บุหรี่ไฟฟ้าคร่าชีวิต

e-cigarette-2

แปลและเรียบเรียง: เทพพิทักษ์ มณีพงษ์

 

บุหรี่ไฟฟ้าหรือ ‘e-cigarette’ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี มันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้สิงห์อมควันเลิกสูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบหนึ่งของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างของเหลวที่ต้องเติมเข้าไปในตัวบุหรี่หรือที่เรียกกันว่า ‘e-liquid’ กลับกลายเป็นตัวการที่ก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายจนอาจถึงแก่ชีวิต

สารเสพติดที่อยู่ในบุหรี่ปกติคือ ‘นิโคติน’ ส่วนสารเคมีที่ใช้เติมลงในบุหรี่ไฟฟ้าย่อมต้องมีนิโคตินผสมอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน แต่อยู่ในปริมาณน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป e-liquid ที่สกัดจากยาสูบจะถูกนำมาปรุงแต่งด้วยสีและรสที่แตกต่างกัน ตั้งแต่รสผลไม้ต่างๆ หรือรสชอคโกแลต เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในการซื้อมาเติม สารเหล่านี้มีขายในปริมาณที่หลากหลาย ตั้งแต่ขวดแก้วขนาดเล็กที่ดูเผินๆ เหมือนขวดยาหยอดตา ปริมาตรเท่าขวดน้ำขนาด 3 ลิตร ไปจนถึงขนาดถังน้ำมัน 200 ลิตร

หน่วยงานราชการที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารและยาในหลายประเทศยังไม่ได้มีการออกกฎหมายควบคุมการผลิตและจำหน่าย e-liquid อย่างเป็นทางการ ดังนั้นนอกจาก e-liquid ทั่วไปที่ขายในท้องตลาดแล้ว ยังมีบางส่วนที่ถูกผสมขึ้นอย่างลับๆ ตามโรงงานหรือตามหลังร้านค้าเช่นเดียวกัน

นักพิษวิทยาที่ศึกษาถึงอันตรายของ e-liquid พบหลักฐานหลายอย่างเกี่ยวกับพิษภัยของมันและออกคำเตือนสู่สาธารณะถึงความเสี่ยงของสารเคมีชนิดนี้ที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน

อันตรายของ e-liquid เกิดจากสถานะโดยตัวมันเองที่เป็นของเหลว มีส่วนทำให้สารพิษต่างๆ สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าการสูดดมหรือการสูบบุหรี่ตามธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่บุหรี่ไฟฟ้าพัฒนารูปร่างหน้าตาให้เหมือนกับบุหรี่ธรรมดามากขึ้น ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

หญิงสาวรายหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแผนกฉุกเฉิน เนื่องจากเกิดปัญหาหัวใจวายเฉียบพลัน จากการตรวจสอบพบว่าบนเตียงของเธอมีบุหรี่ไฟฟ้าที่หักอยู่ ทำให้ e-liquid ที่อยู่ภายในไหลออกมาสัมผัสกับผิวหนัง จนร่างกายได้รับอันตรายในที่สุด

จากรายงานอุบัติเหตุที่เกิดจากสารพิษในสหรัฐอเมริกาพบว่า ในปี 2011 มีเหตุเสียชีวิตหนึ่งรายจากผู้ที่ฆ่าตัวตายด้วยการฉีด e-liquid เข้าสู่เส้นเลือด ต่อมาในปี 2013 มีอุบัติเหตุถึง 1,351 รายที่มีสาเหตุจาก e-liquid ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นถึง 300 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2012 และในจำนวนนั้นมีปริมาณอุบัติเหตุที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 365 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปีก่อนหน้า

eLiquid-2

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กที่อาจเห็น e-liquid ที่มีกลิ่นหอมหวานและมีสีสันสดใสเป็นของเล่นหรือขนมที่รับประทานได้ ซึ่งอาจทำให้เด็กๆ ได้รับอันตรายถึงชีวิต ในรัฐโอคลาโฮมา เด็กหญิงวัย 2 ขวบถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินเพื่อล้างท้องโดยด่วนเนื่องจากเผลอดื่ม e-liquid ขวดเล็กๆ ที่พ่อของเธอใช้เติมในบุหรี่ไฟฟ้า จากสถิติในรัฐมินเนโซตา อุบัติเหตุ 74 ครั้งที่เกิดจาก e-liquid มีถึง 29 เหตุการณ์ที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กอายุ 2 ขวบและต่ำกว่านั้น

อุบัติเหตุที่เกิดจาก e-liquid ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ มีสาเหตุมาจากความไม่ระมัดระวังและความไม่รู้ถึงพิษที่ร้ายแรงของมัน พ่อแม่บางรายไม่เคยรู้ว่ามันมีพิษมาก่อนจนกระทั่งลูกๆ ของพวกเขาเริ่มมีอาการอาเจียนให้เห็น

ฝ่ายที่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าอ้างว่ามันมีส่วนช่วยในการเลิกบุหรี่ ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่าเป็นจริง แต่ในระยะยาว ยังไม่มีการศึกษาใดยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพที่ดีกว่าหมากฝรั่งผสมนิโคตินหรือแผ่นแปะที่มีสารนิโคติน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยเลิกบุหรี่เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังไม่มีการยืนยันถึงความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นหากสูบนิโคตินที่เป็นสารระเหยอย่าง e-liquid เข้าสู่ร่างกายติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อีกด้วย

Nicoderm-1

ปัญหาที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งในเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าและ e-liquid นั่นคือ มันยังไม่ได้รับการอนุมัติและควบคุมอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในสหรัฐอเมริกาถึงความปลอดภัยของสารเคมีต่างๆ ที่นำมาเป็นส่วนประกอบในการผลิต แต่ผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าหลายรายต่างยืนยันว่าพวกเขายินดีหากจะมีการควบคุมดูแลอย่างจริงจังจากภาครัฐ เนื่องจากในปัจจุบันมีการผลิต e-liquid ที่มาจากนอกสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในประเทศจีนซึ่งมักถูกตั้งคำถามในเรื่องมาตรฐานการผลิต บางครั้งผู้ผลิตเองก็ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใส่อะไรลงไปเป็นส่วนผสมบ้าง นอกจากนี้ในการผลิต e-liquid ยังไม่มีการเตือนถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับพนักงาน ทำให้อุตสาหกรรมนี้ตกอยู่ในสถานะการจ้างงานที่เสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมาก

เจ้าของกิจการบุหรี่ไฟฟ้ารายหนึ่งกล่าวว่าเธอยินดีหากภาครัฐจะเข้ามาควบคุมดูแล เช่น อาจบังคับใช้ในเรื่องมาตรฐานการผลิต บังคับให้มีการติดฉลากเตือนอันตราย หรือใช้ขวดที่ป้องกันไม่ให้เด็กสามารถเปิดได้ แต่เรื่องเหล่านี้ในปัจจุบันได้มีการขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการอยู่แล้ว เธอย้ำว่านอกเหนือจากความรับผิดชอบของผู้ผลิต พ่อแม่เองก็ต้องมีส่วนในการดูแลด้วย

ผู้ผลิต e-liquid รายหนึ่งประมาณการว่าในปีนี้อาจมีตัวเลขการขาย e-liquid สูงถึง 100-200 ล้านลิตรในสหรัฐอเมริกา และส่วนใหญ่เป็นการขายผ่านอินเทอร์เน็ต ราคาของ e-liquid ตามท้องตลาดอยู่ที่ลิตรละ 110 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ บางเว็บไซต์ยังมีขายในขนาดเป็นแกลลอน โดยขายที่แกลลอนละ 195 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทั้งสองมีความเข้มข้นของนิโคตินที่ร้อยละ 10

ทั้งนี้ ความเข้มข้นของนิโคตินใน e-liquid อาจแตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ โดยส่วนใหญ่มักอยู่ระหว่าง 1.8 – 2.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพียงพอจะเป็นอันตรายต่อเด็กเล็กหากได้รับเข้าสู่ร่างกาย แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่ e-liquid ที่ขายบนอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่มีความเข้มข้นสูงถึง 7.2 – 10 เปอร์เซ็นต์ ในความเข้มข้นระดับดังกล่าว หากได้รับเข้าสู่ร่างกายโดยตรงเพียง 1 ช้อนชา ใช่แค่จะคร่าเฉพาะชีวิตของเด็กเล็ก แต่ยังรวมถึงผู้ใหญ่ได้เช่นเดียวกัน

 

ที่มา: nytimes.com

logo

Author

อภิรดา มีเดช
อดีตภูมิสถาปนิกที่สนิทสนมกับตัวหนังสือมากกว่าต้นไม้ สารพัดขนแมวที่ติดอยู่บนเสื้อสีดำเป็นเครื่องหมายแสดงความจิตใจดี เป็นเครื่องประดับแสดงความเป็นทาสแมว สนใจด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา ประวัติศาสตร์ การเมือง รวมถึงการวิพากษ์สังคมและบุคคลอย่างตรงไปตรงมา
(กองบรรณาธิการ WAY ถึงปี 2559)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า