ภาพประกอบ:Shhhh
เชิญพบกับ ‘Education Finland’ [1] (ก่อนหน้านี้ชื่อว่า Future Learning Finland) องค์กรในการดำเนินงานโดยองค์การการศึกษาแห่งชาติ (Finnish National Agency for Education) ร่วมกับ Team Finland หน่วยงานรัฐอีกแห่งที่เป็นดั่งศูนย์กลางการให้บริการทางธุรกิจต่าง ๆ ที่รัฐเป็นผู้สนับสนุนแก่ธุรกิจห้างร้านของประเทศฟินแลนด์ ปัจจุบัน Team Finland, Tekes หรือ Finnish Agency for Innovation ซึ่งคล้ายกับ สำนักงานนวัตกรรม ในประเทศไทย และ Finpro หน่วยงานที่ดูแลด้านการให้คำปรึกษาด้านการส่งออกแก่ธุรกิจฟินแลนด์ในต่างประเทศ จะรวมเป็นองค์กรเดียวกัน และเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี 2018 เป็นต้นไป ภายใต้ชื่อว่า ‘Business Finland’ และทำหน้าที่
“ส่งออกการศึกษาฟินแลนด์”
ขายกันเป็นล่ำเป็นสันแบบนี้เลยหรือ?
ค่ะ และไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ มาทำความเข้าใจการส่งออกการศึกษาแบบฟินแลนด์ก่อนค่ะ สิ่งที่ฟินแลนด์ส่งออกไม่ได้เป็นการชวนให้นักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนปริญญาโท ปริญญาเอก ในประเทศมากขึ้น แต่เป็นทักษะ ความรู้ และความเชี่ยวชาญ (know-hows คำนี้ถูกใช้เป็นคีย์เวิร์ดในการสื่อสารถึงการส่งออกการศึกษาอย่างแพร่หลาย) ในการจัดและการปฏิรูปการศึกษาของตัวเอง
- ผลิตภัณฑ์การศึกษาของฟินแลนด์นั้นประกอบด้วยการขายอุปกรณ์การศึกษาต่างๆ ให้กับต่างประเทศ
- การขายความรู้ และความเชี่ยวชาญด้านการศึกษาให้กับต่างประเทศ
- การขายทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ โปรแกรมการศึกษา ปริญญาต่างๆ ให้กับต่างประเทศ ทั้งที่อยู่ในและนอกประเทศฟินแลนด์
ทั้งนี้กระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่จาก ทักษะ ความรู้ และความเชี่ยวชาญนั้น เริ่มจาก เฮนน่า วิร์กุเน็น (Henna Virkkunen) รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงศึกษาและวิทยาศาสตร์ (ชื่อสมัยนั้น) ได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2009 เพื่อศึกษาอุปสรรคต่างๆ ในการส่งออกการศึกษา พร้อมทั้งร่างยุทธศาสตร์และมาตรการในการทำงานต่อไป (ผลการศึกษาชื่อ Finnish Education Export Strategy: Summary of the Strategic Lines and Measures) โดยเป็นผลมาจากนโยบายสมัยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ อเล็กซานเดอร์ สตุปป์ (Alexander Stubb) ผู้ริเริ่มการศึกษาและปรับปรุงภาพลักษณ์ของประเทศโดยการแต่งแต่งผู้แทนด้านภาพลักษณ์ของประเทศ หรือพูดง่ายๆ คือ คณะผู้แทนด้านแบรนด์ประเทศฟินแลนด์ (Country Brand Delegation) ขึ้นเมื่อปี 2008 และคณะทำงานนี้ได้ระบุว่า
การศึกษาต้องเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ฟินแลนด์
ช่วงเดียวกันนั้นมีการแก้ไขพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในปี 2008 และต่อมาปี 2009 พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอาชีวะก็ได้รับการแก้ไขเช่นกัน เพื่อให้องค์กรการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้นมีอิสระในการทำงานมากขึ้น
ฟินแลนด์ตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้ว่า จะก้าวขึ้นมาเป็นแนวหน้าของโลกด้านธุรกิจการศึกษา โดยอาศัยระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงของตัวเองเป็นต้นทุน นอกจากนี้ภายในปี 2015 ฟินแลนด์ต้องการเห็นการเติบโตของการส่งออกการศึกษาและความรู้ความเชี่ยวชาญที่สูงขึ้นเทียบเท่าการส่งออกประเภทอื่นของประเทศ
“เป้าหมายเป็นตัวเลขคือการเพิ่มมูลค่าการส่งออกการศึกษาจาก 260 ล้านยูโร เป็น 350 ล้านยูโร ภายในปี 2018”
ปัจจุบันรัฐบาลฟินแลนด์แต่งตั้งให้ มาริอันเน่ ฮูสโกะ (Marianne Huusko) เป็นทูตด้านการส่งออกการศึกษา ตัวแทนประเทศฟินแลนด์ในการส่งเสริมและสนับสนุนโครงการนี้
ถ้าจะจริงจังขนาดนี้ ขอถามกลับบ้างเถิดว่าทั้งหมดนี้จะเป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อ…
จะส่งออกการศึกษานี่แต่การศึกษาส่วนใหญ่ในประเทศฟินแลนด์ยังใช้ภาษาฟินแลนด์หรือสวีเดนอยู่เลย แล้วมันจะรอดเหรอ?
นโยบายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภาคการส่งออกการศึกษาของฟินแลนด์นั้นถือเป็นผลพวงของความสำเร็จในการประเมินระดับนานาชาติอย่าง PISA และระบบการศึกษาที่แข็งแรงของตน ดังนั้นรัฐจึงเล็งเห็นว่า ความรู้และทักษะที่ได้สั่งสมมานี้ สามารถนำมาต่อยอดเป็นธุรกิจที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศได้
ทำความเข้าใจกันก่อนว่าสิ่งที่กำลังขายอยู่นี้ไม่ใช่การยกห้องเรียนฟินแลนด์ไปวางแปะไว้ตามที่ต่าง ๆ แต่เป็นการขาย การท่องเที่ยวเชิงการศึกษา แพคเกจการอบรมต่าง ๆ เทคโนโลยีด้านการศึกษา การให้คำปรึกษาเชิงนโยบาย การแลกเปลี่ยนครู ความร่วมมือระดับโรงเรียนและอุดมศึกษา โดยมีทั้งการดำเนินงานโดยองค์กรต่อองค์กร (ทั้งภาครัฐและเอกชน) และการดำเนินงานผ่านสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่สำคัญที่สุดรัฐบาลฟินแลนด์ย้ำเสมอว่า ยุทธศาสตร์การส่งออกการศึกษาฟินแลนด์จะไม่ขายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เรามีแต่การพัฒนาพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันกับประเทศคู่ค้าของเรา
แล้วทำไมถึงทำธุรกิจกับการศึกษากับคนอื่น ทั้งที่มันเป็นของฟรีสำหรับคนฟินแลนด์ล่ะ?
เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) อังเคล กูร์เรีย (Angel Guerria) ได้กล่าวไว้ในปี 2007 ว่า
“ก่อนอื่น การศึกษาจะช่วยสร้างทรัพยากรมนุษย์และทำให้คนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขั้นที่สอง การศึกษาจะช่วยเพิ่มศักยภาพของประเทศนั้นๆ ในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานต่อความสามารถในการเติบโตและการแข่งขันในโลกที่มีระบบเศรษฐกิจบนฐานความรู้”
กล่าวคือ การศึกษาขั้นพื้นฐานของคนในประเทศนั้นถือเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ฟินแลนด์จึงยึดหลักว่าทุกๆ คนต้องได้รับบริการนี้จากรัฐอย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกัน จึงเป็นสาเหตุให้การศึกษาสำหรับคนฟินแลนด์นั้น ‘ฟรี’ จนกระทั่งถึงระดับอุดมศึกษา ซึ่งการจัดการศึกษาให้คนในประเทศและการส่งออกการศึกษานั้นใช้แว่นคนละชนิดในการมองและดำเนินงาน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในระบบการศึกษาบางแห่ง คนอาจมองการศึกษาคือสินค้าอุปโภคบริโภคที่คนเราต้องลงทุนเพื่อสร้างสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับตัวเอง การศึกษานั้นยังไม่ใช่บริการที่รัฐมอบให้ประชาชนโดยสมบูรณ์ จึงเกิดความเหลื่อมล้ำกันระหว่างสถานศึกษาต่างๆ อยู่
การส่งออกการศึกษาไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่บุกเบิกธุรกิจด้านนี้ รัฐบาลออสเตรีเลียทำเงินสูงถึง 19 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นปริมาณร้อยละ 36.1 ของบริการที่นำเข้าและส่งออกทั้งหมดในช่วงปีการศึกษา 2009/2010
รัฐบาลฟินแลนด์เองถือว่าตนเป็นผู้เล่นใหม่ในธุรกิจนี้บนเวทีระดับโลก เมื่อมองการส่งออกการศึกษาเป็นธุรกิจ ก็ต้องมีการระบุให้ชัดเจนว่าตนกำลังขายอะไร มีใครร่วมขายสินค้าหรือบริการนี้กับรัฐบ้าง และจะขายด้วยวิธีใด ยุทธศาสตร์หลักแปดประการของการส่งออกการศึกษาฟินแลนด์คือ
- การจะส่งออกการศึกษาได้นั้นต้องมีการศึกษาภายในประเทศที่แข็งแรงก่อน จึงต้องพัฒนาการศึกษาภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
- การส่งออก know-hows ด้านการศึกษาจะช่วยให้การส่งออกด้านอื่นมั่นคงมากขึ้น
- เครือข่ายที่ดีทั้งในและนอกประเทศจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้
- เป้าหมายต้องชัดเจนในการทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นมีความเป็นนานาชาติมากขึ้น ผ่านการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- การตลาดต่างประเทศนั้นอาศัยกระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แข็งแรง ดังนั้นองค์กรต่าง ๆ ต้องลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
- คุณภาพเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จ
- การรวมกลุ่มกันเป็น cluster เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
- สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาคือหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนการส่งออกการศึกษาของประเทศ
อ้าว! ครูไม่ไปหาเงินกันหมด แล้วใครจะสอนนักเรียนล่ะ?
ส่วนใหญ่บริษัทเหล่านี้มหาวิทยาลัยต่างๆ มักจับมือกันตั้งขึ้นมา เช่น มหาวิทยาลัยที่ถนัดด้านครุศาสตร์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยอาชีวะ อาจตั้งบริษัทลูกขึ้นมาร่วมกันเพื่อให้บริการการศึกษา ในบริษัทมีพนักงานประจำทำงาน และสามารถใช้บุคลากรจากมหาวิทยาลัยได้
ดังน้ันจึงมีวิธีการจัดการบุคลากรหลากหลายแบบมากขึ้นอยู่กับการจัดการขององค์กรนั้นๆ เลย เช่น
กรณีแรก บุคคลากรในมหาวิทยาลัยมีชั่วโมงการทำงานต่อปีระบุเรียบร้อยแล้ว การออกมาทำงานให้บริษัทลูกของมหาวิทยาลัยที่ดำเนินงาน หากยังไม่เกินจำนวนชั่วโมงทำงาน บุคคลากรคนนั้นจะไม่ได้ค่าตอบแทนเพิ่มเติม
กรณีที่สอง หากต้องการจ้างงานบุคคลากรที่อยู่ในองค์กรอื่นๆ เช่น โรงเรียน คนคนนั้นต้องลางานมาอย่างถูกต้องโดยไม่ได้รับค่าจ้างจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานนี้ โรงเรียนก็สามารถใช้งบที่ต้องจ่ายคนคนนั้นไปจ้างบุคคลากรอืกคนมาทำงานแทนในช่วงที่ลาไป
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงและจัดการระหว่างองค์กรต่างๆ ที่ทำเช่นนี้ได้เพราะตามที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว องค์กรทางการศึกษาของฟินแลนด์มีพื้นที่อิสระมากพอที่จะดำเนินการตามที่ตนเห็นสมควรได้
ครั้งที่ไปเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์เฮลเรกา (Heureka) ณ เมือง วานตา (Vantaa) ประเทศฟินแลนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายของศูนย์บอกว่า
“เราพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ทุกอย่างให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ เพื่อจะส่งออกต่อไปยังประเทศต่างๆ ที่สนใจ เงินที่เราได้ก็นำมาซื้อนิทรรศการวิทยาศาสตร์อย่างที่คุณกำลังเดินชมอยู่นี้ (นิทรรศการชั่วคราวชุดนั้นคือการจัดแสดงสัตว์และเครื่องในสัตว์ต่างๆ อย่างละเอียดด้วยสเกล 1:1 กล้ามเนื้อเป็นมัด เส้นเลือดเป็นเส้น และสัตว์ทุกตัวคือสัตว์ที่ตายแล้วจริง) มาจัดแสดงได้ มันราคาสูงเอาเรื่องเลยล่ะ”
การศึกษาทำเงินได้ ไม่น่าอาย แต่ถ้าได้ทำแล้ว จงทำอย่างมืออาชีพ ฟินแลนด์น่าจะคิดแบบนี้
หมายเหตุ:
Education Finland ประกอบไปด้วยบริษัท มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอาชีวศึกษา และสถาบันอาชีวศึกษาอื่นๆ
อ้างอิงข้อมูลจาก:
Finnish Education Export Strategy: Summary of the strategic lines and measures by Ministry of Education and Culture
Education as Finland’s Hottest Export? A Multi-Faceted Case Study on Finnish National Education Export Policies by Monika Schatz (Doctoral Dissertation)
http://minedu.fi/en/article/-/asset_publisher/marianne-huusko-koulutusviennin-ladunavaaja