ปัจจุบัน ภาวะร่างกายขาดวิตามิน D ในทางการแพทย์ไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรืออันตรายต่อสุขภาพ มากกว่าไปกว่าทำให้ต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ และโดยข้อเท็จจริง การสร้างฮอร์โมนอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงอาทิตย์เป็นปัจจัยหลัก
อย่างไรก็ตาม ฮอร์โมนจะกระจายและนำไปใช้งานได้ทั่วร่างกายขึ้นกับรูปแบบการใช้ชีวิตเป็นสำคัญ ยกตัวอย่าง ประชาการในเมืองโดยเฉพาะในประเทศแถบศูนย์สูตร ที่ลักษณะภูมิศาสตร์และสภาพอากาศทำให้การใช้ครีมกันแดดเป็นเรื่องปกติ และนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้วิตามิน D ไม่ได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ฮอร์โมนที่ร่างกายควรจะได้จึงน้อยกว่าปกติ
ทุกวันนี้ ประชากร 9 ใน 10 คนบนโลก ได้รับวิตามิน D ต่ำกว่าเกณฑ์
นอกจากนี้ รู้กันดีว่าวิตามิน D จำเป็นต่อระบบเผาผลาญโดยเฉพาะสารอาหารสำคัญอย่างแคลเซียม ที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าประโยชน์ของวิตามิน D ที่มากกว่านั้น เช่น ช่วยป้องกันมะเร็งและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น
ที่ผ่านมา มีบทความทางวิทยาศาสตร์หลายพันชิ้นที่บ่งชี้ว่า การที่ร่างกายขาดแคลนวิตามินD เป็นที่มากว่า 100 โรค
ในจำนวนนี้รวมถึงมะเร็ง 17 ชนิด ,ความดันโลหิตสูง , เบาหวาน , ภูมิแพ้ตัวเอง ,โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคติดเชื้อต่างๆ และ ภาวะขา 2 ข้างไม่เท่ากัน (Short Legs Syndrome)
ล่าสุดในหลายๆ ประเทศ นำความรู้ดังกล่าวไปพัฒนาเป็น การบำบัดโรคแนวใหม่ ด้วยการใช้วิตามินดีในปริมาณสูงภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หนึ่งในผลที่ได้คือ ผู้ป่วยจำนวนมาก ที่เป็นพาหะโรคภาวะการแข็งตัวของส่วนต่างๆ เช่น ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง , ภาวะเนื้อสมองกระด้าง ฯลฯ ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่อาจสรุปได้แน่นอนว่าผลดังกล่าวมาจากวิธีการบำบัดแนวนี้
*******************************
ที่มา : Worldcrunch.com อ้างอิงจากงานวิจัยของ Walter Feldman สมาชิกรัฐสภา ประเทศบราซิล และ Cicero Galli Coimbra นักประสาทวิทยา และ ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย เซา เปาโล