กอสสิปเกิร์ล ฉบับแจ็คเกอรีน

IMG_9182

เรื่อง : อภิรดา มีเดช
ภาพ : อนุช  ยนตมุติ

 

ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าข่าวบันเทิงที่นำเสนอกันในหน้าสื่อ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์มักเป็นข่าวประเภทรักๆ ใคร่ๆ ของดารา เช่น คนนั้นกำลังคบกับใคร เลิกกับใคร คนนี้มีกิ๊ก หรือคนนั้นตบตีแย่งแฟนชาวบ้าน ขณะที่ข่าวบันเทิงแนวอื่น อย่างดาราทำบุญ ช่วยเหลือการกุศล หรือดาราเรียนเก่ง ยังเป็นได้แค่ไม้ประดับกรอบเล็กๆ หน้าบันเทิง

เมื่อความบันเทิงรูปแบบนี้ขายได้และยังคงขายดี (มาก) ไม่มีเปลี่ยน ข่าวบันเทิงแนว ‘มุดมุ้งดารา’ จึงยืนหยัดคู่สังคมไทยตลอดมา และนับวันดีกรีก็ยิ่งร้อนระอุทะลุองศาขึ้นเรื่อยๆ

วงจรข่าวบันเทิงไทยน่าจะเรียกได้ว่าเป็นกึ่งๆ ‘ละครรีเมค’ เพราะแม้บรรยากาศของสื่อบันเทิงวันนี้จะไม่มีเค้าเหมือนเมื่อสิบปีก่อนแน่ๆ แต่แนวการนำเสนออาจจะยังไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นผู้สื่อข่าวที่เลือกเดินบนเส้นทางสายนี้ก็มีการแข่งขันที่สูงมิใช่น้อย

นี่เป็นมุมมองจากนักข่าวบันเทิงรุ่นพี่ที่อยู่ในวงการมากว่า 10 ปีอย่าง แจ็คเกอรีน พัฒนชัย อดิเรก แห่งนิตยสารบันเทิงที่ขึ้นชื่อว่าขายดีที่สุดในประเทศ ทีวีพูล

หลายคนอาจจะมองว่าเธอแย่งซีนดาราบ้าง เป็นนักข่าวเทวดาบ้าง แต่งตัวเซ็กซี่เกินจุดเหมาะสมก็บ้าง แต่ไม่ว่าใครจะมองอย่างไร เราก็อยากเปิดพื้นที่ตรงนี้ให้เธอได้พูดอะไรที่ไม่ใช่เรื่องกอสสิปบ้าง

 

+ เคล็ดลับฉบับแจ็คเกอรีน

กว่าจะมาเป็น ‘แจ็คเกอรีน’ ในวันนี้ ตัวเธอเองยอมรับว่า มันมีกระบวนการของมันอยู่

วันนี้ทุกคนคงติดลุคของแจ็คเกอรีนที่ต้องเซ็กซี่ตลอดเวลากันหมดแล้ว แต่เธอบอกว่าสมัยเรียนไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงคำว่าเซ็กซี่แม้แต่น้อย

เอาเป็นว่าหากเพื่อนสมัยเรียนมาเจอเธอตอนนี้อาจถึงขั้นเกาหัว “แจ็คเกอรีน! เธอคือจักรินทร์สมัยเรียนจริงๆ เหรอ” ไม่ใช่แน่ๆ (จักรินทร์คือชื่อเดิมก่อนเปลี่ยนเป็นพัฒนชัย)

จากเด็กเรียน ใส่แว่น ท่าทางเนิร์ดๆ ไม่สนใจอะไรที่เกี่ยวกับวงการบันเทิงเลย กลายเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันขนาดนี้ เธอบอกว่าด้วยหน้าที่การงานทั้งนั้น ทำให้เธอพัฒนาเลเวลมาถึงขั้นนี้ได้

แจ็คเกอรีนเฉลยให้ฟังว่าลุคนี้เกิดขึ้นจากการเป็นพิธีกรรายการ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ทูไนท์ เมื่อหกเจ็ดปีก่อน ซึ่งวางคอนเซ็ปต์รายการและคาแรคเตอร์สุดเซ็กซี่ให้กับเธอ หลังจากนั้นมันถึงค่อยๆ กลมกลืนติดตัว จนตอนนี้ไม่ว่าสลัดยังไงก็คงไม่ออกแล้ว

ตอนนี้ถือได้ว่าแจ็คเกอรีนเป็นนักข่าวบันเทิงเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย ที่ดังและคิวชุกกว่าดาราหลายคนด้วยซ้ำ เข้าปีที่ 12 แล้วที่เธออยู่ยั้งยืนยงในฐานะผู้สื่อข่าวบันเทิงทีวีพูล ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นหรือรุ่นน้องผลัดใบกันไปหลายรอบแล้ว

น่าจะมีเหตุผลที่ทำให้เธอสามารถยืนอยู่ตรงจุดนี้ได้นานกว่าคนอื่นๆ

ตั้งแต่เรียนจบจากนิเทศฯ จุฬาฯ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แจ็คเกอรีนก็เริ่มงานกับทีวีพูลเป็นที่แรกและที่เดียว เธอสารภาพว่าเคยมีช่วงที่อยากย้ายงานบ้างเหมือนกัน แต่พอผ่านช่วงนั้นมาได้รู้สึกตัวอีกทีก็พ้น 10 ปีเข้าไปแล้ว

“อย่างที่เราทำทุกวันนี้ อาจจะมีความสุขโดยไม่รู้ตัว เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้เจอพระเอก ได้พูดคุยกับคนโน้นคนนี้ ได้สาระแนเรื่องชาวบ้าน แล้วก็มาเล่าต่อ มันก็คงเอ็นจอยไปโดยอัตโนมัติ” เห็นสีหน้าเธอแล้วรู้สึกว่าบันเทิงไทยอยู่ในสายเลือดจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ยาวได้ขนาดนี้

“มันมีคำที่เราใช้บอกน้องๆ ว่า เราต้องรักงานที่เราทำน่ะค่ะ ถ้าเราไม่มีความรักที่จะทำ คือพอตื่นเช้ามาแล้ว สมมุติทำงานออฟฟิศแต่อยากกลับบ้าน เบื่อมาก ก็ให้เลิกทำอาชีพนั้นแล้วไปหางานที่เราทำแล้วมีความสุขดีกว่า”

‘หาความสุขจากงานของเรา แล้วก็อยู่กับมันให้ได้’ แม้คำพูดคำจาจะเหมือนนางงามเข้าไปทุกที แต่เราว่าคำพูดของเธอไม่ได้มีอะไรผิดสักนิด

 

IMG_9142

 

+ เช็คข่าวก่อนขยาย…

“ยุคนี้ 80 เปอร์เซ็นต์นักข่าวเป็นเหยื่อของดาราโดยไม่รู้ตัว” แจ็คเกอรีนบอกเราแบบนี้ เพราะเธอก็เคยผ่านประสบการณ์ถูกดาราสาวคนหนึ่งยืมมือไปหลอกคนทั้งประเทศมาแล้ว วิธีป้องกันการตกเป็นเครื่องมือที่ชะงัดนักก็คือ ต้องเช็คข่าวก่อนขยายทุกครั้ง และวิธีเช็คข่าวของแจ็คเกอรีน ชัวร์สุดก็ต้องโทรถามต้นเรื่องเสียเลย แต่…

“ถึงจะออกจากปากเจ้าตัวเอง เราก็ต้องใช้วิจารณญาณด้วย เพราะดาราบางคนก็จะมีวิธีตอบที่กั๊กเอาไว้ คือเราทำงานมานาน แล้วทำงานกับคน จิตวิทยาก็ต้องมีบ้าง”

หลังได้คำตอบมาก็ต้องผ่านการประมวลระดับ ‘ไร่สตรอเบอร์รี’ ก่อนว่าพูดจริงหรือเปล่า ถ้าจริงจะจริงกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วค่อยมานำเสนออีกที

“ส่วนใหญ่สิ่งที่เรานำเสนอไม่ได้โกหกหรอกค่ะ” แจ็คเกอรีนบอกให้เราไปเช็คได้เลย ดาราที่มีข่าวว่าท้องก่อนแต่ง เธอรับรองว่า 95 เปอร์เซ็นต์ เป็นอย่างที่ข่าวนำเสนอจริงๆ

แต่เห็นภาพลักษณ์แรงๆ แบบนี้ก็เถอะ ตัวจริงเธอบอกว่าดราม่าไม่แพ้ละครทีเดียว

“จริงๆ เราก็ใจอ่อนนะ เพราะดาราบางคนจนตรอกหรือตกอับเอาของไปตึ๊งมากมาย เราก็ไม่อยากทำร้ายเขา หรือดาราบางคนท้องไม่มีพ่อ เราก็พยายามช่วยเขาเท่าที่ช่วยได้ คงไม่ได้ช่วยแบบสุดโต่งไปเลย เพราะคนก็จะไม่เชื่อเราอีก”

แต่นักข่าวก็เหมือนคนทั่วไป บางทีก็ต้องมีกระทบกระทั่งกับดาราบ้างเป็นธรรมดา

“ต้องมีบ้างนะคะ สิบปีไม่ทะเลาะกับใครเลยคงเป็นไปไม่ได้”

และคงเป็นเรื่องปกติที่นักข่าวสายนี้จะสนิทกับดาราอยู่แล้ว แต่คำว่า ‘สนิท’ ของแจ็คเกอรีน ก็ไม่ใช่ว่าต้องโถมเข้าไปทั้งตัว

“ถามว่าสนิทกับดาราไหม ก็สนิทเยอะนะ แต่เราไม่ได้เอาตัวเข้าไปอินกับเขามาก เพราะเราก็อยู่ในหน้าที่นักข่าว ถ้าสนิทกันมาก อย่างเมื่อคืนเพิ่งไปกินข้าวกันมา แต่รุ่งขึ้นต้องถือไมค์ไปถามเขาว่าวันก่อนไปกับคนนั้นมาใช่ไหม มันก็ไม่ได้น่ะ เราต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ เพื่อทำหน้าที่นักข่าวของเราให้เต็มที่”

 

IMG_9161

 

+ บันเทิงอย่างสร้างสรรค์

แม้จะทำข่าวบันเทิงเป็นหลัก แต่แจ็คเกอรีนก็ยังมีหมวกหลายใบทั้งในและนอกทีวีพูล เป็นดีเจคลื่นเพลงลูกทุ่งที่มีแฟนเหนียวแน่น ทำรายการโทรทัศน์ รายงานข่าวบันเทิงต้นชั่วโมงตลอดวัน แล้วยังเจียดเวลาไปเขียนคอลัมน์ลงนิตยสารได้อีก

รายการวิทยุคลื่นลูกทุ่งที่เธอจัด อาจไม่ได้โดดเด่นเรื่องข้อมูลเพลงหรือนักร้อง แต่รับรองว่าถ้าฟังช่วงที่เธอจัด 10 โมงถึงเที่ยงทางคลื่น แซ่บเรดิโอ 90.0 MHz จะได้อรรถรสไม่ต่างจากฟังเพื่อนเมาท์ข่าวดาราสมชื่อคลื่นเขานั่นแหละ

เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นเช้ามาแจ็คเกอรีนทำงานไม่มีหยุด ข้าวปลาจะได้กินตามอัธยาศัย ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่กิน เธอบอกว่าแทบไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย แต่หุ่นที่ผอมเพรียวยิ่งกว่านางแบบน่าจะมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอมากกว่า

หลังเสร็จงานแต่ละวัน สิ่งที่แจ็คเกอรีนมักไม่พลาดที่จะอัพเดทก็คือละครที่กำลังฮิตอยู่ในช่วงนั้นๆ แต่ทั้งที่เธอเป็นคนอินกับอะไรง่ายๆ ก็ยังสารภาพกับเราว่า เธอดูแค่ให้มัน ‘จบ’ ไปวันๆ เท่านั้น

“เพราะเรางานเยอะน่ะ เลยไม่สามารถที่จะอินมากหรือคิดต่อ เพราะตื่นเช้ามาก็ต้องคิดแล้วว่า ต้องทำอะไรบ้าง ต้องเจออะไรบ้าง เสร็จแล้วต้องทำยังไงต่อ รายละเอียดในชีวิตมันเยอะ เลยไม่มีเวลามานั่งคิดอะไรมากมาย”

เทียบกันแล้ว ละคร กับ ข่าวบันเทิง ก็มีอะไรคล้ายกันอยู่ไม่น้อย ยิ่งละครรีเมคด้วยแล้ว กลิ่นก็ยิ่งติดจมูกคนไทยมากขึ้นเท่านั้น

“อาจจะพัฒนาแค่ลักษณะการนำเสนอ พวกมุมกล้อง มีแบบสามมิติขึ้นมาหรือเป็นไฮเดฟ แต่สุดท้ายใจความสำคัญก็ยังเหมือนเดิม ต่อให้เรามีดาวอังคารอยู่ คนไทยก็ยังชอบดูอย่างมุนินทร์กับมุตตากันต่อไป ดูแล้วก็มาถกกันหน้าเครียดหน้าดำอยู่ดี

“อย่าหลอกตัวเองเลยว่ามันเปลี่ยนไป คนเราก็ต้องชอบอะไรเหมือนเดิมๆ นั่นล่ะค่ะ”

และเมื่อถามถึงแนวโน้มของข่าวบันเทิงว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แจ็คเกอรีนก็แย้มให้ฟังว่า

“ดูข่าวบันเทิงมันก็เหมือนดูละครน่ะ เสร็จปุ๊บก็จบไปวันๆ อย่าไปซีเรียสแบบว่าพระเอกในดวงใจสูบบุหรี่ มีเมียน้อย มีกิ๊ก เอาคนนั้นอีกแล้ว คือให้ดูเป็นเรื่องบันเทิง จบไปวันๆ แล้วจะแฮปปี้” แต่ก็มีกระแสไม่น้อยทั้งบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียว่าทำไมสื่อไม่ค่อยนำเสนอข่าวดาราทำเรื่องดีๆ บ้าง

“ถามตัวเองก็ได้ เราก็ไม่อยากดูข่าวดาราทำบุญหรอก ตราบใดที่สังคมไทยยังชอบละครน้ำเน่าอยู่ ตราบนั้น ไม่มีทางที่ข่าวกอสสิปจะไม่มีในสังคมไทย”

กอสสิปเกิร์ลคนดังยืนยันว่าข่าวบันเทิงที่นำเสนอส่วนใหญ่ต้องคงความฉาวเอาไว้ต่อไป เมื่อไหร่ก็ตามที่ข่าวบันเทิงประเภทจรรโลงสังคมได้รับการนำเสนอเป็นหลัก นั่นอาจเป็นสัญญาณของความล่มสลายในอาชีพสื่อบันเทิงของเธอก็เป็นได้

“ถ้าคุณยังมีข่าวให้พูด มีข่าวลงหนังสือพิมพ์ คือคุณยังไม่ตายไปจากวงการ แต่ตราบใดที่คุณไม่มีข่าว คือเจอหน้าแล้วไม่รู้จะถามอะไร ไม่มีเรื่องให้ถาม คือมันก็ตายน่ะ เอาง่ายๆ ถ้าสื่อยังไม่พูดถึง แล้วประชาชนจะพูดถึงได้ยังไง”

เพราะวัฏจักรของ ละคร ดารา เรื่องราวฉาวโฉ่ เปรียบเหมือนเครื่องจักรที่สามารถผลิต ‘ข่าว’ รูปแบบหนึ่งได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น เธอจึงกล้าการันตีได้ว่า…กอสสิปบันเทิงไม่มีวันตาย

 

*ตีพิมพ์ครั้งแรกใน นิตยสาร WAY 56
ธันวาคม 2555

Author

อภิรดา มีเดช
อดีตภูมิสถาปนิกที่สนิทสนมกับตัวหนังสือมากกว่าต้นไม้ สารพัดขนแมวที่ติดอยู่บนเสื้อสีดำเป็นเครื่องหมายแสดงความจิตใจดี เป็นเครื่องประดับแสดงความเป็นทาสแมว สนใจด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา ประวัติศาสตร์ การเมือง รวมถึงการวิพากษ์สังคมและบุคคลอย่างตรงไปตรงมา
(กองบรรณาธิการ WAY ถึงปี 2559)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า