การชุมนุมวันนี้ (5 กันยายน 2563) ของกลุ่มนักเรียนเลวที่ใช้ชื่อการชุมนุมหน้ากระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้ว่า “หนูรู้หนูมันเลว” อ่านแถลงการณ์ในช่วงท้ายของการชุมนุม โดยเรียกร้อง 3 ข้อ 1 เงื่อนไข เพื่อการศึกษาที่ดีกว่าเดิม หากทำไม่ได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาต้องลาออก โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความดังนี้
…
นักเรียนผู้ศรัทธาในประชาธิปไตยทุกท่าน ที่เราออกมารวมตัวกันในวันนี้เพื่อส่งเสียงของพวกเราให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเห็นว่า นักเรียนอย่างพวกเราก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่ผ่านมาพวกเราถูกละเมิด ถูกลิดรอน ถูกทำลายเสียซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตลอดจนสิทธิและเสรีภาพไปจนหมดสิ้น การออกมาของทุกท่านจะต้องทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้ฉุกคิดว่า ประเทศชาติจะไม่มีอนาคตถ้าผู้ใหญ่ยังไม่หยุดทำลายอนาคตของชาติ การที่พวกเราทุกคนออกมาอยู่ตรงนี้ เราต้องเสียสละอะไรมากมาย ทั้งเวลา เงินทอง หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่นักเรียนจำนวนมากจะต้องเสีย หากเรายังยอมอยู่ภายใต้เผด็จการอำนาจนิยมในโรงเรียน
ที่ผ่านมา เราถูกกระทำมามากพอแล้ว และเราจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกต่อไป หากผู้ใหญ่ทั้งหลายฟังอยู่ ขอจงอย่าขัดขวางการเจริญเติบโตของอนาคต และรับฟังข้อเรียกร้องทั้งสามข้อของเราที่ว่า หนึ่ง – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องทำให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัย ไม่ปล่อยให้นักเรียนถูกคุกคามจากบุคลากรทางการศึกษา ครู และตำรวจ เพียงเพราะนักเรียนใช้สิทธิและเสรีภาพในฐานะประชาชนคนหนึ่งตามระบอบประชาธิปไตย
สอง – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องยกเลิกประกาศ ระเบียบ กฎ ข้อบังคับ ที่มีเนื้อหาล้าหลัง ไม่สอดรับกับหลักสิทธิมนุษยชนสากลในปัจจุบัน ซึ่งได้กลายเป็นฐานอำนาจให้ครูหรือบุคลากรทางการศึกษา ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของนักเรียนมาโดยตลอด และต้องออกมาตรการที่สามารถประกันสิทธิและเสรีภาพของนักเรียนให้ไม่ถูกละเมิดต่อไปในอนาคต
สาม – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการต้องปฏิรูปการศึกษาไทยทั้งระบบ เพื่อให้ปัญหาต่างๆ ที่ถูกหมักหมมมาเป็นเวลานาน ได้รับการแก้ไขจากต้นเหตุอย่างแท้จริง
ภายใต้ 1 เงื่อนไข หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้งสามข้อข้างต้น เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยให้ดีขึ้นได้ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ก็ไม่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านต้องลาออก เพื่อเปิดทางให้ผู้มีความสามารถเข้ามาบริหารงานแทน
สิ่งที่เราเรียกร้องคือ ปัญหาการศึกษาไทยที่ผู้ใหญ่มองว่าไร้สาระ แต่สิ่งไร้สาระเหล่านี้ได้กดทับนักเรียนมาเป็นเวลาหลายสิบปี มีผู้ออกมาเรียกร้องมากมายในอดีต รวมถึงเราในวันนี้ เราไม่รู้ว่าจะต้องต่อสู้ไปอีกนานแค่ไหน กว่าจะได้รับสิ่งที่ร้องขอ รู้เพียงแต่ว่า เราไม่อาจทนปิดปากแล้วปล่อยให้สิ่งเหล่านี้กดทับเราอีกต่อไป
ประเทศเราดีกว่านี้ได้ หากรากฐานซึ่งก็คือการศึกษาได้รับการพัฒนา แม้มันจะดูเหลือเชื่อ ก็ขอให้จงฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เพราะนี่คือปณิธานอันแน่วแน่ หวังจะแก้การศึกษาให้ทันสมัย และเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน