ทบทวนบรรทัดฐานการวิจารณ์งานศิลปะ ผ่านคำพิพากษายกฟ้องคอลัมนิสต์ WAY

กลางปี 2564 พีรมณฑ์ ตุลวรรธนะ ในฐานะคอลัมนิสต์ WAY ถูก พงศ์ศิริ คิดดี ฟ้องหมิ่นประมาทจากการเขียนบทความวิจารณ์งานศิลปะ

คดีนี้ได้รับความสนใจทั้งจากผู้คนวงการศิลปะ สื่อมวลชน นักวิจารณ์ รวมถึงประชาชนผู้สนใจวัฒนธรรมการวิจารณ์ เนื่องจากผู้เขียนเป็นนักวิจารณ์ที่มีพื้นฐานการศึกษาด้านศิลปะโดยตรง และมีประสบการณ์ทำงานในแกลเลอรี

ส่วนโจทก์ผู้ฟ้อง เป็นอาจารย์ประจำคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยดำรงตำแหน่งรองคณบดี
คดีอาญานี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองศาล โดยมีแนวทางคำพิพากษาเป็นไปในประเด็นและทิศทางเดียวกัน

นี่คือบรรทัดฐานแนวทางการตัดสินของศาล หากจะมีคดีทำนองนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

25 มีนาคม 2564WAY เผยแพร่บทความ ‘สมบัติชาติหรือสมบัติใคร ภาษีเรา รัฐเอาไปเปย์งานศิลป์ อะไรเนี่ย ถามจริ๊ง’ เขียนโดย พีรมณฑ์ ตุลวรรธนะ วิจารณ์การซื้อผลงานจิตรกรรมของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) โดยจัดซื้อผลงานราคารวม 19 ล้านบาท ผู้เขียนแสดงทัศนะถึงผลงานของ พงศ์ศิริ คิดดี หนึ่งในศิลปินที่ สศร. ซื้อ โดยเปรียบเทียบจากผลงานช่วงปี 2552 กับปี 2562 ว่าเป็นงานที่ไม่มีพัฒนาการทางศิลปะ และใส่วงเล็บในบทความ กำชับบรรณาธิการผู้ตรวจต้นฉบับให้คงตำแหน่ง ผศ.ดร. นำหน้าชื่อพงษ์ศิริ โดยให้เหตุผลว่าคนพวกนี้ไม่พอใจหากไม่ใส่ยศตำแหน่ง
29 มิถุนายน 2564พงศ์ศิริ คิดดี เป็นโจทก์ฟ้อง พีรมณฑ์ ตุลวรรธนะ ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา 
กรกฎาคม 2564WAY แต่งตั้ง ณฐพงศ์ พิทยาภา เป็นทนายจำเลยสู้คดี
6 มิถุนายน 2565พงศ์ศิริ คิดดี ยื่นฟ้อง พีรมณฑ์ ตุลวรรธนะ เป็นคดีแพ่งต่อศาลแพ่งพระโขนง ข้อหาละเมิด และเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ที่สืบเนื่องมาจากข้อหาหมิ่นประมาทในคดีอาญา
9 พฤศจิกายน 2565ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเบิกตัว ทัศนัย เศรษฐเสรี และ ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ อาจารย์ประจำคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำสืบในฐานะพยานจำเลย 
13 ธันวาคม 2565ศาลชั้นต้นพิจารณาว่าบทความจำเลย ตั้งข้อสังเกตถึงการคัดเลือกผลงานจิตรกรรมของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) ซึ่งใช้เงินงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชนร่วม 19 ล้านบาท เป็นสิทธิที่ประชาชนสามารถตรวจสอบแสดงความเห็นได้ 

ข้อความกำชับให้ใส่ยศตำแหน่งไม่ได้สร้างความเสียหายให้ผู้ถูกพาดพิง ข้อวิจารณ์ผลงานโจทก์ว่าไม่มีพัฒนาการเป็นมุมมองของจำเลย ซึ่ง ทัศนัย เศรษฐเสรี และ ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ อาจารย์ประจำคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ความว่าการทำงานศิลปะและการวิจารณ์ เปรียบเสมือนกระจกส่องเกื้อกูลกันการวิจารณ์เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนและการปฏิบัติในหลักสูตรคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อให้เห็นว่าการสร้างสรรค์ศิลปะและการถูกวิจารณ์เป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ปกติ และเป็นที่ยอมรับได้ 

ข้อความที่จำเลยเขียนในบทความตามฟ้องจึงยังไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์ ศาลพิพากษายกฟ้อง  
2 กุมภาพันธ์ 2566พงษ์ศิริ คิดดี ยื่นอุทธรณ์
25 พฤษภาคม 2566จำเลยยื่นแก้อุทธรณ์
14 พฤศจิกายน 2566ศาลอุทธรณ์ภาค 8 นครศรีธรรมราช ยืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้น 

ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 และ 221 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4172/2555 คดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ห้ามมิให้คู่ความฎีกา เว้นแต่ได้รับอนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาได้
ธันวาคม 2566พงษ์ศิริ คิดดี ยื่นขยายเวลาฎีกา 30 วัน ครั้งที่ 1
15 มกราคม 2566ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ได้รับเอกสารฎีกาหรือการยื่นขอขยายเวลาฎีกาอีก ถือว่าคดีอาญาถึงที่สุดตามศาลอุทธรณ์

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า