อาจฟังดูย้อนแย้งที่ยักษ์ใหญ่ยาสูบโลกออกมาพูดถึงอนาคตของโลกยุคไร้ควันบุหรี่ แต่ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะพวกเขาได้เตรียมผลิตภัณฑ์ปลอดควันสายพันธุ์ใหม่มารองรับนักสูบเรียบร้อยแล้ว
เมื่อกลางสัปดาห์ (30 พฤศจิกายน) ศาลอังกฤษปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์ของ Philip Morris ที่ต่อต้านการบังคับให้แพ็คเกจบุหรี่ปลอดโลโก้และต้องใช้สีเหมือนกันทุกยี่ห้อ ทำให้กฎเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป
ชัยชนะของรัฐบาลอังกฤษในครั้งนี้ คือส่วนสำคัญที่ทำให้บรรษัทยาสูบทั้งหลายต้องปรับตัวขนานใหญ่ การปรับตัวของพวกเขามีตั้งแต่มุ่งพัฒนาบุหรี่ที่ลดพิษภัยทางสุขภาพลง (!?!) หรือหากเป็นไปได้การมีส่วนให้นักสูบเลิกบุหรี่ได้ อาจช่วยหยุดยั้งสถิติผู้เสียชีวิตปีละ 6 ล้านคนลง ปัจจุบัน ยอดผลิตบุหรี่ของ Philip Morris เจ้าเดียวอยู่ที่กว่า 870,000 ล้านมวนต่อปี
ผู้บริหาร Philip Morris เจ้าของผลิตภัณฑ์ Marlboros ที่มีวางจำหน่ายทั่วโลกยกเว้นสหรัฐ กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทคือการลดการผลิตและความนิยมของบุหรี่ลง
มาร์ติน อิงค์สเตอร์ ประธานกรรมการ Philip Morris ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ให้สัมภาษณ์ Reuters ว่า เขาค่อนข้างมั่นใจว่า อนาคตของบริษัทอาจจะไม่ได้อยู่ที่บุหรี่อีกต่อไป
แต่ใช่ว่าจะยอมเสียฐานลูกค้าประจำไปง่ายๆ เมื่อพวกเขาหันมาแนะนำ iQOS ผลิตภัณฑ์ใหม่ชนิดไร้ควัน โดยอ้างว่า ผ่านการวิจัยนับสิบปีและทุ่มงบประมาณไปกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์
อุปกรณ์การสูบใหม่นี้วางจำหน่ายแล้วในกว่าสิบประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี โดยยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบนี้จะใช้งานได้ด้วยการให้ความร้อนโดยไม่จำเป็นต้องมีการเผาไหม้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้สูบเสี่ยงต่อมะเร็ง นอกจากนี้ บริษัทยังอ้างว่า ไอหรือควันที่ออกมาจากบุหรี่ชนิดนี้จะมีพิษภัยเพียงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับบุหรี่ทั่วไป
เดเบอราห์ อาร์น็อตต์ ผู้อำนวยการ Action on Smoking and Health (ASH) ในอังกฤษ องค์กรสุขภาพระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐ มองว่า ผลิตภัณฑ์ไร้ควันดังกล่าวอาจนำไปสู่การพัฒนาระบบสาธารณสุขครั้งสำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือ บรรษัทยาสูบยักษ์ใหญ่ต้องออกมาเผยแพร่ผลการศึกษาและหลักฐานอ้างอิงที่น่าเชื่อถือแก่สาธารณะ
ในเมื่อขณะนี้ยังไม่มีการรับรองความปลอดภัยของ iQOS ที่ชัดเจนพอ บรรดาบุหรี่ปลอดควันทั้งหลายจึงสมควรถูกกำกับดูแลไม่ต่างจากบุหรี่ทั่วไป
เร มาล นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมยาสูบจาก Cenkos Securities มองว่า การเฟดตัวของบุหรี่ตามที่ยักษ์ใหญ่ยาสูบออกมาอ้างนั้นอาจจะนานนับศตวรรษ เพราะขณะนี้ทั่วโลกมีนักสูบไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านคนที่ยังไม่มีความคิดจะเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่เป็นบุหรี่ไฟฟ้า แม้จะทราบถึงผลร้ายต่อสุขภาพในระยะยาว แต่พวกเขาก็ยอมรับได้
อ้างอิงจาก:
reuters.com
theguardian.com