รายงานตีพิมพ์ในวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกัน (The Journal of the American Medical Association Internal Medicine: JAMA Internal Medicine) เมื่อ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา เก็บข้อมูลตัวอย่างจดหมายที่มีข้อมูลของสารเจือปนอาหาร อาทิ คาเฟอีน หรือสารให้ความหวาน จากบริษัทอาหาร 451 ชิ้นที่ส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (U.S. Food and Drug Administration: FDA) เพื่อรับรองความปลอดภัย ระหว่างปี 1997-2012
จากรายการประเมินความปลอดภัยวัตถุเจือปนอาหารในรายชื่อที่ ‘ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัย’ (generally recognized as safe: GRAS) โดย FDA ทีมวิจัยได้ข้อสรุปว่า ร้อยละ 22.4 ของการประเมินความปลอดภัยของสารเจือปนอาหารมีที่มาจากลูกจ้างของผู้ผลิตสารนั้นๆ ร้อยละ 13.3 ประเมินผลความปลอดภัยผ่านหน่วยงานที่คัดเลือกโดยผู้ผลิตเอง และร้อยละ 64.3 ได้รับการประเมินผลโดยผู้เชี่ยวชาญ ที่บริษัทที่ปรึกษาของผู้ผลิตเลือกเข้ามาดำเนินการ
แพตตี้ เลิฟเวรา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ Food & Water Watch องค์กรอิสระด้านอาหารและน้ำ ตั้งข้อสังเกตว่าเทรนด์การแทรกแซงความปลอดภัยทางอาหารโดยบรรษัทอุตสาหกรรมอาหารมาแรงในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
“ถ้าปล่อยให้บริษัทผู้ผลิตอาหารตัดสินใจและเลือกทีมประเมิน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีอิทธิพลอะไรบางอย่าง” โธมัส เนลต์เนอร์ ผู้อำนวยการโครงการศึกษาวัตถุเจือปนอาหารของ Pew เอ็นจีโอด้านสุขภาพในสหรัฐ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมในกฎหมายวัตถุเจือปนอาหาร ปี 1958 ที่อนุญาตให้บรรษัทอาหารตรวจสอบกันเอง โดยไม่จำเป็นต้องส่งเรื่องเข้า FDA
“ข้อกำหนดเรื่องสารเคมีควบคุมในแร็คเก็ตเทนนิสยังเข้มงวดกว่าที่กำหนดไว้ในอาหารของพวกเรา” เนลต์เนอร์ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ USA Today
“อย่างน้อยเวลามีสารเคมีตัวใหม่ในท้องตลาด ผู้ประกอบการจำเป็นต้องแจ้งให้ EPA (สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ [Environmental Protection Agency]) ทราบ แต่ FDA ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องนี้เลยเมื่อเรามีสารเจือปนอาหารชนิดใหม่” เนลต์เนอร์ทิ้งท้าย
ที่มา: commondreams.org