แคลอรีที่ร่างกายได้รับจากน้ำตาล ต่างจากคาร์โบไฮเดรตประเภทอื่นๆ หรือไม่ จากการทดสอบในอาสาสมัครในสหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า แม้แคลอรีจะเท่ากันกับคาร์โบไฮเดรตชนิดอื่นๆ แต่น้ำตาลนั้นส่งผลต่อระบบเผาผลาญ และการทำงานของตับมากกว่า
ผลการศึกษา ‘Isocaloric fructose restriction and metabolic improvement in children with obesity and metabolic syndrome’ เผยแพร่ในวารสาร Obesity เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2016 นำทีมโดย โรเบิร์ต ลัสติก ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อในเด็ก ประจำโรงพยาบาลเด็กแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก (UCSF Benioff Children’s Hospital) ในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย สหรัฐ พบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เมื่อได้รับน้ำตาล เทียบกับอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตประเภทอื่นๆ
ทีมศึกษาทำการทดสอบในอาสาสมัครเด็กและเยาวชน 43 ราย ที่มีเชื้อสายลาตินอเมริกัน และแอฟริกันอเมริกัน อายุตั้งแต่ 9-18 ปีที่ประสบปัญหาน้ำหนักเกิน ด้วยการลดปริมาณน้ำตาลที่ได้รับในแต่ละวันลงจากร้อยละ 28 เหลือร้อยละ 10 ในส่วนของน้ำตาลฟรุคโตส จะควบคุมให้ลดลงจากร้อยละ 12 เหลือร้อยละ 4 แล้วทดแทนด้วยอาหารในกลุ่มแป้ง
ผลที่เกิดขึ้นกับอาสาสมัครหลังการทดสอบคือ ความดันและปริมาณคอเลสเตอรอลลดลง การทำงานของตับดีขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่อินซูลินลดลงจากเดิม 1 ใน 3
จากผลการศึกษา ลัสติกและทีมงานได้ข้อสรุปว่า มิใช่เพียงปริมาณแคลอรีที่เกิดจากน้ำตาลที่สร้างความกังวลต่อผู้บริโภคเท่านั้น แต่ผลกระทบของมันที่เกิดขึ้นกับระบบเผาผลาญของร่างกายต่างหากที่ควรได้รับการคำนึงถึง
ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเผาผลาญของร่างกาย ได้แก่ กลุ่มอาการเกี่ยวกับหัวใจ หลอดเลือด และเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งจะส่งผลต่อระดับความดันในเลือด ปริมาณน้ำตาลในเลือด รอบเอวที่ขยายขึ้น ไปจนถึงสะท้อนผ่านระดับคอเลสเตอรอลที่ผิดปกติ
ลัสติกกล่าวว่า แคลอรีที่เราได้รับจากน้ำตาลน่าจะเป็นส่วนที่แย่ที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารอื่นๆ เนื่องจากร่างกายจะแปลงน้ำตาลเป็นไขมันแล้วสะสมไว้ที่ตับ ก่อให้เกิดการต่อต้านอินซูลิน ตามมาด้วยความเสี่ยงต่อเบาหวาน โรคหัวใจ และตับอักเสบที่เพิ่มมากขึ้น
หนึ่งในทีมศึกษาอาวุโส ฌอง-มาร์ค ชวาร์ซ (Jean-Marc Schwarz) เพิ่มเติมว่า เพียง 9 วันที่ร่างกายของเด็กๆ งดการรับน้ำตาลฟรุคโตส ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเหล่าอาสาสมัครทั้งหมดเป็นไปในทางที่ดีและมีนัยสำคัญ
การค้นพบของผู้เชี่ยวชาญครั้งนี้ จะช่วยให้พ่อแม่และเด็กๆ ตระหนักและตื่นตัวในการควบคุมปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน ไม่ให้อยู่ในจุดที่ล้นเกิน เนื่องจากผลการศึกษาพิสูจน์ให้เห็นในเบื้องต้นว่า หากบริโภคน้ำตาลเกินจำเป็นจะส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร
อ้างอิงจาก:
independent.co.uk
telegraph.co.uk
onlinelibrary.wiley.com
ucsf.edu