การเดินทางข้ามคืนวันอันแสนยาวนานของคนหนุ่มสาวในยุคสมัยที่มีวิกฤตการณ์ทางสุขภาพและเศรษฐกิจที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน
จากบทเพลงเดิมๆ ที่เคยใช้เยียวยาบำบัดตัวเองเมื่อเจอความทุกข์ตรมอย่างแสนสาหัสในชีวิต สร้างภูมิต้านทานกับจุดตกต่ำของชีวิตได้อย่างมีประสิทธิผลตลอดมา
มาวันนี้ความร้ายแรงของสภาพสังคมและเศรษฐกิจทิ้งให้เขาหรือเธอต่อสู้อย่างเปลี่ยวดายร้างไร้ความหวัง การเป็นคนในระดับหาเช้ากินค่ำปากกัดตีนถีบมีรายได้แสนน้อยนิดกว่ามาตรฐานปกติ สู้อย่างไรเหมือนเดินชนกำแพงเด้งกลับเจ็บทั้งตัวและหัวใจ
การตัดสินใจสู่วาระสุดท้ายของชีวิต ไม่ใช่เกิดขึ้นง่ายๆ ต้องมีเส้นตึงเครียดที่ขาดผึงอย่างมิอาจทนทานได้อีก ไม่เหลือความหวังใดๆ อีกแล้ว มันพังภินท์ลงไปทั้งหมด
คุณเคยไปงานศพ แล้วจับมือกับศพรึเปล่า มันว่างเปล่า เหงา... เหมือนการฉีกผ้าขาดผึง เหลือแต่รูเบ้อเร่อ แล้วเราพยายามอุดถมมัน เหมือนโลกภายในของเราสะเทือน...
เมื่อยังเป็นหนุ่มสาวอยู่ในวัยแสวงหาเรียนรู้ด้วยตัวเอง ค้นหาจิตวิญญาณที่ดีงามผ่านบทเพลงและดนตรีที่ลงลึกไปมากกว่าความบันเทิง
บทเพลงที่ช่วยเยียวยาจิตใจจากสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ที่ผุกร่อนเลวร้าย เพื่อหลุดไปสู่มุมมองด้านบวกที่ดึงดูดให้ยกระดับดวงจิตของพวกเขา
ท่อนหนึ่งในบทเพลง ‘ไกล’ ที่เขียนด้วยลายมือและปรากฏในภาพของเฟซบุ๊คผู้ตัดสินใจอัตวินิบาตกรรมนั้น สะเทือนใจยิ่งนัก ใครที่รักบทเพลงนี้ของ มาโนช พุฒตาล ก็คงน้ำตาไหลร้องไห้ออกมาได้ไม่ยาก
‘ทุกชีวิตมีสายใยต่อกันได้อย่างกลมกลืน’ เป็นหนึ่งในประโยคของบทเพลง ‘โลกสมมติ’ ในอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ในทรรศนะของข้าพเจ้า ของ มาโนช พุฒตาล ในปี 2539 น่าจะเป็นคำสรุปที่บอกว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความโหดร้ายในสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ศิลปวัฒนธรรม สาธารณสุข ฯลฯ ได้ทำให้สายใยต่างๆ ในสังคมถูกตัดขาดยากที่จะพึ่งพาอาศัยกันเหมือนเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว
ก่อนหน้านั้น 2 ปี ในอัลบั้มไตรภาค ที่ออกมาในปี 2537 มีบทเพลงต้นตอของอัลบั้ม ในทรรศนะของข้าพเจ้า ความยาว 23.52 นาที ชื่อว่า ‘ไกล’ เป็นชุดดนตรีประกอบด้วยชิ้นของบทเพลง 7 ท่อน ที่มาประกอบกัน หรือถ้ามองแบบเรื่องราวของละครหรือเธียเตอร์ ก็มี 7 องก์ คือ
- วันสุดท้าย
- โหมโรง
- สายน้ำและความหมาย
- การเดินทาง
- หมอผีครองเมือง
- แค้น
- ไกล
บทเพลงนี้เป็นแนวดนตรีโปรเกรสสีฟร็อค ซึ่งเขียนเป็นเรื่องราวผ่านบทเพลงต่อกัน เล่าผ่าน ‘ไกล’ ตัวละครเอกเดินเรื่อง ซึ่งชนเผ่าของเขากำลังประสบกับปัญหามลภาวะน้ำเป็นพิษ จึงออกเดินทางเพื่อหาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาเยียวยา
มาโนช พุฒตาล ได้ให้สัมภาษณ์ย้อนไปถึงการเขียนเพลงนี้ไว้ล่าสุดกับทีมข่าวนิวส์ 18 ว่า พยายามสะท้อนบรรยากาศสังคมไทยปี 2535 ที่มีการเคลื่อนไหวระหว่างประชาชนกับผู้ปกครองที่ใช้อำนาจไปในทางมิชอบ ตัวเอกก็ต้องต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ แต่เพลงเริ่มต้นด้วยความคิดคำนึงว่า มันเป็นภาระอันหนักหนา เพลงนี้สะท้อนปัญหาคอร์รัปชัน การใช้อำนาจมิชอบ คนจนถูกเอาเปรียบจากคนรวย คนรวยได้ประโยชน์จากคนจน เป็นวงจรที่อยู่ในสังคมของโลกมนุษย์เรา
“เพลงนี้เล่าการเดินทางของไกล ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง เช่น เจอการล่อลวงจากสังคมที่เขาออกไปเผชิญ ต้องเดินทางผ่านไปให้ได้เพื่อไปปลายทางที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ ไกลสังเกตเห็นสิ่งที่เขาผ่านไปพบว่าทุกอย่างเป็นพิษไปหมด การเมือง การปกครอง ปกปิดความเป็นจริง สมมุติว่ามีการกระทำความผิดขึ้นมา ผู้มีอำนาจก็เขียนกฎหมายให้ความผิดนั้นเป็นโมฆะหรือความผิดกลายเป็นความดี…
“ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องภายในจิตใจของตัวพระเอกคือ ไกล แท้จริงเรื่องการคอร์รัปชัน การลุแก่อำนาจ ฉ้อฉล มันอยู่ในใจตัวเองทั้งสิ้น สิ่งที่จะต้องทำให้สำเร็จ คือเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน ต้องก้าวข้ามตรงนี้ให้ได้ก่อน เริ่มต้นจากภายในตัวเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องพิจารณาตัวเองเป็นหลักก่อน
“บางทีเราอยู่ท่ามกลางวิถีชีวิตที่ถูกกระตุ้นให้ไม่มองภายในตัวเอง แต่ถูกกระตุ้นให้มองจากภายนอกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราแทบจะไม่ถามตัวเองเลย สาเหตุมาจากคนนั้นคนนี้โยนปัญหาไปที่สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา เราไม่กลับมาดูตัวเองว่าอะไรคือต้นตอปัญหา ผมคิดว่าการที่เราไปพึ่งพิงความคิดจากเพลง หนังสือ ที่สุดแล้วอาจจะไม่เหมาะสมกับตัวเราเองก็ได้ ต้องตระหนักด้วยตัวเองว่าใช่ตัวเรา แบบเดียวกับตัวเราหรือไม่ เราต้องศึกษาโลกภายนอก แต่ต้องพิจารณาตัวเรา”
ว่าไปแล้ว บทเพลง ‘ไกล’ มีพลังในการยกระดับภาวะภายในของคนฟังเพลงแบบซีเรียสในรูปแบบโปรเกรสสีฟร็อค ภาษาไทย และสามารถเยียวยาบำบัดสิ่งที่อยากพูดให้เป็นกระบอกเสียงผ่านศิลปะดนตรีหลังยุค ‘พฤษภาทมิฬ ปี 2535’ ซึ่งการต่อสู้ทางอุดมการณ์ทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ แบ่งแค่สองฝ่ายเท่านั้น คือ ประชาชนกับการต่อสู้กับเผด็จการทหาร
‘จิตวิญญาณ’ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเชื่อมโยงกับศาสนาอย่างเดียวโดยเฉพาะ แต่เป็นคำกว้างๆ ที่ครอบรวมไปถึงบทเพลงและดนตรีในทางบวก ช่วยยกระดับหรือเป็นการบอกแทนถึงการเดินทางไปสู่มิติที่สูงขึ้นของห้วงลึกภายในของมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ ดนตรีและบทเพลงโปรเกรสสีฟร็อค ส่วนหนึ่งก็อยู่ในขอบข่ายดนตรีของการยกระดับและพาท่องเพริดไปสู่ในมิติของจิตวิญญาณหรือห้วงลึกภายในให้สูงขึ้น และสามารถตกตะกอนชีวิตได้ในระดับหนึ่ง ผ่านการฟังผ่านโสตและจินตภาพของเรื่องราวในบทเพลง
ดนตรีโปรเกรสสีฟร็อค ในสายสกุลดำดิ่งทิ้งลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ (Progressive Rock Spiritual หรือ Prog Spiritual) สามารถช่วยคลายทุกข์บำบัดใจ ดูแลเยียวยาถึงด้านในของจิตใจและลึกซึ้งถึงด้านจิตวิญญาณ สามารถเป็นพาหะที่ช่วยให้ร่างกายและจิตวิญญาณได้ทำงานร่วมกันอย่างผสานกลมกลืน หรือเยียวยาความเจ็บปวดทางกายและใจ บำบัดสร้างสมดุลให้กับชีวิต
นับได้ว่าดนตรีเป็นยาที่รอการค้นพบของผู้คนว่าบทเพลงและดนตรีแบบไหนตรงจริตของตัวเอง พลังของดนตรีและบทเพลงสามารถหล่อเลี้ยงร่างกาย จิตใจ หัวใจ และวิญญาณ เมื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับบทเพลง เสียงดนตรีจะช่วยเยียวยาเข้าไปในชีวิต มีการค้นพบการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษ แปรบังเกิดการปลดปล่อยที่เสรีในบทเพลงภายในของตัวเอง
ดนตรีมีส่วนสนับสนุนในห้วงเวลาที่ผู้คนพบเจอกับวิกฤติชีวิตที่ท้าทาย บทเพลงและดนตรีจะนำบ้านที่เป็นหัวใจและความจริงแท้ เป็นความงามที่สลับซับซ้อนทว่ากลมกลืนสวยงามในท่วงทำนอง จังหวะ และบทเพลงจะไหลเข้าสู่เส้นโลหิตรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลและเอกภพ
การเยียวยาบำบัดยกระดับจิตวิญญาณของการเชื่อมต่อ 4 องค์ประกอบของดนตรี คือ จังหวะ ซึ่งเป็นยาสำหรับร่างกาย ความไพเราะ ยาสำหรับหัวใจ ท่วงทำนอง ยาสำหรับวิญญาณ และความเงียบ ยาสำหรับจิตใจ
การฟังอย่างเปี่ยมด้วยสติจะช่วยเปิดตัวของคนฟังอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเยียวยาศักยภาพที่บทเพลงมีให้ ดนตรีจะเชื่อมต่อเสียงเข้ากับจิตวิญญาณ และดนตรีที่ดำดิ่งทิ้งลึกถึงภายในจะช่วยเยียวยาและเปลี่ยนแปลงในระดับที่ลึกถึงก้นบึ้งของชีวิต
หน้าที่พิเศษของดนตรีช่วยลดความเครียด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางดวงจิต และสร้างระบบความมั่นคงทางจิตที่เข้มแข็ง
ดนตรีสามารถเชื่อมต่อกับสิ่งอื่นๆ และสร้างสรรค์ประชาสังคม แม้จะอยู่ในช่วงที่มีสงครามและความขัดแย้งมากมาย แรงบันดาลใจที่ชี้แนวทางในการใช้ดนตรีเพื่อจิตวิญญาณ การเติบโตภายในของปัจเจกบุคคล และความเป็นอยู่ที่สมดุลของจิตใจ
หนังสือชื่อ วิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณในการเยียวยารักษาตัวเองด้วยเสียง (The Science and Spirit of Healing Yourself with Sound) เขียนโดย คริสติน สตีเฟนส์ (Christine Stevens) นักบำบัดจิตด้วยดนตรีซึ่งนำเสนอแนวทางปฏิบัติในการควบคุมพลังของการเยียวยาของดนตรี บอกชัดเจนว่า
บทเพลงและดนตรีสามารถซาบซึมเข้าไปปิดยีนที่เป็นสัญญาณความตึงเครียดขั้นสุดได้ มันเป็นเพราะดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ซึ่งอยู่ในระดับที่ลึกที่สุด และผู้คนไม่ต้องพึ่งความสามารถพิเศษหรือการฝึกฝนใดๆ ในการควบคุมพลังของดนตรีในการยกระดับและประเทืองปัญญาของการมีชีวิตอยู่ ดนตรีเป็นยาหรือเวชกรรมในตัวมันเอง
เพราะฉะนั้น บทเพลง ‘ไกล’ ซึ่งเคยเป็นที่พึ่งยามทดท้อตกต่ำของชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งที่อายุไม่มากนัก ดนตรีที่เคยสามารถแทรกซอนไปบำบัดจิตใจลึกไปถึงจิตวิญญาณ มีพลังให้คิดถึงความสุขในช่วงหนึ่งของชีวิต โดยช่วยเยียวยาความกลัว ความเครียด กดดัน และภาวะซึมเศร้าหม่นหมองประคองทุกข์
ดนตรีที่เยียวยาบำบัด เสียงจะไปช่วยขยายโมเลกุลของกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย สู่การคลายภวังคจิต ถึงขั้นยกระดับจิตวิญญาณ ผ่อนคลายลงได้ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดซึ่งเกิดจากพยาธิสภาพ ลดทอนความรู้สึกเจ็บปวดได้อย่างดี ชุ่มชื่นไปจนกระทั่งจิตวิญญาณ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างปกติอีกแล้วเหมือนที่ผ่านมาในอดีต
ในกรณีศึกษาของบทเพลงและดนตรีโปรเกรสสีฟร็อค สายจิตวิญญาณ ได้สะท้อนภาพกว้างๆ ว่า สังคมเดินทางมาถึงจุดตึงเครียดของคนระดับฐานรากล่างสุดที่มีรายได้น้อย รวมถึงคนหนุ่มสาว เห็นเพียงแต่ความมืดมนไม่มีความหวังในอนาคตอีกต่อไป ไม่มีที่พึ่งอื่นใดอีกแล้ว
บทเพลงก็มิอาจเยียวยาบำบัดได้เหมือนเดิมอีกแล้ว…
สังคมไทยในยุคโควิด-19 เลวร้ายกว่าหลังช่วงพฤษภาทมิฬ 2535 และวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งอย่างแน่นอน หากหยิบบทเพลง ‘ไกล’ มาสะท้อนเรื่องราวของผู้คนแห่งยุคสมัยที่เกิดขึ้นจริง
นี่คือวันสุดท้ายของสายน้ำหยดสุดท้าย เป็นวันสุดท้ายของหยาดเหงื่อและน้ำตา นี่คือวันสุดท้ายที่สายโลหิตหลั่งไหล เป็นวันสุดท้ายที่น่าเวทนา สิ้นสุดกันเสียที ทั้งความเลวความดีชั่วช้า ทั้งภาพลวงตาและความไม่เท่าเทียม นี่คือวันสุดท้าย... เพราะนี่คือวันสุดท้าย เป็นวันสุดท้ายอันน่าเวทนา…