อย่างไม่เป็นทางการ…ประธานาธิบดีผู้ชนะการเลือกตั้งของประเทศออสเตรีย ได้แก่…อเล็กซานเดอร์ ฟาน เดอ เบลเลน (Alexander Van der Bellen) ผู้มาพร้อมกับนโยบาย ‘pro-European’ อันได้แก่ ‘เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ’
การเลือกตั้งของประเทศออสเตรียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และผลการนับคะแนนล่าสุด ฟาน เดอ เบลเลน มีคะแนนเหนือ นอร์เบิร์ท ฮูเฟอร์ (Norbert Hofer) หัวหน้าพรรค Freedom Party พรรคการเมืองฝ่ายขวา far-right ที่ชูนโยบายเรื่อง ‘การต่อต้านผู้อพยพ’ (anti-immigration) คือ 51.7 เปอร์เซ็นต์ และ 48.3 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ผลที่เป็นทางการยังต้องรอคะแนนอีกส่วนหนึ่งจาก mail-in ballots ซึ่งจะถูกนับภายในวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม
แม้หลายประเทศมีแนวโน้มเป็นไปในทาง ‘ขวาหัน’ เช่น กรณี Brexit หรือชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในสหรัฐ แต่ใช่ว่าขวา far-right จะเป็นเทรนด์ของโลกเสมอไป ที่ออสเตรีย คะแนนของ ฟาน เดอ เบลเลน จากเดิมอยู่เพียง 30,000 เสียง กลับดีขึ้นมากกว่าเดิมถึง 10 เท่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ทำไมชัยชนะของนายเบลเลน แห่งพรรคกรีนจากออสเตรีย (The Greens – The Green Alternative) จึงสำคัญ?
ประเด็นสำคัญที่สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักได้ไฮไลต์และวิเคราะห์ชัยชนะของ ฟาน เดอ เบลเลน นั้นมีอยู่ว่า ชัยชนะครั้งนี้ราวกับเป็น ‘การฟื้นคืนความหวังให้กับอุดมการณ์ความเป็นยุโรป’ เพราะนอกจากฝ่ายตรงข้ามจะชูประเด็นเรื่องผู้อพยพแล้ว ยังมีแนวคิดชาตินิยม และมีแผนนำออสเตรียออกจากสหภาพยุโรป
ชัยชนะของพรรคกรีนครั้งนี้ โดนัลด์ ทัสค์ (Donald Tusk) ประธานคณะกรรมการยุโรป กล่าวแสดงความยินดีกับ ฟาน เดอ เบลเลน ว่า “ขอแสดงความยินดีอย่างสุดประมาณ”
ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ซิกมาร์ เกเบรียล (Sigmar Gabriel) ส่งสัญญาณถึงผลคะแนนของพรรคกรีนที่มีเหนือพรรค Freedom Party ครั้งนี้ว่า เป็นชัยชนะในการต่อสู้กับอุดมการณ์ฝ่ายขวา
และอีกครั้งกับการแสดงความยินดีของประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟร็องซัวส์ ออล็องด์ (Francois Hollande) ผู้กำลังเผชิญการรุกคืบจากฝ่ายขวาชาตินิยม กล่าวว่า นี่คือการเลือกและเปิดรับความเป็นยุโรปอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ผู้แพ้อย่าง นอร์เบิร์ท ฮูเฟอร์ เขียนสเตตัสเฟซบุ๊คของตัวเองไว้ว่า “infinitely sad”
สำนักข่าวต่างประเทศยังวิเคราะห์ต่อไปว่า ผลการเลือกตั้งของประเทศออสเตรียครั้งนี้อาจส่งผลทางจิตวิทยาต่อการเลือกตั้งในประเทศฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนีซึ่งจะเกิดขึ้นในปีหน้า – อะไรก็เกิดขึ้นได้ ท่ามกลางกระแสขวาหันและแนวคิดต่อต้านผู้อพยพที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำพรรครีพับลิกันไปปักธงนำร่องไว้ที่สหรัฐก่อนหน้านี้แล้ว
อ้างอิงข้อมูลจาก: bloomberg.com
bbc.com