…เสียงเพลงแตกพังซึ่งถูกเล่นด้วยพิณเก่าโทรม คือสิ่งสุดท้ายที่แมวสีเทาได้ยินในยามที่จากมา…
ถ้ามีชีวิตอมตะคุณจะทำอะไร?
และถ้ามีชีวิตอมตะ แต่ต้องแลกกับการไม่มีหัวใจ
ยอมไหม?
Nine Lives: The Broken Song เป็นหนังสือนิยายภาพ (การ์ตูน) ภาคต่อจาก Nine Lives ที่บอกเล่าเรื่องราวสี่เรื่องสั้นที่มี ‘แมว’ เป็นตัวแทน ในขณะที่ The Broken Song เป็นเรื่องราวเพียงเรื่องเดียวที่มี ‘แมว’ เป็นตัวแทนในการตามหาบางสิ่งผ่านคำถามสำคัญสองประการข้างต้น
บางสิ่งที่ว่านั้นคือ ความรัก
ความรักในร่างที่ปราศจากหัวใจของแมวสีเทาที่มีชีวิตยืนยาวมากว่า 129 ปี
…แมวสีเทาครุ่นคิด
รักโดยปราศจากหัวใจอย่างนั้นหรือ
เป็นไปได้หรือ
หากสิ่งนี้เป็นไปได้จริงๆ มันก็อยากเห็นกับตา…
หลังจากปีศาจที่มอบชีวิตอมตะให้กับแมวสีเทาเพื่อแลกกับหัวใจที่มันจะมีโอกาสได้พบรักกับหญิงสาวโลกมนุษย์แม้เพียงชั่วครู่ก่อนจะตายจากไป ทำให้แมวสีเทาครุ่นคิดถึงการรักโดยปราศจากหัวใจ
จนกระทั่งการเดินทางกว่าสองปีทำให้แมวสีเทามาพบกับร่างปรักหักพังของรูปปั้นนักดนตรีที่เหลือเพียงนิ้วหนึ่งนิ้วกับการดีดผ่านสายพิณจากช่องอกที่กลวงเปล่า ทำให้แมวสีเทาได้พบกับชายชราที่เฝ้ารอ เฝ้ารอที่จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งสุดแสนมหัศจรรย์ โศกเศร้า และรันทดเกินกล่าว ทว่างดงามของอัจฉริยะนักปั้นที่สามารถปั้นชิ้นงานใดๆ ขึ้นมามีชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นนกที่สามารถส่งเสียงร้องโดยไม่ต้องมีอาหารประทังชีวิต หรือมังกรสีน้ำเงินประดับเครื่องเคลือบที่สามารถเลื้อยพันไปมาได้อย่างมีชีวิต
ในจำนวนงานปั้นทั้งหมดนี้ มีงานหนึ่งที่ช่างปั้นปั้นขึ้นจากความโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา ที่ทรัพย์ศฤงคารมากมายที่ได้จากการขายงานปั้นมีชีวิตไม่อาจรังสรรค์ได้
งานชิ้นนั้นคือหญิงสาวที่ช่างใช้เวลา 20 ปีในการเสกสร้างขึ้นมา
…เขาเริ่มปั้นตอนอายุ 45 กว่าจะเสร็จก็อายุ 65…
แน่นอนว่าเมื่อเป็นการงานแห่งความรัก รูปปั้นหญิงสาวจึงมีชีวิต และงดงามเหนืองานปั้นใดๆ ที่ช่างปัั้น ปั้นมาตลอดทั้งชีวิต จนกระทั่งวันเขาเอ่ยถามหาความต้องการจากรูปปั้นสาว แล้วได้รับคำตอบว่าสิ่งที่หล่อนต้องการนั้นคือนักดนตรีดีดพิณที่ปรากฏอยู่ในภาพวาดบนผนัง
ราวกับการส่งสัญญาณบางอย่างให้ผู้ที่ไม่อาจเคยตระหนักเลยว่าในร่างไร้หัวใจที่ตนได้เสกสร้างขึ้นมานั้น กำลังก่อกำเนิดบางสิ่งขึ้น หลังจากอีกเจ็ดปีผ่านไป รูปปั้นนักดนตรีจึงเสร็จสิ้น โดยมีช่องว่างกลวงเปล่าที่หน้าอกทำหน้าที่ขับกังวานเสียงดนตรีจากสายพิณ ที่เจ้าตัวรูปปั้นหาได้รู้หรือสนใจใดๆ ในความหมายของเสียงเพลง จนกระทั่งวันที่รูปปั้นนักดนตรีได้เพ่งพิศมองหน้ารูปปั้นหญิงสาวในแสงจันทร์จนที่สุดจึงตกหลุมรัก แล้วแต่งเพลงขึ้นมาได้เองเพื่อรูปปั้นหญิงสาวโดยเฉพาะ
เวลานั้นเองที่ความรักในร่างไร้หัวใจจึงได้เกิดขึ้น เป็นเวลาเดียวกันที่ช่างปั้นจึงตระหนักในที่สุด ว่างานสร้างสรรค์ของตนเองกลับมีชีวิตขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม และมีความรักที่ตนไม่อาจเป็นเจ้าของได้ในที่สุด
ทางเลือกของผู้สร้าง จึงกลายเป็นการทำลายชีวิตของผู้ถูกสร้าง
ทว่าการถูกทำลาย หาได้เป็นการดับสิ้นหนทางในการมีชีวิต
จากวันนั้น เพียงเสี้ยวหน้าที่ยังเหลืออยู่ของรูปปั้นหญิงสาวเมื่อถึงคืนจันทร์เต็มดวงจะปรากฏน้ำตาหลั่งออกมาเพียงหนึ่งหยดแล้วกลายสภาพเป็นหิน
จากวันนั้น เพียงหนึ่งนิ้วกับสายพิณที่ยังเหลืออยู่เหนือทรวงอกที่ว่างเปล่าของซากปรักหักพังของรูปปั้นดนตรี
บทเพลงที่แต่งขึ้นจากความรักที่ไม่สมหวังจะดังก้องขึ้นในป่าแห่งนั้น
…สำหรับช่างปั้น เสียงเพลงที่แตกพังกับน้ำตาหยดเดียวนั้น บอกอะไรมากมายเหลือเกิน…
ถึงจุดนี้ คงเดาได้ไม่ยากว่าชายชราที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวของช่างปั้นนั้นแท้จริงแล้วเป็นใคร…
และเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร
แต่ในบางครั้ง หรือหลายๆ ครั้งด้วยซ้ำที่การรู้คำตอบอาจไม่ได้หมายความว่าจะรู้จนจบครบหมดสิ้นในความหมายของคำว่ารัก ที่แม้มีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะก็กลับกลายเป็นความว่างเปล่า เมื่อไม่เคยรู้เลยอย่างแท้จริงว่ารักนั้นคืออะไร?
ตราบจนวันเรือนร่างเหลือเพียงเถ้าธุลี อาจเก็บได้แต่เศษซากความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมี…
รัก.
Nine Lives: The Broken Song
ทรงศีล ทิวสมบุญ
สำนักพิมพ์ Full Stop Publishing Limited Partnership