เพราะชาติคือประชาชน จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงลานคนเมือง ฉลองวันชาติ 24 มิถุนายน 2565

“ผมนึกถึงผู้คน นึกถึงประชาชน การที่เรามีสิทธิเสรีภาพอย่างที่ควรจะเป็น แม้วันนี้จะยังไม่เป็นแบบนั้น ยังมีคนที่ถูกลิดรอนสิทธิ แต่ผมหวังว่าชาติในความหมายของเราจะเป็นแบบนั้น” คำกล่าวจากเด็กหนุ่มมัธยม เมื่อถูกถามถึงความหมายของชาติ และชาติในแบบที่เขาอยากเห็น

สี่โมงครึ่ง แดดยังพอแรงให้เหงื่อซึม หากไม่เป็นปัญหาของขบวนแห่หมุดคณะราษฎรที่เริ่มเดินรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนมุ่งหน้าเคลื่อนไปยังลานคนเมือง ผมเกี่ยวเกาะไปกับขบวนแห่จนถึงที่หมาย มวลบรรยากาศสบายชวนสนุก คึกครื้นด้วยเสียงเสรีของประชาชน สมกับการเฉลิมฉลองวันชาติ

ผู้ร่วมงานหนาตาตั้งแต่ผมเดินเท้ามาถึง มีบูธออกร้านของกลุ่มสนับสนุนและเคลื่อนไหวทางประชาธิปไตย และบูธขายอาหารมากมายรอต้อนรับ หลายคนนั่งชิมรสอาหารบริเวณที่ผู้จัดงานเตรียมไว้ให้ ขณะที่อีกหลายคนแวะชม แวะร่วมกิจกรรมตามบูธต่างๆ อย่างเช่นการร่วมลงชื่อสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ หรือจะเป็นการเขียนจดหมายแคปซูลกาลเวลา

ผมเดินไล่เรื่อยไปหยุดอยู่ข้างบูธของกลุ่มนักเรียนเลว สะดุดตากับข้อความ ‘คู่มือเอาตัวรอดในโรงเรียน’ อดเห็นด้วยไม่ได้กับความจริงที่ว่าอำนาจนิยมและความไม่เป็นธรรม กระทั่งความไม่สมเหตุสมผลบางประการในสังคม มีจุดเริ่มต้นมาจากในโรงเรียน

ถัดจากบูธนักเรียนเลว เสียงดนตรีฟังสบายก็เข้าทายทัก หลายคนนั่งลงกับพื้นในท่าทีผ่อนคลายคล้ายให้บรรยากาศนวดแผ่นหลังและผืนไหล่ ผมยืนกวาดตามองโดยรอบ ไม่นานเสียงปรบมือก็ดังขึ้นที่ด้านตรงข้าม เวทีฝั่งเสาชิงช้าเริ่มด้วย ส.ศิวรักษ์ ยืนเล่าเรื่องที่มาของ 90 ปีประชาธิปไตยไทย ก่อนจะตามด้วยตัวแทนจากภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ขึ้นมาพูดถึงประเด็นทางสังคมในด้านต่างๆ  อาทิ มิน จากกลุ่มนักเรียนเลว และครูทิว จาก ครูขอสอน ในประเด็นเรื่องการศึกษา พะเยาว์ อัคฮาด ในประเด็นเรื่องความยุติธรรม เชฟไปป์ ในการเมืองเรื่องอาหาร ฯลฯ

ราวกับฟ้าแอบมืดลงในจังหวะที่ผู้คนกำลังเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีแสงของวันก็หายกลายเป็นแสงจากหลอดไฟให้ความสว่าง ผมย้ายมาฟังวงเสวนาเรื่องรัฐธรรมนูญกับกฎหมาย ที่ดำเนินรายการโดย จอห์น วิญญู จีรนุช เปรมชัยพร ร่วมด้วยยิ่งชีพ อัชฌานนท์ และ ณัชปกร นามเมือง จาก iLaw

ฝนทำท่าจะตกนานแล้ว แต่ยังไม่ตกเสียที จนกระทั่งศิลปินกลุ่ม RAD ขึ้นแสดง หยดน้ำฝนก็ร่วงลงบนหลังแขน แน่นอนว่าผู้คนรวมถึงผม ไม่มีใครยอมหนีง่ายๆ เราพากันเฮตามบทเพลงทะลุฟ้า ต่อเมื่อฝนเทลงหนักเข้านั่นแหละ เราถึงพากันเข้าหลบตามบูธต่างๆ ผมหิ้วกระเป๋ากล้องเข้าร่ม ซึ่งโชคดีที่บังเอิญเป็นบูธของ WeVolunteer ผมจึงได้สูดกลิ่นหอมของกุ้งเผาพลางรอฝนซา

อย่างไรก็ตาม แม้ฝนจะตกอย่างหนัก และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดโดยง่าย หากตลอดเวลานั้นเสียงรัวกลองของราษฎร์ดรัมส์ยังคงบรรเลง จนเมื่อทางผู้จัดประกาศว่ากิจกรรมจะเหลือเพียงการแสดงของวงสามัญชน ทุกคนต่างส่งเสียงร้องเพลง และมีจำนวนไม่น้อยที่ออกไปกระโดดโลดเต้นท่ามกลางสายฝน

ใช่แล้ว ท่ามกลางสายฝนและลมแรง จะยังมีคนที่ยืนอยู่เสมอ บ้างส่งเสียง บ้างเต้นรำ

จรณ์ ยวนเจริญ
มนุษย์ขี้กลัว ผู้ที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้ชีวิตอีกครั้ง ทาสหมาแมวจรจัด สนใจศิลปะ วรรณกรรม และผู้คน แม้จะเข้าหาผู้คนไม่เก่งนัก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า