” เขากล่าวต่ออีกว่า “โทรคมนาคมเป็นบริการที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ท้าทาย”
ทั้งนี้ M1 Group เป็นบริษัทโฮลดิ้งของตระกูลมหาเศรษฐีอย่างมิคาติ รวมถึง นาจิบ มิคาติ (Najib Mikati) นายกรัฐมนตรีของเลบานอน โดยบริษัทนี้มีการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมที่จดทะเบียนในแอฟริกาใต้อย่าง MTN Group Ltd. ผู้ค้าปลีกแฟชั่นอย่าง Pepe Jeans และอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์ค ลอนดอน ดูไบ และเบรุต และยังถือเป็นผู้ประกอบการโทรคมนาคมรายล่าสุดในเมียนมา
อ้างอิง
- Telenor อธิบาย ต้องถอนตัวจากพม่า เพราะถูกบีบให้ดักฟังประชาชน
- Telenor Group sells Telenor Myanmar to M1 Group
- Continued presence in Myanmar not possible for Telenor
- Mikati’s M1 to Invest $330 Million After Buying Telenor Myanmar
Author
