รัฐบาลอเมริกันแนะให้อเมริกันชนดื่มนมขาดมันเนย (skim milk) วันละสามแก้ว กระทรวงเกษตรแนะให้หันมาดื่มนมไขมันต่ำตั้งแต่ปี 1985 ตามกฎหมายโภชนาการอาหารเด็ก 2010 (Healthy, Hunger-Free Kids Act of 2010) โรงเรียนรัฐให้บริการนมแก่เด็กนักเรียนได้เฉพาะนมไร้ไขมันและนมไขมันต่ำเท่านั้น
สำหรับบางคน นี่คือชัยชนะที่แท้จริง “ครั้งที่ผมยังอยู่ในสภาคองเกรส เด็กนักเรียนไม่ได้ทานนมไขมันต่ำในมื้อกลางวัน!” แดน กลิกแมน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร สมาชิกรัฐสภาตัวแทนจากแคนซัส ให้ทัศนะ นมขาดมันเนยได้กลายเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อให้อเมริกันชนเปลี่ยนแปลงไปทานอาหารที่มีประโยชน์
ในอดีตประชาชนทั่วไปไม่ได้รู้สึกกับนมขาดมันเนยในแง่บวก ในปี 1942 นิวยอร์กไทมส์ ตีพิมพ์บทความที่กล่าวว่า นมผงขาดมันเนย (powdered skim milk) จะ “ช่วยให้เราชนะสงคราม” นักโภชนาการหลายต่อหลายคนแนะให้ส่งนมผงขาดมันเนยข้ามน้ำข้ามทะเลไปให้ทหารอังกฤษ ผู้เขียนบทความชิ้นดังกล่าวชี้ว่า นมขาดมันเนย “มีคุณค่าในเชิงการค้าน้อยมาก” เพราะตัวสินค้าไม่ได้รับความนิยม ทว่าคาร์ลอส ซี. แวน เลียร์ จูเนียร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านงบประมาณของประเทศ แย้งว่า คนอเมริกันไม่รู้ว่าพวกเขาต้องสูญเสียอะไรไป
พอถึงทศวรรษ 1980 นมขาดมันเนยก็กลายเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ทั่วไป แต่ก็ยังสู้นมอุดมไขมันไม่ได้ ต่อเมื่อกระทรวงเกษตรหันมาสนับสนุนให้ประชาชนดื่มนมขาดมันเนยในปี 1985 พอถึงปี 1988 ยอดขายนมขาดมันเนยก็สูงกว่านมธรรมดาเป็นครั้งแรก
เมื่อมิเชล โอบามา ออกมารณรงค์โครงการ Let’s Move! ในปี 2010 อันเป็นโครงการเพื่อขจัดโรคอ้วนในเด็ก นมขาดมันเนยคือเครื่องมือสำคัญในการรณรงค์ โดยเฉพาะในการเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปอาหารกลางวันของโรงเรียน กลุ่มบางกลุ่มอย่างเช่นสมาคมอาหารจากผลิตภัณฑ์นมนานาชาติใช้โอกาสนี้รณรงค์ให้เด็กๆ ดื่มนมกันมากขึ้น
แต่ในวันนี้ นักวิจัยและนักเขียนบางคนเริ่มตั้งคำถามกับคุณค่าทางโภชนาการจากนมขาดมันเนย นักวิจัยบางคนแย้งว่าการดื่มนมไขมันต่ำทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น จนต้องกินอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรต เพราะบริษัทนมได้ใส่สารแต่งรสหวานลงไป เพื่อให้เด็กๆ อยากทาน
งานวิจัยอีกที่ตีพิมพ์ในวารสารสุขภาพ the Archives of Disease in Childhood เมื่อเดือนมีนาคม 2556 ก็ชี้ว่า ทั้งนมพร่องมันเนยและนมไขมันต่ำไม่ได้ช่วยให้เด็กมีน้ำหนักตัวที่ได้สัดส่วน แต่กลับทำให้เด็กมีน้ำหนักตัวเยอะขึ้น เด็กที่ดื่มนมธรรมดาหรือนมที่มีไขมัน 2 เปอร์เซ็นต์ในช่วงอายุ 2-4 ปี กลับมีดัชนีมวลกายต่ำกว่าเด็กที่ทานนมไขมัน 1 เปอร์เซ็นต์หรือนมขาดมันเนย ปัจจัยอื่นๆ ที่มาช่วยหนุนเสริมสภาพการณ์นี้ก็คือ ผู้ปกครองของเด็กอายุ 2-4 ปี สนับสนุนให้เด็กทานนมไขมันต่ำเพื่อต่อสู้กับโรคอ้วน
ยิ่งกว่านั้น กลุ่มทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมการเกษตร รวมทั้งเกษตรกรผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมและน้ำตาล คือผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริงจากโครงการรณรงค์ต่างๆ ที่เรียกร้องให้ยกเครื่องอาหารกลางวันของโรงเรียนและพฤติกรรมการทานอาหารของคนอเมริกัน
********************************