เรื่อง : เพรงเทพ
ภาพ : อนุช ยนตมุติ
แดดในฤดูหนาวร้อนแรงบาดเนื้อย่านทาวน์อินทาวน์ เป็นที่ตั้งของออฟฟิศใหม่ซิงๆของบริษัท ไอ.ดี. โปรเจ็คท์ จำกัด ซึ่งเป็นแหล่งระดมสมองของอดีตดาราวัยรุ่น 3 คนที่ขยับขึ้นมาตั้งบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์เองในชื่อรายการว่า ‘พุด-ต้า-เร’ สำหรับเรย์ แมคโดนัลด์ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์บ่อยนัก เพราะจะพูดสั้นกระชับไม่พล่ามพรรณนาอันเป็นบุคลิกเฉพาะตัว จนหลายๆคนบอกว่าเขาพูดไม่รู้เรื่องหรือไพล่ไปตีตราว่า สมาธิสั้น
เรย์ ถือว่าเป็นไอดอลคนหนึ่งของวงการบันเทิงไทย ในฐานะดาราวัยรุ่นชื่อดังที่ดูแหกและขบถไม่เหมือนใคร ถึงวันนี้เขาดูผ่อนคลายอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส หัวเราะร่วน พร้อมหน้าที่ใหม่คือ ครีเอทีฟรายการให้กับเพื่อนสนิท ลีโอ พุฒ และต้าร์ บาร์บี้-เผ่าพล เทพหัสดิน ณ อยุธยา “ความจริงแล้วผมมาเป็นครีเอทีฟรายการทีวี มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะรายการที่เคยทำมาอย่าง วีซ่า ผมก็มีส่วนร่วมในการครีเอทีฟอยู่แล้ว แต่เขาไม่ยอมขึ้นเครดิตให้ ล้อเล่นนะครับ (หัวเราะ) มาถึงรายการตรงนี้ทุกอย่างก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ทุกอย่างที่เราเอามาใส่ในรายการก็เหมือนเพื่อนนั่งกินเหล้าคุยกัน โครงของเรื่องก็มาจากพวกเรา 3 คน ผม ต้าร์ และพุฒ ส่วนไอเดียย่อยๆก็มีทีมงานเบื้องหลังอีก 4-5 คนที่เขาเป็นมืออาชีพอยู่แล้วมาช่วยทำในด้านโปรดักชั่น” เรย์คุยไปเรื่อยๆ แบบสบายอารมณ์
ลีลาของพิธีกรที่มีการพูดไม่เหมือนใคร เรย์ย้ำว่า เป็นบุคลิกของเขาเอง เพราะต้องการจริงใจกับคนดู
“ผมไม่ได้สร้างบุคลิกของผม เราเป็นของเราอย่างนี้ อะไรดีเราก็บอกว่าดี อะไรไม่ดี เราก็ว่าไม่ดี อยากให้คนดูรู้สึกว่า ไอ้เรย์นี่มันเป็นเพื่อนเรา จับต้องได้ ไม่ได้มาสร้างภาพ รายการพุด-ต้า-เร อยากให้เป็นอย่างนั้น คืนวันเสาร์ถ้าไม่มีใครออกไปเที่ยวก็มาดูเรา 3 คนนั่งคุยกัน หาอะไรขำๆ มีปนเปื้อนกระตุกต่อมคิดนิดหนึ่งก็โอเคแล้ว”
การถามจี้จุดเรย์ด้วยความสงสัยมาเนิ่นนานว่า เขาอยู่ในวงการมาเป็น 10 ปีตั้งแต่เป็นวัยรุ่น แต่ไม่รับเล่นละครทีวี
“ผมรับงานพิธีกรกับเล่นหนัง คิดว่าทำได้แค่นี้ ส่วนละครทีวี มีสมัยก่อนตอนเด็กๆ เข้ามาใหม่ในวงการ หน้าใสๆ มีคนติดต่อเล่นละคร ตอนนั้นก็รู้สึกว่ายังไม่พร้อม ยังมีอคติอะไรกับพวกละครทีวีเยอะ อาจจะเป็นไปได้ที่คิดว่า ละครทีวีไทยน้ำเน่า แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนเด็กๆ เราก็รู้สึกว่า ละครบางเรื่อง โปรดักชั่น บทยังไม่ดี แต่ในตอนนั้นนะ ก็เลยไม่เล่นดีกว่า ไม่ชัวร์ไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองด้วย แต่ว่าตอนนี้ถ้ามีโอกาส ครั้งหนึ่งในชีวิตก็จะทดลองดู ถ้าบทดีๆ ผู้กำกับเจ๋งๆ”
เรย์มองว่า วงการบันเทิงไทยในปัจจุบันมีคนกล้าแหกกล้าทำอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ทั้งเพลง ทีวี ทั้งหนัง มีตลาดใหม่ๆ เข้ามาเยอะ มีอะไรให้เลือกเยอะมากขึ้นกว่า 10 ปี 15 ปีที่แล้ว
“คนทำรายการทีวีมีมาก อยากได้เวลากันบานเลย มีขาใหญ่ ขาประจำ โพลิติกส์ (การเมือง) มันก็เยอะ จริงแล้วผมชอบเคเบิล ชอบทางอินเทอร์เน็ต ทำรายการเล็กๆ อย่างนี้มากกว่า ไม่ค่อยชอบรายการใหญ่ๆ เท่าไหร่ รู้สึกว่า โพลิติกส์ในรายการทีวีมันเยอะ ไม่มีเส้นไม่มีอะไรก็หนัก เพราะมีแต่คนอยากทำรายการทีวี อาจจะนึกว่า มันง่ายและรวย เพราะเห็นแต่ภาพพวกประสบความสำเร็จอย่างเดียว ที่เขารวยกันเป็นพันๆ ล้าน ไม่มีคนที่มองดูเจ้าเล็กๆ ที่ทำกัน ไม่มีใครโฟกัสตรงนี้ ที่ตายไปติดหนี้บานเลย จะไปโฟกัสเฉพาะที่ประสบความสำเร็จ”
นอกจากนี้ เขาก็ยังบอกว่า ไม่ค่อยชอบข่าวคราวเรื่องซุบซิบ และพวกปาปารัซซี่
“มันขายดีมาก ผมว่าจะทำเองบ้าง ถ่ายรูปเพื่อนๆ ไปขาย แต่อีกมุมหนึ่งก็ดี เหมาะกับเวลาไปอ่านในห้องน้ำ เป็นทอยเล็ต แมที-เรียลที่ดีมากๆ ในเมืองนอกก็มีเยอะ แต่อย่างว่า คนชอบอ่าน ผมก็ชอบอ่าน ผมว่าทุกคนชอบอ่าน คือไม่ต้องคิดอะไรมาก ชีวิตมันก็เครียดอยู่แล้ว “สำหรับผมก็อยากให้มีปาปารัซซี่มาตามเหมือนกัน แต่ไม่มี ผมก็พาแฟนเดินในที่ที่เขาชอบโดนถ่ายกัน ในโรงหนัง แต่ก็ไม่มีใครถ่าย ต้องรอให้ฮอตก่อน แต่ก็ผ่านมาแล้วช่วงนั้น เห็นเพื่อนๆ โดนก็น่าสงสาร”
ปัจจุบัน เรย์ได้หยุดการเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยวไป 1 ปีเต็ม เนื่องจากถึงจุดเบื่อและอับตัน
“ผมดีใจที่หยุด เพราะคิดว่าตอนนั้นมันเป็นงานแล้วกลับมาดูรายการที่ยูบีซีนำมาฉายอีกที เทปแรกๆที่ถ่ายหน้าผมเอ็นจอยมาก เห็นแล้วรู้สึกได้ ส่วนเทปหลังๆ หน้าก็หมองแล้ว คิดว่า พอเถอะ อยากนอนอยู่บ้าน เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น 2 ปีหลังสุด นี่เราทำอะไรอยู่นอนโรงแรมตื่นมาไม่รู้ว่าอยู่ไหนแล้ว ทุกอย่างมันเริ่มเหมือนกันหมดแล้ว วัฒนธรรมมันกลายเป็นแบบวัฒนธรรมโลกวัฒนธรรมเดียว ที่มีสตาร์บัคส์ แมคโดนัลด์
เราต้องออกจากเมืองหลวงเพื่อจะให้ไปเจอวัฒนธรรมที่มันชัดเจน ต้องออกไปค้นหา
“การจะทำอะไร ผมว่ามันต้องสนุกก่อน ถ้าเกิดไม่สนุกมันจะเห็นจากงานของเราเลยว่า เราไม่อิน อย่างแรกผมว่าในการทำงานเราต้องสนุกก่อน หลังจากนั้นถ้าเกิดคนดูหรือคนฟังอะไรก็แล้วแต่ เขาจะสนุกไปด้วยมันก็เป็นโบนัสของเรา เพราะเราไม่รู้ว่าตลาดอยากได้อะไรแนวไหนทำอย่างที่เราชอบ แฮปปี้ในสิ่งที่เราทำ หวังว่าคนดูคงชอบด้วย ต้องมาจากตัวเราเอง”
หนัง ‘นาคปรก’ เพิ่งปิดกล้องลงไป และซีรีส์ ‘อุลตร้าแมน’ ภาคใหม่ ที่จะเสร็จในปลายปีนี้ ซึ่งเวลาที่เหลือจากการทำงาน เรย์ก็พบปะกับเพื่อนฝูงที่เคยคบค้าเล่นหัวกันมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น
“ตอนนี้ก็ยังคุยกัน กลุ่มเพื่อนๆ ก็ยังเจอกัน คบกันอยู่ แต่ก็พยายามจะไม่เจอ เพราะเจอกันแล้วก็เหมือนกับยังเรียนตอน ม.ปลาย ทำอะไรก็ไม่พัฒนาไปจากนั้น เจอกันให้น้อยลงจะดีกว่าสำหรับทุกคน ทุกคนต่างก็มีงาน ดีที่ไม่ค่อยมีคนมายืมตังค์เท่าไหร่ ซึ่งตอนวัยรุ่นก็ยืมตังค์กันบ่อย แต่ส่วนมากผมยืมเขา (หัวเราะ)” เรย์ตอบส่งท้าย ก่อนขอตัวไปประชุมเกี่ยวกับรายการ ชีวิตของเขาเหมือนยังสนุกครื้นเครงอยู่ แต่บรรลุวุฒิภาวะไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
*****************************
(หมายเหตุ : ตีพิมพ์ พฤศจิกายน 2549)