วันอาทิตย์ที่ผ่านมา กีฬาสู้วัวกระทิงถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย หลังจากทางการโบโกตาแบนกีฬาทารุณกรรมชนิดนี้เมื่อสี่ปีที่แล้ว การกลับมาครั้งนี้ทำให้เกิดการปะทะกันรุนแรงระหว่างผู้ชุมนุมรุ่นใหม่ที่ต่อต้านมรดกวัฒนธรรมอันทารุณ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลรอบๆ สนามที่มีกลิ่นคาวเลือดวนอยู่ข้างใน
ปี 2012 กุสตาโว เปโดร ผู้ว่าฯโบโกตาขณะนั้น สั่งห้ามจัดสู้วัวกระทิงในเมือง ปฏิเสธไม่ให้โปรโมเตอร์ผู้จัดเช่าสนามซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะของเมือง จนนักสู้วัวกระทิงหลายคนประกาศอดอาหารประท้วง
ความก้าวหน้าที่ไปไกลกว่าการทารุณกรรมสัตว์ เปโดรใช้สังเวียนเลือดที่มีความจุ 14,000 ที่นั่ง จัดการแสดงคอนเสิร์ต ทัวร์นาเมนต์หมากรุก วอลเลย์บอลชายหาด
กระทั่งปี 2015 ศาลรัฐธรรมนูญของโคลอมเบียสั่งยกเลิกการแบนของเมืองโบโกตา ด้วยเหตุผลว่า การสู้วัวกระทิงเป็นการแสดงออกทางศิลปะ ถือเป็นประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ไม่สมควรยกเลิกหรือถูกห้ามด้วยประการทั้งปวง รวมถึงการใช้สนามสู้วัวก็เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล ไม่ใช่อำนาจท้องถิ่น
ศาลจึงสั่งให้นำสังเวียนประจำเมืองโบโกตามาใช้งานในแบบที่ควรจะเป็น – จัดการสู้วัวกระทิง
22 มกราคม เมื่อการสู้วัวกระทิงถูกจัดขึ้นอีกครั้ง ผู้ประท้วงหลายร้อยคน ทั้งนักกิจกรรม นักอนุรักษ์ นักสิทธิสัตว์ และกลุ่มวัยรุ่นผู้ต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์ ต่างสวมชุดดำแสดงการไว้ทุกข์ให้กับความบันเทิงที่พวกเขาเรียกว่า ‘ป่าเถื่อน’ และเดินทางมาปิดล้อมประตูทางเข้า-ออกทุกด้านของสังเวียนที่ใช้มาตั้งแต่ยุค 1930
ความรุนแรงเกิดขึ้น เมื่อผู้ชุมนุมตะโกน “ฆาตกรๆๆ” มีทั้งการก่นด่าหยาบคาย ถ่มน้ำลาย โยนไข่ เขวี้ยงขวด ปาอิฐก้อนหิน ใส่เจ้าหน้าที่กว่า 1,200 นาย ซึ่งยิงสเปรย์พริกไทยและแก๊สน้ำตาเป็นการตอบโต้ เหตุปะทะลุกลามจนเกิดการบาดเจ็บ ผู้ชุมนุม 18 คนถูกจับ
ผู้ประท้วงส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่บอกว่า นี่ไม่ใช่แค่การสู้เพื่อคุ้มครองสัตว์ แต่จะแสดงให้เห็นว่าสังคมไม่ต้องการความรุนแรงแบบนี้ “การกลับมาของการสู้วัวกระทิงคือการถอยหลังก้าวใหญ่”
การสู้วัวกระทิงถือเป็นความบันเทิงมีอายุยาวนาน ในสังเวียนประกอบด้วยนักสู้วัวหลายคน ทำหน้าที่ตั้งแต่แทงชนัก ยั่วยุ ไปจนจบ ‘tercio de muerte’ – การปลิดชีพวัวกระทิงที่คลุ้มคลั่งจนอ่อนแรงด้วยการแทงดาบเข้าหัวใจจากบริเวณหนอกคอ ซึ่งข้อมูลของ Humane Society International ในสหรัฐ ทุกๆ ปี วัวกระทิงประมาณ 250,000 ตัวถูกฆ่าในสังเวียนทั่วโลก
เอนริเก เปญาโลซา ผู้ว่าคนปัจจุบันของโบโกตา สนับสนุนแนวคิดต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์ของผู้ประท้วง “ความน่าตื่นเต้นที่ป่าเถื่อนแบบนี้ ไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่เจริญแล้ว” แต่ในฐานะรัฐบาลท้องถิ่น เขาไม่มีอำนาจขัดคำสั่งที่ส่งตรงมาจากศาลได้
เปญาโลซาพยายามยื่นเรื่องให้รัฐบาลปกป้องการใช้งบประมาณท้องถิ่นไปกับมรดกวัฒนธรรมนองเลือด แต่ละท้องถิ่นควรเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง ขณะที่โปรโมเตอร์ประจำสนามยืนกรานการจัดสู้วัวว่า ผู้ได้รับประโยชน์คือทางการโบโกตาเอง เพราะกำไรส่วนใหญ่จะส่งเข้าเทศบาลเมือง
“เราต้องสู้เพื่อเสรีภาพ และสิทธิ์ในการทำงาน ซึ่งเป็นเสาหลักของประชาธิปไตย” เฟลิเป เนเกรต ผู้จัดจาก Bullfighting Corporation ให้ความเห็น
ในโบโกตา ผู้ชมการสู้วัวกระทิงส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะที่ต้องการความบันเทิงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงรุ่นใหม่เรียกว่า เป็น ‘คนแก่รุ่นเก่าที่แต่งตัวดี และเป็นพวกชนชั้นนำอนุรักษนิยม’ โดยราคาที่นั่งดีที่สุดในสนามสูงกว่า 100 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หลังเหตุวุ่นวายระหว่างการเรียกร้องสิทธิ์และต่อต้านการทรมานสัตว์กับมรดกวัฒนธรรมอนุรักษนิยมเกิดขึ้น ศาลโคลอมเบียได้พิจารณาคำสั่งใหม่ ห้ามจัดการสู้วัวกระทิงทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการจลาจลขึ้นอีก
ปัจจุบัน วัฒนธรรมสู้วัวกระทิงยังมีอยู่ในแปดประเทศ ส่วนใหญ่มีความเข้มงวดไม่ให้ผู้ชมเห็นฉากสุดท้ายที่มาธาดอร์ต้องปลิดชีวิตวัว และยังมีหลายประเทศห้ามจัดการสู้วัว เช่น ปานามา, รัฐโซโนรา (Sonora) ในเม็กซิโก ฝรั่งเศสถอดกีฬาสู้วัวออกจากรายการมรดกของชาติ ขณะที่เอกวาดอร์ต้องทำประชามติเรื่องนี้
เจ้าตำรับอย่างสเปน การสู้วัวกระทิงเป็นมรดกของชาติอย่างถูกกฎหมาย แม้ทางการของแคว้นคาตาลันจะออกกฎห้าม แต่ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนตีเรื่องนี้ตกไป ทำให้ผู้จัดบางรายกำลังจะจัดการสู้วัวขึ้นอีกในบาร์เซโลนา
อ้างอิงข้อมูลจาก: abc.net.au
theguardian.com
fusion.net
theatlantic.com
colombiareports.com
Author
