ภาพประกอบ: Shhhh
Diabulimia คือผู้ที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 1 และ ‘แอบ’ หรือไม่ยอมฉีดอินซูลินเข้าร่างกาย เพราะกลัวน้ำหนักขึ้น นำมาซึ่งอาการตาบอด โคม่า และ ‘ตาย’
นี่คือหนึ่งในภาวะความผิดปกติทางการกิน (eating disorder) และเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั่วโลก
Diabulimia คือการรวบคำระหว่างคำว่า ‘diabetes’ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และ ‘bulimia’ บูลิเมีย ภาวะที่ควบคุมตัวเองขณะกินไม่ได้ แล้วจึงไปล้วงคออ้วก หนึ่งในภาวะความผิดปกติทางการกินประเภทหนึ่ง
แต่ลักษณะเฉพาะของ Diabulimia คือผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 1 ซึ่งต้องฉีดอินซูลินเข้าร่างกายเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อฉีดแล้วทำให้น้ำหนักขึ้น อ้วน เมื่อนั้นพวกเขาจึง ‘แอบ’ ไม่ฉีดอินซูลิน เพื่อรักษารูปร่างและประคองน้ำหนักของตัวเองให้เท่าเดิม
“ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ในระหว่างการรักษา พวกเขา (พยาบาล) จะคอยจับตาดูอยู่ตลอดว่าเธอกินข้าวหรือไม่ แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ดูว่าเธอฉีดอินซูลินหรือเปล่า หมายความว่าตลอดเวลาที่เธอน้ำหนักค่อยๆ ลดลง (เพราะไม่ฉีดอินซูลิน) ร่างกายของเธอค่อยๆ อ่อนแอและเดินเข้าสู่ความตาย” คือคำอธิบายของผู้หญิงคนหนึ่งในเว็บไซต์ VICE
เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดขึ้นเพราะตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินเองได้ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายดึงคาร์โบไฮเดรตในอาหารมาใช้งาน เช่นนั้นร่างกายจึงต้องหันไปใช้พลังงานจากไขมันและกล้ามเนื้อแทน
ผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 1 ต้องฉีดอินซูลินเข้าร่างกายเพื่อช่วยให้ร่างกายดึงคาร์โบไฮเดรตมาใช้งาน แต่เมื่อพวกเขาไม่ยอมฉีด ผลระยะยาวจากการ (แอบ) ลดระดับน้ำตาลของผู้ป่วยที่เป็น Diabulimia คือภาวะที่ร่างกายควบคุมน้ำตาลในร่างกายไม่ได้ น้ำหนักลด เพราะร่างกายหันไปดึงพลังงานจากกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกายแทน ซึ่งการใช้พลังงานจากไขมันนี้ ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตนจากเบาหวาน (Diabetic Ketoacidosis: DKA) ต่อไป ซึ่งถ้าภาวะ DKA ยังคงไม่ได้รับการดูแลอีก นั่นหมายถึงอาการตาบอด โคม่า และความตาย
งานวิจัย ‘อาการผิดปกติทางการกินในเด็กและผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานประเภท1’ จากทีมวิจัยคณะจิตเวช แห่งเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อสุขภาพ (University Health Network) โตรอนโต ประเทศแคนาดา ประเมินว่า
กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 1 อายุ 15-30 ปี พยายามหลีกเลี่ยงหรือไม่ยอมให้อินซูลินกับตัวเอง เพราะกังวลเรื่องความอ้วน และมีตัวเลขยืนยันว่า ผู้หญิงที่มีอาการเหล่านี้ ท้ายที่สุดจะพัฒนาไปเป็นแอนอเร็กเซีย (Anorexia) และบูลิเมีย (Bulimia) ในที่สุด
Diabetes เว็บไซต์ที่อธิบายเรื่องโรคเบาหวานประเทศอังกฤษ รายงานว่า แม้ Diabulimia จะยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างแพร่หลาย แต่ในกลุ่มผู้ป่วยและผู้ทำงานกับผู้ป่วยกลุ่มนี้ทราบดีว่านี่คืออาการหลักของผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 1 เลยทีเดียว และกำลังถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในอาการผิดปกติทางการกิน เพิ่มเติมจาก แอนอเร็กเซีย บูลิเมีย และโรคกินไม่หยุด (Binge eating disorder)