เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเศษอาหารอย่างคุ้มค่าที่สุด แทนที่จะต้องขนส่งไปฝังกลบร่วมกับขยะอื่นๆ เหมือนที่ผ่านมา สภาเมืองซีแอตเทิล สหรัฐ จึงเห็นชอบและผ่านเทศบัญญัติห้ามทิ้งเศษอาหารลงในถังขยะตั้งแต่เดือนกันยายน 2014 และจะมีผลบังคับใช้ต้นเดือนกรกฎาคมนี้
ปกติชาวซีแอตเทิลทิ้งเศษอาหารลงถังขยะราว 400 ปอนด์ต่อปี โดยมีถังขยะอีกใบเพื่อแยกเศษอาหารและเศษกิ่งไม้ใบไม้ ซึ่งทุกคนไม่ต้องนำไปทำปุ๋ยเอง เพียงทิ้งขยะให้ถูกถัง เจ้าหน้าที่ก็จะเก็บขยะเหล่านั้นให้ตามปกติ แต่ละปี ขยะไม่ต่ำกว่า 100,000 ตันจะถูกส่งไปฝังกลบยังหลุมฝังกลบขยะทางตะวันออกของเมืองโอเรกอน ซึ่งห่างออกไปราว 300 ไมล์
ข้อกำหนดใหม่จะช่วยให้ซีแอตเทิลทำสถิติการรีไซเคิลและการทำปุ๋ยหมักได้ถึงร้อยละ 60 ของขยะเศษอาหารทั้งหมด ขณะนี้อยู่ในช่วงทดสอบความร่วมมือจากประชาชน และจะเริ่มพิจารณาเรื่องค่าปรับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2015 โดยครัวเรือนที่มีเศษอาหารเกินร้อยละ 10 ในถังขยะจะถูกปรับครั้งละ 1 ดอลลาร์ ขณะที่อพาร์ทเมนต์ คอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงานต่างๆ จะต้องเสียค่าปรับ 50 ดอลลาร์
ทั้งนี้ เมืองซีแอตเทิลทำสัญญากับบริษัท Recology Cleanscapes ให้ดำเนินการตรวจสอบปริมาณเศษอาหารและติดป้ายสีแดงแก่ถังขยะของบ้านหรือสถานที่ที่มีเศษอาหารอยู่ภายในเกินกว่าร้อยละ 10
เปลือกผลไม้หรือกากกาแฟเป็นขยะที่สังเกตเห็นได้ง่ายในถัง และพวกมันเหมาะจะนำไปหมักปุ๋ยมากกว่าจะลงถังขยะ ซึ่งจะต้องเดินทางไกลกว่าร้อยไมล์ไปสู่หลุมฝังกลบขยะในเมืองโอเรกอน
ซีแอตเทิลถือเป็นเมืองแรกที่เตรียมปรับเจ้าของบ้านหรือธุรกิจที่ทิ้งเศษอาหารลงถังขยะ ขณะที่ซานฟรานซิสโกและแวนคูเวอร์ก็มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการรีไซเคิลและทำปุ๋ยหมัก แต่ยังไม่มีการกำหนดบทลงโทษจริงจังแบบนี้มาก่อน
ที่มา: alternet.org
npr.org
seattle.gov