พบสารก่อมะเร็งในเบียร์เยอรมัน

beers

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (Food and Drug Administration: FDA) จะเริ่มต้นทดสอบผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เพื่อหาการปนเปื้อนของสารไกลโฟเสต (glyphosate) สารเคมีปราบศัตรูพืช ที่มีชื่อทางการค้าว่า Roundup ซึ่งมีการใช้งานมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970

ปี 2015 องค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (International Agency for Research on Cancer: IARC) หน่วยงานขององค์การอนามัยโลก ประกาศว่า ไกลโฟเสตเป็นหนึ่งในสารที่อาจก่อมะเร็งในมนุษย์

นี่เป็นครั้งแรกในสหรัฐที่จะมีการตรวจสอบสารไกลโฟเสตปนเปื้อนในอาหาร หลังจากรายงานประจำปี 2014 ของ FDA ถูกวิจารณ์จากสำนักงานบัญชีกลางสหรัฐ (Government Accountability Office: GAO) อย่างรุนแรงพร้อมแนะนำให้ FDA ตรวจสอบสารไกลโฟเสตที่อาจตกค้างในอาหาร เนื่องจากมีข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2008-2012 แล้วว่าเคยตรวจพบตกค้างในผักผลไม้หลายชนิด

ดร.เนธาน ดอนลีย์ นักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ (Center for Biological Diversity) กล่าวว่า น่าตกใจมากที่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะเริ่มโครงการทดสอบ และให้ข้อมูลว่าเรื่องผลกระทบของไกลโฟเสตต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอยู่ในความสนใจของนักวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด

มูลค่าการใช้สารปราบศัตรูพืชทั่วโลกในแต่ละปี อยู่ที่ราว 1,700 ล้านดอลลาร์ ข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบในครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนทราบว่า อาหารของเรามีการปนเปื้อนสารเคมีมากน้อยเพียงใด และมาตรฐานที่ปลอดภัยอยู่ตรงไหน

นอกจากข่าวดีที่มาช้าของผู้บริโภคชาวอเมริกัน ยังมีข่าวไม่ดีนักเกี่ยวกับไกลโฟเสตที่เกี่ยวข้องกับเบียร์เยอรมัน

สถาบันสิ่งแวดล้อมมิวนิค (Umweltinstitut München) ออกรายงานผลการตรวจสอบเบียร์ยอดนิยมในเยอรมนี 14 ยี่ห้อ พบว่ามีการปนเปื้อนสารไกลโฟเสต หนึ่งในสารก่อมะเร็งที่พบได้ในสารปราบศัตรูพืช

สมาคมผู้ผลิตเบียร์เยอรมัน (German Brewers’ Association) ออกมาตอบโต้ผลการทดสอบการปนเปื้อนไกลโฟเสตในเบียร์ของสถาบันสิ่งแวดล้อมมิวนิคว่า งานชิ้นนี้ยังขาดความน่าเชื่อถือ โดยอ้างว่าปริมาณสารที่ตรวจพบอยู่ในระดับต่ำ และไม่สามารถป้องกันการปนเปื้อนได้ เนื่องจากสารปราบศัตรูพืชอยู่คู่ภาคเกษตรมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

จากหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ น่าจะได้ข้อสรุปอยู่แล้วว่า ยิ่งใช้สารเคมีในภาคเกษตรมากเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภคเท่านั้น นอกจากนี้ เฮนรี โรว์แลนด์ส ประธาน Sustainable Pulse กล่าวว่า ยังมีสารเคมีที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ แม้จะได้รับในปริมาณไม่มาก โดยสารเหล่านี้รู้จักกันดีในชื่อ ‘ฮอร์โมนแฮ็คเกอร์’ (endocrine-disrupting chemicals: EDCs) หรือสารที่ขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ

การศึกษาตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Clinical Endocrinology and Metabolism เมื่อเดือนมีนาคม 2015 คำนวณว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในสหภาพยุโรปที่ใช้จ่ายเพื่อรักษาเฉพาะกรณีนี้ มีมูลค่ากว่า 150,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี รายงานยังระบุว่า ภาวะไอคิวต่ำ น้ำหนักเกินในผู้ใหญ่ และร้อยละ 5 ของผู้ป่วยออทิสติก อาจเป็นผลมาจากการได้รับสาร EDCs ซึ่งไกลโฟเสต คือหนึ่งในสารดังกล่าว

 

[table class=”table-condensed” width=”500″ colalign=”left|center”]
ผลิตภัณฑ์เบียร์ ; หน่วย: ไมโครกรัมต่อลิตร (ส่วนต่อล้านส่วน)

Hasseröder Pils       ;  29.74
Jever Pils            ;  23.04
Warsteiner Pils       ;  20.73
Radeberger Pilsner    ;  12.01
Veltins Pilsener      ;  5.78
Oettinger Pils        ;  3.86
König Pilsener        ;  3.35
Krombacher Pils       ;  2.99
Erdinger Weißbier     ;  2.92
Paulaner Weißbier     ;  0.66
Bitburger Pils        ;  0.55
Beck’s Pils           ;  0.50
Franziskaner Weißbier ;  0.49
Augustiner Helles     ;  0.46[/table]

 

 


 

ที่มา:
ecowatch.com
gao.gov
theguardian.com
sustainablepulse.com
br.de

 

Author

อภิรดา มีเดช
อดีตภูมิสถาปนิกที่สนิทสนมกับตัวหนังสือมากกว่าต้นไม้ สารพัดขนแมวที่ติดอยู่บนเสื้อสีดำเป็นเครื่องหมายแสดงความจิตใจดี เป็นเครื่องประดับแสดงความเป็นทาสแมว สนใจด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา ประวัติศาสตร์ การเมือง รวมถึงการวิพากษ์สังคมและบุคคลอย่างตรงไปตรงมา
(กองบรรณาธิการ WAY ถึงปี 2559)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า